รีวิวมือถือ iPhone SE 2020 มือถือหน้าตา Classic แต่ไส้ในใหม่หมด ในราคาเริ่มต้น 15,000 บาท มีทอน 

[Review] iPhone SE มือถือหน้าตา Classic แต่ไส้ในใหม่หมด ในราคาเริ่มต้น 15,000 บาท มีทอน 

[Review] iPhone SE มือถือหน้าตา Classic แต่ไส้ในใหม่หมด ในราคาเริ่มต้น 15,000 บาท มีทอน 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ทีมมีมือถือหยุดทุกการรอคอยอย่าง iPhone SE มาได้สัมผัสกัน ต้องบอกว่าในราคาเริ่มต้นกับ 14,900 บาท และมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 8 กับขุมพลังแรงสุดอย่าง iPhone 11 จะเป็นอย่างไร 

แกะกล่อง iPhone SE 

ภายในกล่องของ iPhone SE ก็ยังคงเหมือนกับไอโฟนทั่วไปประกอบไปด้วย 

  • ตัวเครื่อง iPhone SE 
  • สายชาร์จ Lightning Port 
  • ที่ชาร์จขนาด 5W  
  • เข็มจิ้มซิม 
  • สติ๊กเกอร์ Apple 
  • คู่มือ 
  • ใบ Product Red เฉพาะ สีแดงเท่านั้น 

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ iPhone SE 

เริ่มต้นกับด้านหน้าของ iPhone SE กันก่อน ถ้าพูดว่า มีขนาดหน้าจอเล็กจับได้ถนัดมืออย่าง iPhone 7 และ iPhone 8 คือ 4.7 นิ้ว แต่ว่าความสว่างของเครื่องที่ได้รีวิวนั้นกลับสว่างกว่า iPhone 8 เล็กน้อยและขอบบนและล่างใหญ่อลังการเช่นเคย

เพราะส่วนบนของด้านหน้าจะมาพร้อมกับกล้องขนาด 7 ล้านพิกเซล เซนเซอร์และลำโพงสำหรับสนทนามาให้แบบครบเครื่อง ภายในหน้าจอมี Tap แสดงขีดคลื่นมือถือ, นาฬิกา, แบตเตอรี่  

ด้านล่างมีปุ่ม Home และเป็นระบบ Touch ID สแกนนิ้วได้ 

ส่วนด้านข้างยังคงเป็นเฟรมอะลูมิเนียม เหมือนกับ iPhone 8, iPhone XR และ iPhone 11 เหมือนเดิม โดยปุ่มกดมีทั้ง ตัวผลักให้เปิด / ปิด เสียง พร้อมกับปุ่มลดและเพิ่มเสียง 

ด้านข้างฝั่งขวามีปุ่มสำหรับเปิด / ปิดเครื่อง แต่ถ้าถ้าจะ Capture หน้าจอสามารถกดปุ่ม Power และ Home พร้อมกันได้เลย และมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดปกติ ทำให้ ส่วนบนไม่มีอะไรเลยปล่อยว่างและโชว์สีสันที่สวยงาม 


ส่วนล่างมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง ไมโครโฟน และตรงกลางเป็น Lightning Port 

ด้านหลังยังคงเป็นกระจกเหมือนเดิม พร้อมกับโลโก้ Apple กลางเครื่อง พร้อมกับกล้องหลังอยู่ตรงด้านบนมุมซ้าย พร้อมกับไมโครโฟน และ LED Flash True Tone ซึ่งมีเรื่องเตือนสักหน่อยคือ หาเคสใส่จะดีกว่าเพราะโอกาสที่มันจะทำให้อุปกรณ์เป็นรอย หรือตัวมันเอง มีความเสี่ยงสูงมาก

 

ภาพรวม / น้ำหนัก / สีสัน 

สำหรับตัวเครื่องของ iPhone SE ในปี 2020 ถือว่าเป็นรุ่นที่ 2 แล้วแทบจะบอกว่า มันไม่ได้แตกต่างอะไรจาก iPhone 8 สักเท่าไหร่ จึงทำให้รู้สึกว่า ถ้าใครชอบไซล์ของ iPhone 7 และ 8 อยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับคุณ แต่ถ้าคุณเคยใช้มือถือจอใหญ่ไปแล้ว อาจจะรู้สึกว่ามันเล็กไปหน่อยกับสมัยนี้ 

