Facebook ประเทศไทย ลงทุนสนับสนุนชุมชนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในงาน “Thailand Community Day”

Facebook ประเทศไทย ลงทุนสนับสนุนชุมชนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในงาน “Thailand Community Day”

Facebook ประเทศไทย ลงทุนสนับสนุนชุมชนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในงาน “Thailand Community Day”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในวันนี้ Facebook ประเทศไทย ได้จัดงาน Thailand Community Day เป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนเหล่าผู้นำชุมชน ในขณะที่มีผู้คนเชื่อมต่อกันผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น Facebook ซึ่งมีพันธกิจในการมอบพลังให้แก่ผู้คนในการสร้างชุมชนและเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

โดยงานแถลงข่าวออนไลน์ผ่าน Facebook Live ครั้งนี้เน้นถึงความสำคัญของการลงทุนและการสนับสนุนผู้นำชุมชนในการเริ่มต้น เติบโต และพัฒนาเพจและกลุ่มที่มีความหมายอย่างยั่งยืน

การรักษาการเชื่อมต่อกันระหว่างผู้คนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ ชุมชนของ Facebook จึงมีบทบาทที่สำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อคนไทย ในขณะที่พวกเขากำลังรักษาระยะห่างทางสังคม

โดยมีผู้คนมากกว่า 45 ล้านคนในประเทศไทยที่เป็นสมาชิกของกลุ่มบน Facebook กว่า 6 ล้านกลุ่มที่มีกิจกรรมและการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องในเดือนที่ผ่านมา ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีผู้คนจำนวนกว่า 650 ล้านคนที่เป็นสมาชิกและได้มีส่วนร่วมในกลุ่มบน Facebook อย่างต่อเนื่อง ในเดือนที่ผ่านมา

โดยกลุ่มต่างๆ เหล่านี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มการเลี้ยงลูก ไปจนถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ กลุ่มด้านเทคโนโลยีคราวด์ซอร์สซิ่ง (crowdsourcing) กลุ่มด้านการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย

คุณเกรซ แคลปแฮม หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรและโครงการเพื่อชุมชนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Facebook ได้กล่าวเปิดงานว่า “ในช่วงเวลาเช่นนี้ การเชื่อมต่อผ่านชุมชนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผู้คนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนเข้ามาใช้งาน Facebook เพื่อสนับสนุน ค้นหาและแชร์ข้อมูล และเชื่อมต่อกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาวิกฤต

การจัดงานในวันนี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของความมุ่งมั่นของเราในการเชื่อมต่อผู้คนและทำให้แน่ใจว่าผู้นำชุมชน รวมถึงแอดมินกลุ่มและเพจ จะได้รับการสนับสนุนและทรัพยากรที่พวกเขาต้องการเพื่อจัดการชุมชนที่สร้างการมีส่วนร่วมและการเชื่อมต่อ”

ภายในงาน Thailand Community Day ประกอบด้วยการแชร์เคล็ดลับง่ายๆ และความรู้เบื้องต้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดิจิทัลอีเวนต์ระดับโลกของ Facebook ที่มีชื่อว่า Community Connect: Navigation COVID-19 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแอดมินของกลุ่มบน Facebook ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีการสนทนาแบบกลุ่มระหว่างเหล่าผู้นำชุมชน ได้แก่ คุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้นำจากกลุ่ม Run2gether คุณโชติวัน วัฒนลาภ แอดมินกลุ่ม Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 คุณปาณิศา จันทร์วิไล ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Courageous Kitchen รวมถึงคุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และคุณชลทิพย์ ยิ้มย่อง ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และแอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read)

โครงการ Community Accelerator ของ Facebook ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ในงานแถลงข่าวออนไลน์ยังเน้นถึงความสำคัญของโครงการ Community Accelerator ซึ่งเป็นโครงการที่มีระยะเวลา 6 เดือนและถูกเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ของ Facebook โดยจัดการฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนผู้นำชุมชนในการสร้างชุมชนของพวกเขาให้เติบโต และโครงการนี้ยังคงเปิดรับสมัครในประเทศไทยไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ facebook.com/community
accelerator/

โครงการ Community Accelerator เป็นวิวัฒนาการจากโครงการ Fellowship ของ Facebook ซึ่งให้การสนับสนุนผู้นำชุมชนจำนวน 115 คนทั่วโลก โดยผู้นำชุมชนเหล่านี้ได้รายงานว่าโครงการของพวกเขาทั้งหมดได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนจำนวนกว่า 1.9 ล้านชีวิต และเป็นจำนวนกว่า 580,000 ชีวิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเพียงภูมิภาคเดียว ด้วยการสนับสนุนชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ การใช้งานทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ และกิจกรรมที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ด้วยการสนับสนุนจากทางโครงการ

ทั้งนี้ มีผู้คนจำนวนกว่า 200,000 คนจากกว่า 50 ประเทศได้มารวมตัวกันแบบออฟไลน์ในอีเวนต์ พื้นที่ที่ปลอดภัย และประสบการณ์สร้างสรรค์ต่างๆ โดยมีการรายงานว่าร้อยละ 88 ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้นำสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ไปปรับใช้จริงกับชุมชนของพวกเขา

หนึ่งในผู้นำกลุ่มชาวไทยที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ Facebook Community Leadership Program ที่จัดขึ้นในปี พ.ศ. 2561 คือคุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้นำจากกลุ่ม Run2gether (วิ่งด้วยกัน)        ซึ่งผลสำเร็จเป็นรูปธรรมจากโครงการคือ ประสบความสำเร็จในการขยายการดำเนินงานของชุมชนจาก 4 พื้นที่ เป็น 10 พื้นที่ ส่งผลให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น

โดยกลุ่มได้มีการจัดมหกรรมงานวิ่งในกรุงเทพฯ และ   มีชุมชนชาวต่างชาติเข้าร่วม มีการจัดกิจกรรมออกกำลังกายออนไลน์ให้กับนักวิ่งผู้พิการ ณ ปัจจุบัน กลุ่มวิ่งด้วยกันมีการจัดกิจกรรมวิ่งที่นำนักวิ่งมารวมตัวกันแล้วมากกว่า 2,000 ชีวิตและขยายเครือข่ายไปอีก 6 จังหวัด เข้าถึงนักวิ่งอาสาหรือไกด์รันเนอร์อีก 3,000 คนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการอยู่ร่วมกันของผู้พิการและไม่พิการในวงการวิ่งมากยิ่งขึ้น

คุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผล กล่าวว่า “การรวมเป็นหนึ่งของชุมชนของเราและเป้าหมายที่เรามีร่วมกันคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนของเราสามารถเติบโตและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เราได้ขยายเครือข่ายของชุมชนวิ่งด้วยกัน ไปยังพื้นที่ในต่างจังหวัดผ่านการจัดอีเวนต์ต่างๆ แต่เรายังคงมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างพื้นที่ที่สนับสนุนการอยู่ร่วมกันของผู้พิการและไม่พิการ เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา”

กิจกรรมอื่นๆ ภายใต้โครงการ Community Leadership ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกของ Facebook ประกอบด้วยการนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัสที่มาจากองค์กรด้านสุขภาพ เช่น องค์การอนามัยโลก แก่ผู้นำชุมชน Learning Labs

ซึ่งเชื่อมต่อแอดมินกลุ่มผ่านห้องเรียนดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ Power Admin Groups ซึ่งได้รวบรวมผู้นำชุมชนกว่า 40,000 คนเข้าหากันเพื่อแบ่งปันคำแนะนำและเชื่อมต่อกับ Facebook เพื่อทดสอบและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และ Community Hub ซึ่งเปิดโอกาสให้ใครก็ตามสามารถเข้าถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ รวมถึงการสัมมนาประจำเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเร็วๆ นี้อีกด้วย

เรื่องราวความสำเร็จของผู้นำกลุ่มในการสร้างชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทย

งานแถลงข่าวในวันนี้ยังมีการจัดเสวนากลุ่มระหว่างผู้นำชุมชนชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่ม Thailand Restaurant Rescue :: ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 ที่สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ผู้นำชุมชน Courageous Kitchen ที่สนับสนุนด้านการเข้าถึงอาหารแก่เยาวชนที่ด้อยโอกาสและมาจากชุมชนชายขอบ รวมถึงผู้ก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และ     แอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read) เพื่อผู้พิการทางด้านสายตา

การเสวนากลุ่มได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของชุมชนและกลุ่มบน Facebook ในการเชื่อมต่อผู้คนเข้าหากัน และการที่ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น อีเวนต์ โพลล์ และ Stories ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมภายในกลุ่มในช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบัน

โดยคุณปาณิศา จันทร์วิไล ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Courageous Kitchen ได้เล่าถึงการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันของอาสาสมัครของชุมชนผ่านการใช้งาน Workplace และเน้นย้ำถึงพลังของเครื่องมือออนไลน์อย่าง Facebook และ Instagram ซึ่งช่วยให้ชุมชน Courageous Kitchen สามารถเข้าถึงผู้คนได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และช่วยให้สมาชิกภายในชุมชนสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง

คุณโชติวัน วัฒนลาภ แอดมินกลุ่ม Thailand Restaurant Rescue ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัย COVID-19 กล่าวว่า “ในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และหลายภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปิดทำการ ช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook ได้มอบพื้นที่ที่ทำให้ชุมชนของเรายังคงเชื่อมต่อได้ ความสามารถในการสร้างการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนซึ่งกันและกันผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้เรามองเห็นความหวังจากชาวไทยด้วยกัน”

คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และคุณชลทิพย์ ยิ้มย่อง ผู้ร่วมก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และแอดมินกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read) อธิบายว่า Facebook ได้ช่วยเหลือพวกเขาตั้งแต่วันแรกในการสร้างความเป็นชุมชนและการสนับสนุนกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็นในประเทศ

ในปัจจุบัน มีผู้ติดตามเพจ Read for the Blind จำนวนกว่า 190,000 คน และมีสมาชิกกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ อีกกว่า 19,000 คน โดยทั้งสองชุมชนได้รับประโยชน์จากเครื่องมือเพื่อสร้างการเข้าถึงของ Facebook นอกจากนี้ แช็ตบ็อตบน Messenger ของ Read for the Blind ยังช่วยให้ชุมชนสามารถเชื่อมต่อกับอาสาสมัครได้มากขึ้นอีกด้วย

ในขณะที่ทั้งสองชุมชนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ และคุณชลทิพย์ ยิ้มย่อง ยังได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของผู้นำและสมาชิกในการสร้างบทสนทนาอย่างเป็นประจำและให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นร่วมกันของกลุ่มแก่สมาชิกทุกคน ซึ่งรวมถึงการแจ้งกฎในการใช้งานของกลุ่มอย่างเป็นประจำ และสนับสนุนโพสต์เชิงบวกและเป็นตัวอย่างที่ดีจากสมาชิกของกลุ่ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook