[Review] Samsung Galaxy S20 เรือธงร่างเล็กและถูกสุดในกลุ่ม ที่มีจุดเด่นน่าใช้ไม่แพ้รุ่นใหญ่
กลับมาพบกับรีวิว Gadget และมือถือจากทีม sanook hitech กันอีกครั้ง นอกจากรีวิว Samsung Galaxy S20 Ultra ที่ได้รับชมก่อนหน้านี้ คราวนี้เรามาดูกันว่าเมื่อเป็นรุ่นเริ่มต้นกับ Samsung Galaxy S20 จะเป็นอย่างไรและน่าสนใจแค่ไหน
รูปลักษณ์ดีไซน์
เริ่มต้นกับดีไซน์ของเครื่องจากด้านหน้าที่ใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED วางบนหน้าจอแบบ Infinity O Display ที่มีขนาดแตกต่าง โดย S20 จะมีขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 3200x1440 พิกเซลครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ถือว่าเล็กที่สุดเพราะรุ่น S20+ จะมีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว และความละเอียดหน้าจอเท่ากัน
ส่วนของหน้าจอมีเซนเซอร์พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียดสูง ถ่ายภาพออกมาคมชัด
ส่วนล่างจะเป็นปุ่มควบคุมที่สามารถเปลี่ยนได้โดยเข้าไปที่ setting (ตั้งค่า) > Display (จอภาพ) > Navigation Bar (แถมการนำทาง) จะสามารถเปลี่ยนได้ 2 แบบคือ
- แบบปุ่มอย่างที่เห็นในหน้าจอ
- แบบปัด หรือ Full Screen Gesuture ที่ปัดปุ่ม Home ค้างจะสามารถเรียก Google Assistant ได้
รอบตัวเครื่องจะออกแบบให้เพรียวบาง และเนื่องจากด้านหน้าจอแทบจะไม่ได้ใช้หน้าจอโค้งกว่าเดิม (โค้งแค่ 2.5D) ทำให้ติดฟิล์มได้ง่ายและมีส่วนของขอบและด้านหลังค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ประกอบด้วย ฝั่งซ้ายมีแค่ขอบเท่านั้น
ฝั่งขวามาพร้อมกับ มีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Option ที่สามารถตั้งค่าปุ่มได้ที่ Setting (ตั้งค่า) > Advance Feature (คุณสมบัติขั้นสูง) > Side Button (ปุ่มด้านข้าง) จะมีให้ตั้งค่าทั้งแบบกด 2 ครั้ง หรือกดค้างหากจะเลือกให้เป็นปุ่มเปิดเครื่อง หรือเลือกกดค้างเป็นปุ่มสั่งงาน Bixby Voice ก็ได้
ด้านบนนอกจากไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแล้วยังมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ด สามารถใส่ได้ทั้ง Nano SIM, และอีกช่องสลับได้ทั้ง Micro SD และ Nano SIM
ส่วนล่างสุดของเครื่องจะมีช่องเสียบ USB-C ดังนั้นรุ่นนี้จะไม่มีช่องเสียบหูฟังอีกต่อไป พร้อมกับไมโครโฟนสนทนา และลำโพงตัวเครื่องมาให้ครบ
ด้านหลังนี้แหละที่จะแตกต่างจากรุ่นเดิมชัดเจนมากมาย เพราะกล้องนั้นวางตำแหน่งมุมซ้ายด้านบน มาพร้อมกับ กระจกล้อมรอบ ส่วนทั้งหมดเป็นกระจกทั้งหมดแบบ Gorilla Glass 5 ความแตกต่างคือ S20+ จะได้จำนวนกล้องมากกว่า และตรวจกล่องมีการเจาะรูเพื่อวางไมโครโฟนได้
ภาพรวมของการออกแบบ / น้ำหนัก / สีสันที่เข้ามาจำหน่าย
ในภาพรวมแล้ว ส่วนตัวผู้เขียนชอบขนาดนี้เพราะจับได้ง่ายถนัดมือและเวลาต้องการที่จะถ่ายรูป ถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าต้องการดูหนังหรือ ใช้งานหน้าจอมากกว่า ขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้วมองว่าเล็กไปหน่อย ถ้าจะดีแนะนำว่ารุ่น Galaxy S20+ จะดีที่สุด เพราะได้ขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่ภาพรวมวัสดุนั้นไม่ได้แตกต่างจากรุ่นแพงทั้ง 2 เลยแถมมีสีชมพูให้เลือกด้วย ซึ่งรุ่นอื่น ไม่มี
ส่วนสีสันก็มีให้เลิอกดังนี้
- Galaxy S20 = Cosmic Grey, Cloud Blue, Cloud Pink
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพ
สเปก Samsung Galaxy S20
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 3200 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.2 นิ้วความละเอียดระดับ 2K พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz
- ขนาดตัวเครื่อง 151.7 x 69.1 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 163 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 990
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ชนิด LPDDR5X
- หน่วยความจำภายในความจุ 128GB รองรับการเพิ่มความจำภายนอกสูงสุด 1TB (เฉพาะรุ่นถาดใส่ซิมแบบ Dual SIM)
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, เลนส์ Tele 3x ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (Digital Zoom 30x), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Ultrasonic Fingerprint
- แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh
- รองรับ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi Wireless Power Share 2.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.0
- ราคาในประเทศไทย : 28,900 บาท
- สี Cosmic Grey, Cloud Blue, Cloud Pink
การทดสอบประสิทธิภาพ / เล่นเกม
การทดสอบประสิทธิภาพด้วย Antutu = 496,708 คะแนน
การทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 Single Core = 893 คะแนน | Multi Core = 2,696 คะแนน
เมื่อเห็นคะแนนแล้วทั้งคู่ไม่ได้แแตกต่างกันมากเพราะเนื่องจากสเปกเหมือนกันทุกจุด ทำให้ผมอ้างอิงจากเครื่องที่ได้มากที่สุด แต่ในเรื่องการเล่นเกมก็มีทั้ง AI Game Booster ปรับแต่งให้การเล่นเกมทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม และยังวิเคราะห์การเล่นเกมได้เหมาะสม ทำให้เล่นได้นานและช่วยลดความร้อนได้ แต่เท่าที่ลอง ความร้อนเกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นรุ่น S20+ เวลาเล่นเก็จะร้อนพอกัน แต่จะช้ากว่าเนื่องจากพื้นที่ของเครื่องเยอะทำให้การกระจายความร้อนทำได้ดี
การทดลองนำทาง / ระบบเชื่อมต่อ
การนำทางของ Samsung Galaxy S20 ยังให้การตอบสนองที่ดีเหมือนเดิม จับแม่นยำและให้ประสิทธิภาพที่ดีเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ และนอกจากนี้การเชื่อมต่อไร้สายมาครบทั้ง WiFi 802.11 AX หรือ WiFi 6 พร้อมกับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.1 ใหม่ล่าสุด
การแสดงผลของหน้าจอ / ระบบเสียงของ Samsung Galaxy S20
ในเรื่องแสดงผลหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED ขนาด 6.2 นิ้วยังคงให้ความชัดเจนที่ไม่ตกบกพร่อมเลย นอกจากนี้ในเรื่องของภาพที่ออกมาถือว่าลงตัวเหมือนกัน และมีการปรับรูปแบบของการตอบสนองหน้าจอได้ทั้งแบบ 60Hz และ 120Hz รวมถึงโทนสี และ Dark Mode หรือ Reading Mode ตามความเหมาะสม
ส่วนระบบเสียงของ Samsung Galaxy S20 จะติดตั้งลำโพงคู่ทั้งด้านบนและล่างของเครื่อง ให้กำลังเสียงที่ดีกว่ารุ่นเดิม แถมอาจจะดีกว่า Note 10 เพราะยังคงมีการปรับจูนโดน AKG เช่นเดียวกัน และนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dolby ATMOS ปรับรูปแบบเสียงได้และเพิ่ม Sound Alive ที่ทำให้คุณช่วยปรับแต่งเสียงได้ดี
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบปฏิบัติการยังเลือกใช้ Android 10 พร้อมกับ OneUI 2.1 รุ่นใหม่ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้ดี และลงตัวทุกทุกการใช้งาน และมี Notification ที่ลงตัวมากขึ้น
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Samsung Galaxy S20 มีดังนี้
- โฟกัสโหมด สามารถให้คุณฝึกสมาธิในรูปแบบว่า จะทำงาน, พักผ่อน หรือการนอนหลับได้
- Bixby Routines เป็นฟีเจอร์ที่สามารถทำให้เครื่องปรับตัวเองตามกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การตื่นจนถึงก่อนเข้านอน โดยเครื่องจะปรับฟีเจอร์ตามที่เราต้องการหรือที่เครื่องมีก็ได้เช่นเดียวกัน และคุณกำหนดเพิ่มเองได้
- Screen Recorder สามารถกดเปิดอัดหน้าจอและเปิดกล้องหน้าในเวลาที่เราต้องการใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยเปิดไมค์ก็ได้ และรองรับความละเอียด Full HD และวาดเขียนประกอบคำอธิบายได้
- ปุ่มด้านข้างเครื่องที่มาแทนตำแหน่งปุ่ม Bixby เดิม สามารถตั้งค่าได้ทั้งกด 2 ครั้งว่าจะให้ทำอะไรเช่น ให้เรียก Bixby, เปิด กล้อง หรือจะเปิด Apps อื่นๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน กดค้างไว้ก็สามารถเรียก Bixby หรือ จะให้เป็น Switch ปิด, Restart, หรือ โทรฉุกเฉิน
- สามารถตัดต่อวิดีโอได้ โดยเฉพาะใน Gallery ที่สามารถเรียงหรือแทรกวิดีโอเข้าไป เติมคำภาษาไทยได้, เพิ่ม Effect ในการถ่ายวิดีโอได้
- AR Doodle ยังคงอยู่แต่จะต้องเข้าโหมดกล้องเท่านั้น
- หน้าของ Bixby Home เปลี่ยนชื่อเป็น Samsung Daily
Samsung DeX
- เป็นการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ยังรองรับการทำงานของ Samsung DeX จะปรากฏข้างในหน้าจอ โดยเครื่องจะบังคับให้คุณ Download Apps จากเว็บไซต์ เมื่อโหลดเสร็จแล้ว เราสามารถลาก File เข้า หรือ ออกจากคอมพิวเตอร์ได้ทันที ส่วนมือถือจะทำอะไรก็ได้ และควบคุมมือถือได้ระดับหนึ่ง ใช้งานได้ทั้ง macOS และ Windows 7, 10
Microsoft Link Your Phone
- หรือถ้าคิดว่าไม่สะดวกไม่อยากลง Apps เพิ่ม เฉพาะ Windows 10 จะมีฟีเจอร์ Link Your Windows ติดตั้งมาให้ในเครื่อง โปรแกรมนี้สามารถเชื่อมต่อกับ One Drive เพื่อเก็บรูป หรือ แสดงผล 25 รูปล่าสุด และยังรองรับการดูข้อความ SMS หรือ การแจ้งเตือนของภาพได้ด้วย (ต้องตั้งที่มือถือเท่านั้น)
นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยภายในเครื่องก็ยังมี Samsung KNOX และมีระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอแบบ Ultra Sonic ตำแหน่งเดียวกับ Galaxy Note 10 และ มีระบบสแกนใบหน้าโดยใช้เลนส์กล้องหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องหลังของ Samsung Galaxy S20 จะมีกล้องหลังทั้งหมดแค่ 3 กล้องเท่านั้นประกอบไปด้วย
- 12 ล้านพิกเซล F1.8 (กล้องหลัก) เซนเซอร์แบบ Dual Pixel
- 64 ล้านพิกเซล เป็นกล้องซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Space Zoom 30 เท่า
- 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide 123 องศา
เท่ากับ Samsung Galaxy S20 ก็ให้ลูกเล่นกล้องมาแบบอัดแน่นเหมือนกันนะและใช้งานได้ดีไม่น้อยเลยครับ ไหนๆ ก็เล่าความแตกต่างจากรุ่นนี้และ Galaxy S20+ มีเพียงแค่เลนส์เดียวคือ ToF Sensor การมีเซนเซอร์นี้จะทำให้กล้องจับได้ดีในเรื่องของความชัดตื้น และลึก
ฟีเจอร์ของกล้องที่เห็นจากหน้าควบคุม
ในหน้าจอควบคุมยังคงเหมือนกับ Samsung Galaxy รุ่นใหม่ที่ได้อัปเดตเป็น Android 10 รุ่นใหม่ และมีโหมดลูกเล่นที่เพียงพอ จะมีความพิเศษของ Galaxy S20 ที่ 2 เรื่องหลักคือ Single Take กดครั้งเดียวและถ่ายภาพหรือวิดีโอรวมรูปแบบที่น่าสนใจ และรวมถึง Pro Video ใครคิดถึงฟีเจอร์ปรับแต่งหรือเลือกระบบโฟกัสของกล้องระหว่างการถ่ายวิดีโอเองตอนนี้ก็กลับมาแล้ว แต่ที่เหลือก็ยังครบเครื่องเหมือนเดิม ถ้าภาพนิ่งจะมี AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น และยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจเช่น
Single Take
ฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy S20 Series ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งคือการถ่าย Single Take เป็นการถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวระยะเวลาสั้นๆ เมื่อกล้องจับจะแสดงผลได้หลากหลายและสามารถเลือกการแสดงผลได้
ตัวอย่างภาพถ่าย จาก Samsung Galaxy S20
สำหรับภาพแสงปกติ / กลางวัน ยังคงให้คุณภาพที่ดีอยู่เรียกได้ว่าใช้ได้และเก็บรายละเอียดได้สวยไม่ว่าจะเปิดฟีเจอร์ Scene Optimizer และอื่นๆ
ในโหมดกลางคืน เนื่องจากรูรับแสงรับได้เยอะมากทำให้การถ่ายภาพภาพออกมาที่สวยงามพอสมควร และเมื่อเข้า Night Mode สามารถให้รายละเอียดกลางคืนได้ดีขึ้นอีก
ส่วนการถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ ยังสามารถถ่ายภาพได้มากมายรวมถึงฟีเจอร์อย่าง Single Take รวมภาพถ่ายแต่ละแบบเข้าด้วยกัน ถ่ายได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
การถ่ายวิดีโอด้วย Galaxy S20 / S20+ เป็นอย่างไร
ด้วยความสามารถของเครื่องที่เรียกได้ว่าเยอะมาก ทำให้ Samsung Galaxy S20 / S20+ จะมาพร้อมกับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียด 8K แต่นานได้ 5 นาที แต่ทั้ง 4K, Full HD ก็ยังคงทำได้เหมือนเดิม ส่วนระบบ Super Steady สามารถป้องกันการสั่นได้มากกว่าเดิมถึง 60 องศา จากที่ลองมาถือว่าใช้งานได้จริงและสามารถสลับไปกล้องหน้าและหลังได้แล้ว แต่ต้องปิด Super Steady และ 8K นะ
การถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของ Galaxy S20 / S20+
สำหรับกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S20 / S20+ สามารถถ่ายภาพความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รองรับทั้ง Live Foucs และมีการถ่ายวิดีโอที่สูงสุด 4K เท่านั้น และยังสามารถเลือก Effect ได้เหมือนเดิม
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
ในเรื่องความจุของแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S20 ให้ขนาด 4000 mAh เท่านั้นซึ่งจากการทดสอบมานั้น แบตเตอรี่ของรุ่นนี้ สามารถทดสอบแบตเตอรี่จาก PC Mark ได้ที่ 10:36 ชั่วโมง แต่เวลาใช้งานจริงกับการถ่ายภาพสามารถหมดได้ในเวลา 8 ชั่วโมง เล่นเกมต่อเนื่อง 6:20 ชั่วโมง และ ใช้งานปกติ 11 ชั่วโมง
หากทำแบบนี้ในลักษณะเดียวกันกับ Galaxy S20+ ที่ให้แบตเตอรี่ 4500 mAh เชื่อว่าจะอึดขึ้นแบบเห็นได้ชัดที่สุด
ส่วนระบบชาร์จไฟของทั้ง Galaxy S20 และ Galaxy S20+ รองรับ 25W แบบสาย USB-C ส่วนแบบ Wireless Charge รองรับกำลัง 15W และมีการอัปเกรดระบบจ่ายไฟออกไร้สาย หรือ Wireless Power Share เท่ากับจะแรงกว่าตัวก่อนหน้านี้
สรุปหลังจากทีม sanook hitech ได้ทดลองใช้ Samsung Galaxy S20 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็นเล็กพริกขี้หนู เพราะฟีเจอร์ทิ้งจากรุ่นใหญ่น้อยยกเว้นรายละเอียดเรื่องกล้องที่แตกต่างชัดเจน, แบตเตอรี่, ขนาดตัวเครื่อง ถ้าใครต้องการมือถือเล็กเน้นความคล่องตัวนี้ถือว่าเลือกจับจองไม่เบา
กับราคาของเครื่องอยู่ที่ 28,900 บาท ฟังดูแล้วอาจจะสูงไปพอสมควร แต่ต้องอย่าลืมว่านี่คือเรือธงราคาสูงเป็นปกติ แต่ยังดีที่มีโปรโมชั่นกับผู้ให้บริการ ก็อาจจะทำให้ถูกลงมาอยู่ระดับ 19,xxx บาทได้
แล้วถ้าต้องเปรียบเทียบกับการเพิ่มเงินที่ 31,900 บาท ไปเอา Samsung Galaxy S20+ ที่ได้จอใหญ่ 6.7 นิ้ว แบตเตอรี่ที่มากขึ้นถึง 4500 mAh กับกล้อง ToF Sensor ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่คุ้มเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมีขนาดใหญ่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกมือถือรุ่นไหนที่จะเลือกตัวเล็กได้ความคล่องตัว, ตัวกลางที่จอใหญ่สเปกคุ้มและราคาสมเหตุผล ส่วน Galaxy S20 Ultra เน้นนวัตกรรมและการรองรับเชื่อมต่อกับอนาคต ที่ก้าวล้ำไปไกล สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าจะเลือกตัวไหนครับ
ข้อดี
- ขนาดคล่องตัวเล็กพกง่าย
- ประสิทธิภาพถือว่าแรงสมตัว
- กล่้องครบเครื่องและระบบโฟกัสแม่นยำ
- สีสันมีให้เลือกเยอะกว่ารุ่นอื่น
- สามารถเพิ่มความจำได้
- หน้าจอสวยและ
ข้อสังเกต
- ระบบชาร์จไฟไม่ให้กำลัง 45W มา
- แบตเตอรี่ใช้งานนานๆ แล้วไม่อึด
- ตัวเครื่องเล็กกว่าเพื่อน
อัลบั้มภาพ 29 ภาพ