แต่ถ้คุณมีงบไม่ได้สูงมาก นี่เป็นทางเลือกที่ดีนะสำหรับคนที่อยากได้มือถือราคาไม่แพงจนเกินไปครับ 

ส่วนสีสันของ iPhone SE มีแค่ สีดำ, สีขาว และ แดง Product Red เท่านั้น น่าเสียดายที่ iPhone SE ไม่เอาสีทองแชมเปญแบบ iPhone 8 มาขาย 

เปิดเครื่องลองประสิทธิสภาพ และ ฟีเจอร์ของ iPhone SE 

สเปกของ iPhone SE 

  • สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 138.4 x 67.3 x 7.3 มม. 
  • น้ำหนัก: 179 กรัม  
  • การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67 
  • หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล  
  • ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic Hexa-core (2x2.65 GHz Lightning + 4x1.8 GHz Thunder) + Apple GPU  
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS  
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 13.4 สามารถอัปเดตได้  
  • ระบบความปลอดภัย  
  • ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID  
  • กล้องหลัง  : 12 ล้านพิกเซล (f1.7 Main)   
  • กล้องหน้า: 7 ล้านพิกเซล  
  • แบตเตอรี : 1821 mAh พร้อมกับ Fast Charge 18W  
  • แรม/ความจุ : RAM 3GB / ความจำ 64 / 128 / 256GB + iCloud Drive  
  • สี : แดง, ขาว, ดำ 

การทดสอบประสิทธิภาพ 

คะแนนทดสอบประสิทธิภาพ จาก AnTuTu ทำได้ที่ 464,163 คะแนน 

เมื่อทดลองประสิทธิภาพไปแล้ว และลองเล่นเกพบว่าเครื่องตอบสนองได้รวดเร็วดีและไม่กระตุกมาก แต่ว่าเมื่อเทียบกับ iPhone 11 ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่า RAM ที่ให้มีแค่ 3GB ถ้าเล่นเกมหนักและต้องการสลับไปใช้งานอาจจะกระตุกได้เล็กน้อย แต่โอกาสเกิดกระตุกน้อยมาก 

การเชื่อมต่อ / ทดลองนำทาง 

เห็นมือถือที่ออกมาราคาถูกหลายคนคิดว่า Apple ต้องกั๊กเรื่องการเชื่อมต่อ แต่สำหรับ iPhone SE ตัวนี้ยังรองรับ WiFi 802.11 AX หรือ WiFi 6, Bluetooth 5.0 และ 4G ระดับ Gigabit ส่วนการนำทางก็สไตล์ iPhone ไว้ใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่แม่นเท่ากับมือถือ Android หลายตัว 

การแสดงผล / ระบบเสียงของ iPhone SE 

หน้าจอของ iPhone SE จะ 4.7 นิ้ว เป็นแบบ IPS LCD ยังคงให้สีที่ตรง เมื่อนำไปชมภาพยนตร์แบบแก้ขัดก็ยังคงสามารถใช้ได้เลย แต่ว่าขนาดหน้าจอเล็กคุณจะรับได้หรือไม่ก็ลองพิจารณาดู 


ส่วนลำโพงนั้น ดังทั้งด้านบนและล่างทำให้เสียงที่ออกมามิติมากพอสมควรครับ 

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย 

ส่วนระบบปฏิบัติการของ iPhone SE มาพร้อมกับ iOS 13 ที่มีฟีเจอร์ครบเครื่องอยู่แล้วทั้งการใช้งานและการดูแลตัวเครื่อง โดยเฉพาะ iOS 13.5 ที่มีการปรับปรุงหลายเรื่องก็ทำให้คุณสามารถใช้ทำงานได้ดีแบบไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก 

ฟีเจอร์เด่นยังคงเป็นตัวระบบปฏิบัติการที่สามารถดูต่อได้ที่ 

 

ส่วนระบบความปลอดภัยของ iPhone SE ยังคงให้ระบบสแกนนิ้วแบบ Touch ID  

เปิดกล้องทดลองถ่ายภาพ 

สำหรับกล้องของ iPhone SE จะติดตั้งมาให้ทั้งหมด 2 ตัวเท่านั้นคือกล้องหน้าและกล้องหลังมีสเปกด้งนี้ 

