รีวิว "Fitbit Charge 4" ฟิตเนสแทรคเกอร์อัจฉริยะที่มาพร้อม GPS ในตัวรุ่นใหม่ล่าสุด

รีวิว "Fitbit Charge 4" ฟิตเนสแทรคเกอร์อัจฉริยะที่มาพร้อม GPS ในตัวรุ่นใหม่ล่าสุด

รีวิว "Fitbit Charge 4" ฟิตเนสแทรคเกอร์อัจฉริยะที่มาพร้อม GPS ในตัวรุ่นใหม่ล่าสุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับในรอบนี้ขอนำเสนอ Fitbit Charge 4 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใครหลายคนอยากได้เป็นเจ้าของแต่มันดีแค่ไหน และคุ้มค่าไหมหากจะเลือกเป็นเจ้าของ เรามาดูรีวิวกันดีกว่า 

3

แกะกล่อง "Fitbit Charge 4" 

ภายในกล้องของ Fitbit Charge 4 ประกอบด้วย 


36

 

  • ตัวเรือนของ Fitbit Charge 4 
  • สายชาร์จไฟ 
  • สายนาฬิกาที่สามารถเปลี่ยนได้ 
  • คู่มือตัวเครื่อง 

รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Fitbit Charge 4 

เริ่มต้นกับหน้าปัดเป็นแบบ OLED ไม่ได้เป็นแบบสีเหมือนกับ Versa ขนาดใหญ่กว่าของ Charge 3 ชัดเจนมากมาย โดยหน้าจอเป็นแบบ Touch Screen ปัดขึ้นลง, ซ้ายขวาได้เช่นเดียวกัน 

28

ส่วนด้านข้างของเครื่องฝั่งขวาไม่มีปุ่มกดใดๆ เลยแต่อีกฝั่งซ้ายจะมีปุ่มแบบ Touchpad ที่แตะแล้วตัวเครื่องจะสั่นเพื่อสั่งงาน 

สายสำหรับรุ่นที่ได้รับมารีวิวเป็นแบบ Special Edition เป็นสายผ้า แต่ถ้าเป็นรุ่นปกติ ก็จะมีสีม่วงและสีดำให้เลือก โดยสายจะเป็นแบบข้าวหลามตัดที่สวยงามมาก และสามารถถอดเปลี่ยนได้จากด้านล่าง 

18
19
21
22

ใต้สุดมี เซนเซอร์วัดชีพจร และเหมาะกับการออกกำลังกายและการนอนหลับได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเดือยสำหรับเปลี่ยนสายถอดเปลี่ยนได้ 

19

4
8

ขนาดของเครื่องเล็กน่ารักเพราะมีมิติอยู่ที่  35.8 มม. x 22.7 มม. x 12.5 มม. ถือว่าไม่ใหญ่ไปสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชายครับ และมีให้เลือกแค่ 2 สีคือ ดำ, ม่วง และ Special Edition  

 7

สวมใส่และลองฟีเจอร์ของ Fitbit Charge 4 

การสวมใส่ Fitbit Charge 4 ไม่ยากเลยครับ แค่วางกับแขนแล้วล็อคสายเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป แต่ว่าความแตกต่างอยู่ที่หน้าปัดของเครื่องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนอกจากบอกเวลา และโปรแกรมต่างๆ ยังมาพร้อมกับเมนูที่ใช้งานง่ายประกอบด้วย 

  • แสดงหน้าปัดเวลา สามารถเปลี่ยนแปลงได้ผ่าน Application Fitbit 
  • ปัดลงดูข้อมูลเกี่ยวกับการเดิน เคลื่อนไหว, การดื่ม หรือ การออกกำลังกายของคุณ และเวลาหลับนอน 
  • ปัดขึ้น ดู Notification แต่แสดงผลเฉพาะภาษาอังกฤษ
  • ปัดขวา เป็นเมนูที่มีครบทั้งการออกกำลังกาย, ควบคุมเพลงผ่าน Spotify, ตั้งเวลาปลุก, จับเวลา, ตั้งค่าเกี่ยวกับเครื่อง, ปฏิทิน, พยากรณ์อากาศเป็นต้น 

ส่วนฟีเจอร์การออกกำลังกายมาครบทุกรูปแบบรองรับทั้ง GPS ภายในตัว เมื่อโปรแกรมทำงานจะแสดงผลกับผ่านที่ในมือถือหลังการออกกำลังกายเสร็จ นอกจากนี้ เซนเซอร์วัดชีพจร มีการปรับปรุงใหม่ มีการเพิ่ม Active Zone Minutes จับการเต้นว่าแต่ละโซนในการออกกำลัง หัวใจคุณเต้นอยู่โซนไหน เพื่อการควบคุมโซนให้เหมาะสม 

แต่ถ้าลืมกดก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าตัวเครื่องรุ่นนี้มี Smart Tracking จะจับว่าถ้ามีการเคลื่อนไหวเยอะๆ ก็จะเข้าโหมดออกกำลังกายโดยอัตโนมัติเอง และยังมีระบบ Multi-Sport Tracking , ระบบ Cardio Fitness Level ทั้งหมดออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการออกกำลังของคุณ แถมมี Swimming Tracking จับว่าคุณว่ายน้ำอยู่หรือไม่ ตัวเรือนสามารถกันน้ำได้ 50 เมตรถือว่าลึกพอสมควร  

และเพื่อนอกจากโปรแกรมจับการนอนหลับที่สามารถบอกคุณภาพการนอนได้แล้วยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Smart Wake ตัวเครื่องจะมี Machine Learning ออกแบบให้คุณตื่นได้เหมาะสมขึ้น  

นอกจากนี้ Fitbit Charge 4 ยังรองรับการจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay ช่วยให้คุณจ่ายเงินได้ง่ายไม่ต้องพกเงินสด แต่คุณต้องมีบัตรเครดิตของ ธนาคารกสิกรไทย, บัตรกรุงไทย (KTC), ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) โดยระบบใช้การจ่ายแบบ Tap To Pay ที่ตัวนาฬิกา โดยตั้งค่าผ่าน Application 

Application Fitbit สุดฉลาด 

นอกจากนาฬิกาจะฉลาดแล้ว ส่วนการควบคุมและการบันทึกข้อมูลก็ต้องสามารถตอบสนองได้ โปรแกรม Fitbit ก็ถือว่าเป็นอีกโปรแกรมฉลาดที่ควบคุมเครื่องได้ นอกจากแสดงผลต่างๆ ได้แล้วยังสามารถเข้าไปจัดการนาฬิกาเช่น เปลี่ยนหน้าปัด, แจ้งเตือนปริมาณแบตเตอรี่, ตั้งค่าตัวเครื่อง, ปรับแต่งรูปแบบการนอนหรือการตื่น เป็นต้น และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น 

 

Fitbit Versa 2

  • Sleep Score: ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเอง โดยคะแนนเหล่านี้จะมาจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (ระดับการพักผ่อนและนอนหลับ) ความกระสับกระส่ายในช่วงเวลานอน เวลาที่ตื่นและระดับการนอนหลับ หรือ Sleep Stage 
  • Smart Wake: สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ โดยฟีเจอร์ Smart Wake นี้ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยปลุกคุณให้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในช่วง Light หรือ REM ของการนอนหลับ โดยจะปลุกจากการตั้งค่าและจะเว้นช่วงครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นได้ 
  • Sleep Mode: เมื่อตั้งการใช้งานในโหมดนี้ เครื่องจะหยุดการทำงานของการแสดงค่าบนหน้าจอและปรับการตั้งค่าเตือนให้อยู่ในโหมดเงียบ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ถูกรบกวนตลอดคืน Sleep Mode ยังสามารถใช้งานได้ ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการการรบกวน เช่นเมื่อกำลังประชุมหรือออกกำลังกาย 

