เปิดตัว Unreal Engine 5 เกมเอนจินใหม่ล่าสุดจาก Epic Games พร้อมรันโชว์บน Playstation 5
Unreal Engine เป็น Game Engine ที่อยู่คู่กับวงการเกมมาอย่างยาวนานหลายปี โดยเปิดตัวครั้งแรกมาในปี 1998 ถูกพัฒนาโดยทีมงาน Epic Games ก่อนที่จะมีเวอร์ชันใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดเด่นของ Unreal Engine ก็คือ ตัว Engine ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเกมแนวอะไร กราฟิกแบบไหน Unreal Engine ก็สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานได้ทุกแบบเลยล่ะครับ
ปัจจุบัน Unreal Engine ก็ได้ปล่อยออกมาแล้ว 4 เวอร์ชันด้วยกัน โดยสำหรับเวอร์ชันล่าสุดอย่าง Unreal Engine 4 ก็ได้ถูกใช้ในเกมดังต่าง ๆ มากมายหลายประเภท เช่น PUBG, Final Fantasy VII Remake, Dragon Quest XI, Street Fighter V, Dead by Daylight, Sea of Thieves และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยตอนนี้เจ้า UE4 ก็มีอายุได้ 6 ปีแล้วตั้งแต่เปิดตัวมาครั้งแรกในเกม Daylight เมื่อปี 2014 ครับ
และในสุดวันนี้ Epic Games ก็ได้ประกาศเปิดตัว Unreal Engine 5 พร้อมกับวิดิโอตัวอย่างแบบ Real-Time Demo ที่ชื่อว่า “Lumen in the Land of Nanite” โดยในตัวอย่างนั้นได้โชว์ถึงศักยภาพของ Engine ตัวใหม่ โดยรันผ่าน Next-Gen Console อย่าง PlayStation 5 นับว่าเป็นตัวเลขที่เข้ากันได้ดีมาก สำหรับ PS5 และ UE5 โดยเราจะได้เห็นถึงเทคโนโลยีใหม่อย่าง Nanite และ Lumen ที่จะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมของเราเปลี่ยนไปเลย
ตัวอย่างเทคโนโลยี Nanite
ภายในตัวอย่าง เราจะได้เห็นถึงสิ่ง Unreal Engine 5 ได้นำเสนอก็คือ เทคโนโลยีใหม่อย่าง Nanite ที่เป็นการสร้างรูปทรง หรือ Object ต่าง ๆ ภายในเกมโดยมีความละเอียดที่สูงกว่าเดิม โดยเป็นอัดไมโครโพลิกอนเข้ากับทรง Geometry หรือรูปแบบเรขาคณิต ก่อนที่จะมีการลง Texture ใส่ไปในภายหลัง แน่นอนว่าด้วยความสามารถระดับนี้ จะทำให้ตัวเกมสามารถยัด Object หรือ Model ที่มีโพลิกอนสูง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องมีการลดคุณภาพของมันลงครับ
ตัวอย่างการทำงานของ Lumen บน-เปิด ล่าง-ปิด
และ Lumen มันก็คือเทคโนโลยีการแสดงผลของ Dynamic Global Illumination แบบเต็มความสามารถ โดยมันจะตอบสนองกับฉากต่าง ๆ อย่างทันทีแบบ Real Time (ฟังดูคล้าย ๆ Ray Tracing) ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำงานของ Global Illumination นั้นจะถือว่าเป็นอะไรที่ Advanced กว่ามาก และมันค่อนข้างจะมีเงื่อนไขมากกว่าการทำงานของ Ray Tracing
ยกตัวอย่าง Global Illumination นั้นจะทำงานได้ดีกว่าสำหรับเกมที่ใช้ฉากในช่วงเวลากลางวัน และแทบจะย้ายมุมของแสงอาทิตย์ไม่ได้เลย เพราะทางทีมงานจะไม่ต้องมีการตั้งค่าอะไรมากในฉากต่อฉาก โดยการทำงานแบบนี้ ภาษาที่ Dev ใช้กันก็คือการ “Baked Map” โดยถือว่าเป็นข้อจำกัดของมันไป และสำหรับ Ray Tracing หรือ DXR มันเป็นการทำงานที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่ามาก แต่การที่จะให้ Graphics Card มาคำนวนแสงและเงากระทบของวัตถุที่แทบจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบ Real Time นั้น มันคงเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของมันไป ก่อนที่ Nvidia จะออก Geforce RTX ออกมาโดยมี RT Core ที่ถูกออกแบบมาคำนวนในจุดนี้โดยเฉพาะครับ
กลับมาเข้าเรื่อง Lumen กันต่อ โดยหลักการทำงานของมันก็เข้าใจง่าย ๆ เลยครับ มันก็คือ Dynamic Global Illumination หรือก็คือ Global Illumination ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิมแล้วนั้นเอง โดยการทำงานของมันจะสร้างแสงเงาที่มีความละเอียดสูงกว่าเดิม และตัดปัญหาเรื่องการ Baked Map ไป เพราะสามารถย้ายมุมของแสงอาทิตย์ต่างช่วงเวลาของแต่ละวันได้ ถือว่าเป็นการลบข้อจำกัดของ Global Illumination ออกไป ทำให้นักพัฒนามีสามารถสร้างสรรค์ฉากใหม่ ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั้นเอง
Logo อย่างเป็นทางการของ Unreal Engine 5
โดย Unreal Engine 5 นั้นจะเปิดให้ใช้เวอร์ชัน Preview ในช่วงต้นปี 2021 ก่อนที่จะเปิดให้ใช้อย่างเต็มรูปแบบในปลายปี 2021 โดยจะรองรับทั้ง Next-Gen และ Current-Gen Console , PC, Mac, iOS, Andriod อีกทั้งยังมี forward compatibility โดยที่เราสามารถเอา Project ที่สร้างไว้ใน UE4 ไปใช้พัฒนาต่อใน Unreal Engine 5 ได้เลยอีกด้วยครับ
แน่นอนว่าถ้าหากมีข่าว Update อีกเมื่อไร ทาง Beartai ก็จะมานำเสนอให้ทุกท่านอีกอย่างเคย งานนี้ใครที่เป็นสาย Console อย่าง PS5,Xbox Series X ก็คงสบายกันไป แต่สำหรับสาวก PC Gamer ล่ะก็ เตรียมอัปคอมรอกันได้เลยล่ะ !