5 เช็คลิสต์ เลือกซื้อสมาร์ทโฟนอย่างไรให้ครบเครื่อง คุ้มค่า ในราคาไม่เกินสองหมื่น
ปัจจุบันนี้ พฤติกรรมและมุมมองการเลือกซื้อสินค้าของหลายคนเริ่มเปลี่ยนไปด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ หากจะต้องซื้อของชิ้นใหญ่สักชิ้น หลายคนย่อมมองหาตัวเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานและคุ้มค่าการลงทุนที่สุด เช่นเดียวกับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ซึ่งถือเป็นไอเท็มที่มีความสำคัญและมักจะอยู่ติดตัวเราไปทุกที่
ดังนั้น เราจึงอยากมาแนะนำเช็คลิสต์สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในราคา “ไม่เกิน 20,000 บาท” ว่าควรคำนึงถึงฟีเจอร์และประสิทธิภาพด้านใดบ้าง ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่าที่สุด” กับเงินที่จ่ายไป
1. จอใหญ่ ภาพสวย สีชัดสมจริง
คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาบนหน้าจอวันละหลายชั่วโมง เราจึงควรมองหาสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ สังเกตได้จากดีไซน์ขอบจอที่บาง ไม่มีรอยบากมากวนสายตา เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้จอแสดงผลอย่างเต็มที่ ซึ่งมาตรฐานหน้าจอตอนนี้ควรอยู่ที่ขนาด 6 นิ้วขึ้นไป เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งานในแต่ละวัน อย่างการดูวิดีโอ เล่นเกม ท่องโซเชี่ยล ไปจนถึงการช้อปปิ้งออนไลน์ ก็สะดวกและสบายตากว่า ที่สำคัญยังสามารถใช้งานสองแอปพร้อมกันได้แบบสบายๆ อีกด้วย นอกจากขนาดแล้ว ควรคำนึงถึงคุณภาพของจอที่มีสีสันสดใส ภาพสวยสมจริง สว่างคมชัดในทุกสภาพแสง ให้คอนทราสต์ถูกต้อง ซึ่งทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติเด่นที่มีอยู่ในเทคโนโลยีจอแบบ Super AMOLED นั่นเอง
2. กล้องสวย เลนส์ครบ คมชัดทุกโหมด
แน่นอนว่าฟีเจอร์หลักของสมาร์ทโฟนที่หลายคนคำนึงถึงมากเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม้พ้นประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพ ยิ่งในปัจจุบันที่ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกคนก็พร้อมหยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาถ่ายเก็บไว้พร้อมแชร์ต่อทุกเมื่อ เรียกได้ว่านาทีนี้ใครๆ ก็สามารถเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้เพียงมีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว
ดังนั้น คุณภาพของกล้องและเลนส์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เห็นได้จากจำนวนเลนส์ที่เพิ่มขึ้นบนสมาร์ทโฟน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เพิ่มเป็นเพียงกิมมิคเท่านั้น เพราะเลนส์เฉพาะสำหรับการถ่ายภาพในแต่ละโหมด ย่อมสามารถเก็บรายละเอียดและความคมชัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเลนส์หลักเพียงเลนส์เดียว ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Wide สำหรับเก็บภาพมุมกว้างได้ครบเสมือนตาเห็น เลนส์ Depth เพิ่มความละเอียดให้กับภาพถ่ายหน้าชัดหลังละลาย หรือจะเป็นเลนส์ Macro ที่สามารถถ่ายภาพระยะใกล้มากๆ ได้ครบทุกรายละเอียด
ในส่วนของวิดีโอก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนาทีนี้คงไม่มีคอนเทนต์อะไรมาแรงไปกว่า Short VDO อย่างแน่นอน ซึ่งเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนในราคาหมื่นต้นๆ ก็สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K ได้แล้ว อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดกันสั่น หรือ Super Steady ช่วยให้ฟุตเทจของเราดูมืออาชีพยิ่งขื้น สามารถยกมือถือขึ้นมาไลฟ์ได้ทุกสถานการณ์แบบไม่ต้องพึ่งขาตั้งเลยทีเดียว
3. แบตอึด ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์
ทุกวันนี้ก่อนออกจากบ้านในแต่ละวัน นอกจากจะต้องพกโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์แล้ว ยังต้องมีอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์มาเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋าอีก ดังนั้น อย่าให้พาวเวอร์แบงค์กลายเป็นอีกหนึ่งเช็คลิสต์ของจำเป็นก่อนออกจากบ้านเลย
หากจะซื้อมือถือเครื่องใหม่ทั้งทีควรพิจารณาที่ความจุของแบตเตอรี่เช่นกัน เพราะเมื่อมีแบตที่อึดกว่าก็สามารถทำอะไรได้มากกว่า เพิ่มความคล่องตัว จะลุยงาน เล่นเกม หรือทำคอนเทนต์ระหว่างวันก็ทำได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยกังวลว่าต้องเซฟแบตให้อยู่รอดถึงตอนเย็น ยิ่งถ้ามีเทคโนโลยี AI เรียนรู้การใช้งานของเราเพื่อนำไปคำนวณและปรับการทำงานแบตเตอรี่ให้เหมาะสม ก็จะยิ่งช่วยถนอมอายุของแบตให้อยู่ได้ยาวนานขึ้น