  • Estimated Oxygen Variation Graph: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ เป็นกราฟแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นระดับอ็อกซิเจนในเลือดของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกวัดด้วยเซ็นเซอร์เรดและอินฟราเรดที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง การรู้ค่าอ็อกซิเจนในเลือดในระยะสั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องการหายใจขณะนอนหลับได้มากขึ้น 
  • Always On Display ติดตั้งมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
  • COVID-19 สามารถติดตามข่าวสารและเทคนิคการระวังตัวช่วงนี้

Fitbit Versa 2

นอกจากนี้ในเรื่องของโปรแกรมออกกำลังกายเพิ่มเติมคุณสามารถซื้อบริการ Fitbit Premium ให้คุณดูคลิปและ Set โปรแกรมการออกกำลังกายได้มากขึ้น รวมถึงเป็นบริการเหมือนกับ ครูฝึกส่วนบุคคล เป็นต้น

แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ 

1

แบตเตอรี่ของ Fitbit Charge 4 สามารถอยู่ได้นานสุด 7 วัน แต่ว่าถ้ามีการออกกำลังกายบ่อยโดยให้จับพิกัดตลอด ก็จะให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น แต่แนะนำว่า 2 วันก็ควรจะชาร์จเพื่อป้องกันแบตเตอรี่พังก่อนเวลาอันควร จะดีกว่า หรือ ถ้าแบตเตอรี่เหลือ 40% ก็ควรจะชาร์จไฟแล้ว 

สำหรับการชาร์จไฟด้วย สายชาร์จที่ติดมากับกล่องสามารถทำเวลาได้เร็วมาก เพียง 1 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว 

สรุปหลังจากได้ทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้ Fitbit Charge 4 มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

หากเปรียบเทียบกับการเดินทางของ Fitbit Charge Series แล้ว ถือว่าเป็น Wearable ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัย โดยรุ่นนี้มีหน้าปัดใหญ่ขึ้น ลงน้ำได้แบบสบายใจ ทนทานขึ้น ควบคุมเพลงได้, รองรับการจ่ายเงิน Fitbit Pay และโปรแกรมออกกำลังกายที่กำลังดีถึง 15 แบบ ถ้าใครไม่ได้เป็นสายชิล ไม่จริงจัง ต้องการ นาฬิกาบอกการออกกำลังกาย ยังคงเหมาะสม 

แต่ว่าการแสดงผลภาษาไทย ยังทำไม่ได้ทุกกรณี ต้องลุ้นว่า Fitbit จะปรับปรุงเมื่อไหร่ 

ส่วนราคาของ Fitbit Charge 4 มีให้เลือก 2 เกรดได้แก่ 

10_1

  • Fitbit Charge 4 สายธรรมดา ราคา 6,490 บาท จะมีสีดำ และม่วงให้เลือก ส่วนสีสายจะมีให้เลือกมากมายและหลายแบบ 
  • Fitbit Charge 4 Special Edition สีดำ ราคา 6,990 บาท  

แม้ว่าราคาจะเหมือนจะสูงแต่ก็ถูกกว่ารุ่นเดิมพอสมควร ดังนั้นใครที่มองหา Smart Band ครบเครื่องแต่ขนาดเล็กเก่งเกินตัว งบไม่แรงมาก นี่คือทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากเลยครับ 

จุดเด่น 

  • ดีไซน์ดูดีขึ้นและน่าใช้กว่าเดิม
  • หน้าจอใหญ่ขึ้นใช้งานได้ง่ายมากขึ้น 
  • แบตเตอรี่อึด 
  • ฟีเจอร์ฉลาดมากขึ้น 
  • มี Swimming Tracking, Smart Tracking ในการรายงานผลการออกกำลังกาย 
  • ควบคุมเพลง Spotify ได้แล้ว 

ข้อสังเกต 

  • สายชาร์จไฟสามารถใช้กับรุ่นเก่าได้ 
  • ไม่รองรับภาษาไทย 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook