[Review] Samsung Galaxy S20 Ultra 5G เรือธงท็อปสุดๆ ของ Samsung กับกล้องซูมไกลถึง 100 เท่า
กลับมาพบกับการรีวิว Gadget และมือถือจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง และครั้งนี้กับมือถือที่หลายคนรอคอยมานานมากว่าเมื่อไหร่จะได้รีวิว และมันดีจริงไหม หากจะจ่ายเงินระดับ 39,990 บาท กับ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G วันนี้เราจะมารีวิวกันทุกซอกทุกมุมของมือถือรุ่นนี้พร้อมแล้วรับชมกันเลย
รูปลักษณ์หน้าตาของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G
เริ่มต้นกับด้านหน้าของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G จะมีขนาดหน้าจอใหญ่สุดในบรรดา S20 Series ด้วยขนาด 6.9 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED X2 ความละเอียดสูงถึง 3000x1440 พิกเซล และมีขนาดหน้าจอใหญ่พอสมควรเลย
ส่วนบนของหน้าจอจะมีเซนเซอร์เกี่ยวกับหน้าจอเช่น ลำโพงส่วนบน ออกเสียงทั้งตัวเครื่อง และสำหรับสนทนา และเป็นลำโพงตัวที่ 2, กล้องหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ภายในจอจับการแนบหน้าแล้วจอจะดับลง
ส่วนล่างจะเป็นปุ่มควบคุมที่สามารถเปลี่ยนได้โดยเข้าไปที่ setting (ตั้งค่า) > Display (จอภาพ) > Navigation Bar (แถมการนำทาง) จะสามารถเปลี่ยนได้ 2 แบบคือ
- แบบปุ่มอย่างที่เห็นในหน้าจอ
- แบบปัด หรือ Full Screen Gesuture ที่สามารถปัดซ้ายหรือขวาเพื่อย้อนกลับ, ปัดขึ้นบนกลับหน้าหลัก, ปัด ขึ้นครั้งเดียวและ Recent Apps หรือ Apps ที่เปิดมาก่อนหน้านี้ แล้วแช่ไว้
รอบตัวเครื่องออกแบบที่เรียบง่ายและดูดีพอสมควรและมีปุ่มกดทั้งปรับระดับเสียง, ปุ่ม Side Key สามารดตั้งค่าได้ดังนี้
Setting (ตั้งค่า) > Advance Feature (คุณสมบัติขั้นสูง) > Side Button (ปุ่มด้านข้าง) จะมีให้ตั้งค่าทั้งแบบกด 2 ครั้ง หรือกดค้างหากจะเลือกให้เป็นปุ่มเปิดเครื่อง หรือเลือกกดค้างเป็นปุ่มสั่งงาน Bixby Voice ก็ได้
ฝั่งซ้ายจะปล่อยเรียบและและมีเส้นของเสาอากาศไว้อยู่ด้านบนสุด
ส่วนบนมีทั้งไมโครโฟตัดเสียงรบกวนและถาดใส่ซิมการ์ดรองรับทั้ง Nano SIM, Hybrid Slot สลับได้ทั้ง Nano SIM ใบที่ 2 และความจำ แบบ Micro SD/ แต่สำหรับมือถือรุ่นนี้รองรับ eSIM
ส่วนล่างมีไมโครโฟน, ช่องเสียบ USB-C, ไมโครโฟนตัวยเครื่องสำหรับอัดเสียงกล้องและสนทนา, ลำโพงหลัก, USB-C สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
พลิกมาด้านหลัง ดีไซน์เปลี่ยนแปลงจากรุ่นปกติ และรวมถึง กล้องหลังที่ตัวนี้ให้มากกว่าเพื่อน ทำให้ความหนาของเครื่องค่อนข้างมาก ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 ตัว และมีการเจาะรูปที่กล้องซึ่งจะติดตั้งไมโครโฟนของเครื่องตัวที่ 3 ช่วยลดเสียงเวลาถ่ายวิดีโอได้ บอดี้เป็นแบบกระจกทั้งหมดทำให้ดูเงางามไม่เบา
ภาพรวมดีไซน์ / น้ำหนักเครื่อง / สีสัน
ภาพรวมของเครื่องถือว่าใหญ่มากและหน้าจอของเครื่องแม้ว่าจะไม่ได้บอกว่าโค้งเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วหน้าจอมีความโค้งที่ 2.5D พื้นที่เต็มจอ และมีกล้องหน้าอยู่ตรงกลาง ปุ่มกดและการวางจุดต่างๆ ถือว่าออกแบบลงตัว มีข้อระวังคือ รูลำโพงข้างบน ถ้าติดฟิล์มกันรอยระวังบังลำโพงนะครับ
น้ำหนักของเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 220 กรัมถือว่าหนักพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่นๆ แต่ขนาดเครื่องแบบนี้ก็ถือว่าน้ำหนักขนาดนี้ก็ใช้ได้แล้วครับ
ส่วนสีสันของเครื่องไม่ต้องเลือกให้เยอะมาก เพราะมีให้เลือกคือ สีดำ Cosmic Black และ เทา Cosmic Gray
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G
สเปกของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G
- หน้าจอ DynamicAMOLED 3200 x 1440 พิกเซล WQHD+ (HDR10+) ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz
- ขนาดตัวเครื่อง 166.9 x 76.0 x 8.8 มม.
- น้ำหนัก 220 - 221 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 990
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB (LPDDR5)
- หน่วยความจำภายในความจุ 128GB รองรับการเพิ่มความจำภายนอกสูงสุด 1TB
- การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง อีกช่องเป็นแบบ Hybrid Slot สลับได้ทั้ง MicroSD / eSIM
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, เลนส์ Tele 10x ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล(Space Zoom 100x), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง ToF (Time-of-Flight) สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Ultrasonic Fingerprint
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับ Fast Charge 45W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi Wireless Power Share 2.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.0
- ราคาในประเทศไทย : 39,900 บาท
- สี Cosmic Grey, Cosmic Black
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม
การทดสอบของ Samsung Galaxy S20 Ultra จะใช้โหมด Optimize เท่านั้น ซึ่งเป็นโหมดการทำงานปกติ ผลที่ได้ออกมามีดังนี้
การทดสอบประสิทธิภาพ AnTuTu = 522,983
การทดสอบประสิทธิภาพ Geekbench 5 = 907 คะแนน (Single Core) | 2,770 คะแนน (Multi Core)
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วคะแนนประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy S20 Ultra ถือว่าแรงสมตัวอยู่ ความแตกต่างจากรุ่นเล็กคือ RAM ที่เยอะกว่า นิดหน่อย แต่ผมถือว่าถ้านำมาเล่นเกมแล้ว Galaxy S20 Ultra ยังคงน่าสนใจกว่าทั้ง 2 รุ่นด้วยกัน และเมื่อเล่นเกมอยู่ก็จะมีฟีเจอร์ AI Game Booster เพิ่มประสิทธิภาพได้ และยังสามารถป้องกัน การแจ้งเตือน, ย่อหน้าจอการโทรให้เล็กลงป้องกันไม่ให้เกิดการบกวนระหว่างการเล่นเกม
การทดลองเชื่อมต่อเครือข่าย / ระบบนำทาง
ส่วนการเชื่อมต่อของ Samsung Galaxy S20 Ultra จะรองรับการเชื่อมต่อ 5G ยืนยันใช้ได้ทั้งหมด 3 ค่ายได้แน่นอน ส่วน WiFi 802.11 AX หรือ WiFi 6 รวมถึง Bluetooth 5.1 ใหม่ ส่วนการนำทางถือว่าใช้งานได้ลงตัว และลดปัญหาเรื่องการเพิ่ม Mem คุณสามารถเอาซิมการ์ดที่ 2 ใส่ในรูปแบบของ eSIM ได้ โดยรายละเอียดสอบถามที่ผู้ให้บริการได้ทันที แต่ถ้าคุณอยากรู้ สามารถเข้าไปดูได้ที่ Setting (ตั้งค่า) > Connections (การเชื่อมต่อ) > SIM Card Manager (การจัดการซิมการ์ด) > eSIM
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียงของ Galaxy S20 Ultra
ส่วนหน้าจอของ Samsung Galaxy S20 Ultra มีขนาดหน้าจอใหญ่อลังการมากถึง 6.9 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED ให้สีสันที่คมชัดและความละเอียดมากที่สุดถึง 3000x1440 พิกเซล ถือว่าละเอียดมาก สามารถปรับความสดได้ และรวมถึงค่า Refresh Rate ได้ ยิ่ง Smooth มากก็จะกินไฟมากนะครับ ดังนั้นถ้าไม่ได้เล่นเกม 60 Hz ก็พอ
ส่วนระบบเสียงของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G มาพร้อมกับลำโพง 2 ตัวและมี Dolby ATMOS ช่วยปรับคุณภาพเสียงบ ภาพรวมจากที่ได้ลองฟังถือว่าดังดีสมกับขนาดเครื่องที่ใหญ่โตไม่น้อย และระบบ Dolby ATMOS สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth ได้ด้วย และยังมีฟีเจอร์ที่สามารถ ให้ลำโพง Bluetooth/หูฟัง เล่นเพลงแยกจากตัวมือถือเองได้ด้วย (Sepearate app Sound)
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy S20 Ultra จัดหนักมาให้บนระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมกับ OneUI 2.0 ใหม่ล่าสุด มีจุดเด่นที่ยังควบคุมง่ายและมีการจัดวางทั้ง Notification, และเมนูต่างๆ มาครบครัน
ฟีเจอร์ในระบบปฏิบัติการที่โดดเด่นมีดังนี้
- โฟกัสโหมด สามารถให้คุณฝึกสมาธิในรูปแบบว่า จะทำงาน, พักผ่อน หรือการนอนหลับได้
- Bixby Routines เป็นฟีเจอร์ที่สามารถทำให้เครื่องปรับตัวเองตามกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การตื่นจนถึงก่อนเข้านอน โดยเครื่องจะปรับฟีเจอร์ตามที่เราต้องการหรือที่เครื่องมีก็ได้เช่นเดียวกัน และคุณกำหนดเพิ่มเองได้
- Screen Recorder สามารถกดเปิดอัดหน้าจอและเปิดกล้องหน้าในเวลาที่เราต้องการใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยเปิดไมค์ก็ได้ และรองรับความละเอียด Full HD และวาดเขียนประกอบคำอธิบายได้
- ปุ่มด้านข้างเครื่องที่มาแทนตำแหน่งปุ่ม Bixby เดิม สามารถตั้งค่าได้ทั้งกด 2 ครั้งว่าจะให้ทำอะไรเช่น ให้เรียก Bixby, เปิด กล้อง หรือจะเปิด Apps อื่นๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน กดค้างไว้ก็สามารถเรียก Bixby หรือ จะให้เป็น Switch ปิด, Restart, หรือ โทรฉุกเฉิน
- สามารถตัดต่อวิดีโอได้ โดยเฉพาะใน Gallery ที่สามารถเรียงหรือแทรกวิดีโอเข้าไป เติมคำภาษาไทยได้, เพิ่ม Effect ในการถ่ายวิดีโอได้
- AR Doodle ยังคงอยู่แต่จะต้องเข้าโหมดกล้องเท่านั้น
- หน้าของ Bixby Home เปลี่ยนชื่อเป็น Samsung Daily
Samsung DeX
- เป็นการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ยังรองรับการทำงานของ Samsung DeX จะปรากฏข้างในหน้าจอ โดยเครื่องจะบังคับให้คุณ Download Apps จากเว็บไซต์ เมื่อโหลดเสร็จแล้ว เราสามารถลาก File เข้า หรือ ออกจากคอมพิวเตอร์ได้ทันที ส่วนมือถือจะทำอะไรก็ได้ และควบคุมมือถือได้ระดับหนึ่ง ใช้งานได้ทั้ง macOS และ Windows 7, 10
Microsoft Link Your Phone
- หรือถ้าคิดว่าไม่สะดวกไม่อยากลง Apps เพิ่ม เฉพาะ Windows 10 จะมีฟีเจอร์ Link Your Windows ติดตั้งมาให้ในเครื่อง โปรแกรมนี้สามารถเชื่อมต่อกับ One Drive เพื่อเก็บรูป หรือ แสดงผล 25 รูปล่าสุด และยังรองรับการดูข้อความ SMS หรือ การแจ้งเตือนของภาพได้ด้วย (ต้องตั้งที่มือถือเท่านั้น)
นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยภายในเครื่องก็ยังมี Samsung KNOX และมีระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอแบบ Ultra Sonic ตำแหน่งเดียวกับ Galaxy Note 10 และ มีระบบสแกนใบหน้าโดยใช้เลนส์กล้องหน้า
เปิดกล้องลองฟีเจอร์และภาพรวมของกล้อง
สำหรับ Samsung Galaxy S20 Ultra ให้กล้องหลังมาทั้งหมด 4 ตัวที่เรียกว่าจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล
- ลเลนส์ Tele 10x ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล(Space Zoom 100x)
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- กล้อง ToF (Time-of-Flight) สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น
นอกจากนี้มีการติดตั้งเซนเซอร์ขนาดใหญ่และระบบ PDAF ช่วยให้ระบบโฟกันทำงานเร็วมากขึ้น แต่ผลงานเป็นอย่างไรต้องรอติดตามดูกันครับ
ฟีเจอร์ของส่วนกล้อง
ในส่วนหน้าตาฟีเจอร์ของกลอง Samsung Galaxy S20 Ultra ยังคงใช้รูปแบบเดิมของ Samsung Galaxy ที่อัปเดตจากระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบบน OneUI 2.0 รุ่นใหม่ล่าสุด ออกแบบให้ควบคุมง่ายซ่อนเมนูที่ไม่จำเป็นและสามารถปรับแต่งได้ พร้อมกับฟีเจอร์ Shot Suggest ปรับรูปแบบซีนที่ต้องการ การซูมภาพ สามารถลากซูม หรือกดตามโหมดต่างๆ ได้ และโหมด 108 ล้านพิกเซลจะซูมได้ 20 เท่า ส่วนการซูม 100X จะทำงานในโหมดการถ่ายภาพปกติ
ข้อสังเกตหนึ่งของการทำงานกล้องคือรุ่นนี้ถ้าใครเล่นโหมด Pro ได้ทั้งวิดีโอและภาพนิ่งจะได้ภาพออกมาที่ดีกว่าโหมด Auto ในบางครั้ง คาดว่าจะต้องรอการอัปเดตในครั้งต่อไปว่า Galaxy S20 Ultra จะปรับปรุงได้ดีเรื่อยๆ แค่ไหน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์กล้องที่น่าใช้อีกมากเช่น Live Focus, Panorama, Pro และอีกหนึ่งที่เป็นของเล่นใหม่นั่นคือ
Single Take
ฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy S20 Series ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งคือการถ่าย Single Take เป็นการถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวระยะเวลาสั้นๆ เมื่อกล้องจับจะแสดงผลได้หลากหลายและสามารถเลือกการแสดงผลได้
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Galaxy S20 Ultra
ภาพแสงปกติ / กลางวัน สีสันที่ได้ออกมาถือว่าสดใส่เพราะตัวกล้องมีการรับสีและแสงได้มากเพราะเซนเซอร์ของเครื่องที่จัดว่าใหญ่และรับสีได้เยอะ การถ่ายภาพ 108 ล้านพิกเซล สามารถกดโหมดและถ่ายออกมาเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างมาก แต่การซูมระยะไกลอาจจะภาพยังคงไม่ชัดเพราะเนื่องจาก Space Zoom คือการลดการบิดเบื้อนของภาพ แต่ก็ยังคงเป็น Digital Zoom อยู่นั่นเอง
ภาพแสงน้อง / กลางคืน หากสภาพท้องฟ้าเก็บรายละเอียดได้ดีอยู่ แต่ถ้าโหมด Auto จับสีเหลืองดีไปหน่อนแนะนำเข้าโหมดเฉพาะอย่างโหมดกลางคืนไปเลยดีกว่า
รูปแบบภาพอื่นๆ Samsung Galaxy S20 Ultra ยังมีโหมดการทำงานของเครื่องที่ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพแบบ Live Focus, Effect ที่สวยงาม และการถ่ายอาหารถ้าเน้นสีสดถือว่าลงตัว
การถ่ายวิดีโอของ Samsung Galaxy S20 Ultra
จัดหนักมาเหมือนกันเพราะ Samsung Galaxy S20 ทั้ง 3 รุ่นสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K, 4K 60 FPS แต่ถ้าต้องถ่ายวิดีโอสลับระหว่างกล้องหลังและกล้องหน้าต้องเป็นโหมดปกติ และ Super Steady กันสั่นได้มากกว่าเดิม และโหมด Pro Video สนุกกับการปรับได้มากมาย แต่เวลาถ่ายจะปรับได้แค่บางแบบ ที่เน้นเรื่องการโฟกัส เป็นต้น
รูปแบบที่เหลือยังรองรับ Hyperlapse ถ่ายวิดีโอเร็วและ Super Slowmotion ถ่ายวิดีโอเคลื่อนไหวช้าได้แบบ 960 FPS เลยทีเดียว
กล้องหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล เป็นอย่างไร
สำหรับกล้องของ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G มาพร้อมกับกล้องหน้าที่มีความละเอียดมากกว่ารุ่นอื่นในตระกูล S20 ถึง 40 ล้านพิกเซล สามารถปรับ Beauty ตั้งแต่การปรับเองได้หลายแบบ
รวมถึง Custom filters การเอาภาพที่เราชอบมาใส่แล้วปรับให้หนา้เราเหมือนกับ Scene นั้น และมี Effect มากมาย ความจริงการปรับรูปแบบที่ว่า กล้องหลังก็ทำได้ครับ รวมถึงการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าก็ทำได้ที่ความละเอียด 4K เลยครับ
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟของ Samsung Galaxy S20 Ultra
สำหรับแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S20 Ultra ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่โตอลังการถึง 5000 mAh กันเลยทีเดียว หลายคนเห็นว่าเยอะ แล้วคิดว่าจะอึดมาก แต่ความจริง จากการทดลองโดยทีม Sanook Hitech ระหว่างโหมดปรับสุด / โหมดปรับทุกอย่างน้อยสุด มีผลต่างกันประมาณหรึ่ง แต่ถ้า ลองปิดโหมด 5G เท่านั้นจะทำให้แบตเตอรี่ อึดขึ้น แต่การใช้งานในภาพรวมเฉลี่ยที่ 9 – 11 ชั่วโมง
ทั้งนี้เรื่องแบตเตอรี่หากเครื่องมีความร้อนสูงก็มีผลทำให้แบตเตอรี่ลงได้รวดเร็วเช่นกัน
ส่วนระบบการชาร์จไฟของ Galaxy S20 Ultra จะรองรับกำลังไฟมากสุดที่ 45W สามารถชาร์จไฟได้เร็ว แต่จากที่ทดลองแล้ว Super Fast Charging จะเร็วแค่ช่วงต้นเท่านั้น แต่พอเข้า 80% แล้วก็จะลดกำลังไฟเพราะความร้อนเกิดสูงนั่นเอง ส่วนที่เหลือก็ยังรองรับ Wireless Charge และจ่ายไฟออกแบบไร้สายหรือ Wireless Power Share ได้เช่นเดียวกัน
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy S20 Ultra 5G มาสักระยะเวลาหนึ่ง
ต้องยอมรับว่า Samsung Galaxy S20 Ultra 5G ถือว่าเป็นนวัตกรรมมือถือรุ่นล่าสุดของ Samsung และมีการเปลี่ยนแปลงหลายจุดรวมถึงกล้องที่เปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่สักทีหลังจากลากใช้ 12 ล้านพิกเซลมานานพอสมควร เด่นสุดคือขุมพลังสเปกแรง ใช้งานลื่น และระบบปฏิบัติการ เสถียร เน้นการทำงานได้ครบเครื่อง จบในตัวเดียวได้
แต่อาจจะยังติดขัดในบางจุดเช่น กล้องที่รอระบบ Auto Focus นานไปหน่อย ที่ต้องยอมรับว่า ทำงานช้าพอสมควร (คิดว่า ต้องรอพัฒนา Firmware มาจัดการกับเซนเซอร์ขนาดใหญ่) ภาพรวมของแบตเตอรี่ที่ลงเร็วแต่จากที่ได้ลองใช้งานสักพัก แบตเตอรี่จะอึดขึ้นเองเพราะเรียนรู้การทำงานของเราได้เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะปัจจัยหลายเรื่อง รวมถึงหน้าจอของเครื่องเช่นเดียวกัน
แล้วราคาของเครื่องอยู่ที่ 39,900 บาท ต้องยอมรับว่าค่อนข้างสูงและส่วนความจำแม้ว่าจะให้ 128GB แต่สำหรับรุ่นนี้สามารถเพิ่มความจำและใส่ eSIM ได้ก็ถือว่า คุ้มค่าหากใครอยากใส่ทั้ง Mem หรือ SIM Card
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจกับมือถือที่เน้นเรื่องกล้อง รองรับ 5G ที่สามารถใช้งานได้ครบ 3 ค่ายเพราะยืนยันแล้วว่า Galaxy S20 Ultra รองรับ 700MHz แน่นอน แค่ว่ารอเวลาเท่านั้นเอง แต่ถ้าไม่คิดเรื่อง 5G นี่ก็เป็นอีกมือถือที่ได้ทั้งจอใหญ่และกล้องครบเครื่องอีกรุ่นหนึ่ง
จุดเด่น
- ดีไซน์เครื่องสวยงาม
- จอใหญ่มากและสีสันสดความละเอียดถือว่าดี
- รองรับ 5G ครั้งแรกทั้ง 700 / 2600MHz
- ได้ RAM 12GB
- กล้องซูมไกลใช้ได้จริง
- กล้องหน้าความละเอียดเยอะ
- ได้ระบบปฏิบัติการให้
- Pro Video เทพในการถ่ายวิดีโอ
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K
ข้อสังเกต
- ความร้อนเกิดขึ้นรวดเร็วหากปรับโหมดจอ 120Hz
- ความจำภายในน้อยไปหน่อย
- ระบบ Auto Focus ยังทำงานช้า
- หากเปิดทุกอย่างสุด แบตเตอรี่จะลดไว
อัลบั้มภาพ 36 ภาพ