นอกจากนี้ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญไม่แพ้กันคือระบบชาร์จไว หรือ Fast Charging ที่ควรมาพร้อมกับตัวเครื่องในกล่อง ไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม เพราะจะช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จแต่ละครั้งไปได้มากเลยทีเดียว
4. ความจุเยอะ เพิ่มการ์ดได้ ไม่ต้องคอยลบรูป
เรียกได้ว่าเป็นปัญหาจุกจิกที่กวนใจไม่น้อย เวลามือถือแจ้งเตือนให้เราจัดการเลือกลบข้อมูลในเครื่องออกเพราะพื้นที่ใกล้เต็ม ทำให้ต้องเสียเวลาคอยดาวน์โหลดข้อมูลไปเก็บไว้ที่อื่น นั่งจัดระเบียบแอปพลิเคชันต่างๆ หรือถึงขั้นตัดใจลบรูปที่ถ่ายเก็บไว้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มาตรฐานความจุ 128GB ขึ้นไป
ซึ่งความจุนี้เทียบเท่าการเก็บรูปถ่ายภาพนิ่งได้ถึง 25,000 รูปเลยทีเดียว อีกทั้งความละเอียดของกล้องสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ขนาดของไฟล์ภาพถ่ายและวิดีโอก็เพิ่มขึ้นไปด้วย เมื่อใช้มือถือเครื่องเดิมไปสักระยะ ความจุภายในตัวเครื่องอาจไม่เพียงพออีกต่อไป สมาร์ทโฟนที่สามารถใส่ Micro SD Card เพิ่มความจุได้ ก็จะช่วยตัดเรื่องกวนใจตรงนี้ไปได้เลย ซึ่งปัจจุบันนั้นสมาร์ทโฟนบางรุ่นสามารถใส่เพิ่มได้ถึง 1TB เทียบเท่าความจุของคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
5. พร้อมทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่
ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา หลายคนคงผ่านประสบการณ์การ Work From Home กันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งแนวโน้มต่อจากนี้เทรนด์ Remote Working คงจะเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ความพร้อมของสมาร์ทโฟนเพื่อการทำงานก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรคำนึงถึงต่อจากนี้ อาทิ มีฟังก์ชันการเชื่อมต่อกับ Windows เพื่อส่งข้อมูล รูปภาพ และไฟล์งานต่างๆ กับพีซีหรือโน้ตบุ๊คเพื่อใช้งานต่อได้
รวมถึงฟีเจอร์เพื่อความ Productivity อื่นๆ เช่น ปากกาอัจฉริยะ การใช้ปากกาจะช่วยปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในหลายๆ ด้านได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะเราสามารถดึงออกมาขีดเขียน สเก๊ตช์ภาพ หรือจดโน้ตแบบรีบๆ ได้ทุกที่ ยิ่งถ้ามีฟังก์ชั่นเปลี่ยนลายมือที่จดไว้ให้เป็นตัวพิมพ์เพื่อนำไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ต่อได้ก็จะยิ่งเวิร์กไปอีกขั้น ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่จริงๆ แล้ว ในปัจจุบันก็มีสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาพร้อมปากกาอัจฉริยะแล้วเช่นกัน
สำหรับใครที่มีแพลนจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในราคา 20,000 บาท อย่าลืมนำเช็คลิสต์ทั้ง 5 ข้อนี้มาใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ซึ่งตอนนี้ทางซัมซุงเองก็มีตัวเลือกของสมาร์ทโฟนที่หลากหลายในช่วงราคาดังกล่าวถึง 2 ซีรี่ส์ด้วยกัน นำโดยซีรี่ส์ยอดนิยมอย่าง “Galaxy A” ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีระดับแนวหน้า จัดเต็มทั้ง จอ กล้อง และแบตเตอรี่อันทรงพลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานในทุกช่วงราคา นำโดย Galaxy A71 (13,990 บาท) และ Galaxy A51 (6GB/128GB ราคา 10,490 บาท, 8GB/128GB ราคา 10,690 บาท)
อีกทั้งยังมีซีรี่ส์ “Lite” (ไลท์) หรือไลน์อัปล่าสุดของซัมซุง กาแลคซี่ ที่นำเอาสุดยอดนวัตกรรมบนสมาร์ทโฟนตระกูลแฟลกชิปมามอบให้กับผู้บริโภคในราคาที่เข้าถึงได้ โดยมาในสองรุ่นสุดพรีเมียม อย่าง Galaxy S10 Lite (18,900 บาท) และ Galaxy Note10 Lite (17,990 บาท)
พร้อมกันนี้ ซัมซุงได้ส่งโปรโมชันสุดพิเศษ รับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน เมื่อซื้อ ซัมซุง Galaxy A51, Galaxy A71 และ Galaxy Note10 Lite รวมถึงซัมซุงดีไวซ์อีกหลากหลายรุ่นเมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ คุ้มอีกต่อกับการรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระผ่านบัตรซิติแบงค์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2563 เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ สามารถตรวจสอบรายละเอียดโปรโมชันและรุ่นที่ร่วมรายการได้ที่ https://www.samsung.com/th/superhotdeal/