  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8 พร้อมระบบ Auto Focus 
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล 
  • LED Flash 4 ดวงพร้อมกับ ไมโครโฟนระหว่างกลาง Flash และกล้องหลัง 

ฟีเจอร์ของกล้อง iPhone SE 2020 

ยังคงเหมือนกับ iPhone ทั่วไปเพราะเน้นการถ่ายภาพที่ง่ายและยังมีการเข้าฟีเจอร์ลึกเช่นการปรับอัตราส่วนของภาพได้ ปรับเรื่องของระดับแสงได้ แต่ว่า ไม่มี Night Mode แถม การละลายหลัง หรือ Portrait Mode ทำได้แค่กล้องหน้าเท่านั้น 

ตัวอย่างภาพจาก iPhone SE  

 



ภาพกลางวันยังคงเก็บรายละเอียดที่ใช้ได้แต่ว่าการซูมทำได้สูงสุดที่ Digital Zoom 5 เท่า แค่นั้น 

 


ภาพกลางคืนหากไม่ได้มืดมาก ยังคงไม่มี Noise เกิดขึ้น แต่ว่าถ้าภาพที่มืดสนิท Noise ก็จะปรากฏชัดเจน 

 



ส่วนการโฟกัสใกล้และการถ่ายอาหารยังคงทำได้ดีเช่นเคย แต่การเช้าใกล้อาจจะไม่ได้ทำได้มากขนาด 3 เซนติเมตร เหมือนกับ Android นะครับ 

การถ่ายวิดีโอ 

iPhone SE ติดตั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS มาให้แต่ว่าการทำงานนั้นอาจจะไม่ได้มากนัก แต่ว่าถ้าถ่ายวิดีโอแบบปกติ ได้ความละเอียด 4K 60FPS, Slowmotion 240 FPS 

กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพออกมาเป็นอย่างไร 

กล้องหน้ามีลูกเล่นละลายหลังมาให้หรือ Portrait Mode สามารถปรับฟิลเตอร์ได้เยอะถึง 5 แบบตามความชอบของแต่ละคน ผิดกับด้านหลังปรับได้แค่ 3 แบบเท่านั้นเอง ภาพที่ออกมา มันคือความจริง ไม่มี Beauty แต่อย่างใด 

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ 

แน่นอนว่าเมื่อขนาดเครื่องเท่ากับ iPhone 8 แล้ว แบตเตอรี่ก็ต้องเท่ากับ iPhone 8 โดยมีความจุที่ 1821 mAh เท่านั้นข้อดีคือเมื่อใช้กับหน้าจอแบบนี้ถ้าไม่ได้ใช้งานหนักถือว่าเพียงพอ แต่ถ้า เล่นเกหนักสายโหด ผมว่ายังไม่พอครับเล่นไปจนถึงแค่ บ่ายโมงกว่าก็น่าจะแจ้งเตือนแล้ว 

ส่วนระบบชาร์จไฟ แม้ว่าที่กล่องจะให้ขนาด 5W เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ว่า ยังรองรับกำลังชาร์จไฟ 18W มาให้แต่ต้องซื้อแยก และรองรับชาร์จไฟไร้สายด้วยกำลังถึง 7.5 W และมีฟีเจอร์ถนอมแบตเตอรี่ เมื่อชาร์จถึง 80% ระบบจะหยุดการชาร์จไฟทันที ซึ่งจะทำในเวลากลางคืน 

สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้ iPhone SE (2020) มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

เมื่อทดลองใช้งานจริงก็ต้องบอกว่า iPhone SE 2020 คือมือถือรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับคนที่จะเริ่มต้นกับ iOS สักเครื่อง ว่าระบบทำอะไรได้บ้าง หรือ ประสบการณ์ iOS ที่เหมือนกับเครื่องรุ่นใหม่ทั้งขุมพลังมากที่สุด แต่ที่เหลือยังคงเหมือนกับ iPhone 8 ทั้งกล้อง และ ขนาดหน้าจอ เท่านั้นเอง  

  • 64GB = 14,900 บาท  
  • 128GB = 16,900 บาท  
  • 256GB = 20,900 บาท 

เมื่อราคาออกมาแบบนี้ รุ่นที่น่าซื้อสุดคือ 128GB เพราะคุณเพิ่มอีกแค่ 2,000 จากรุ่น 64GB ได้ความจุที่มากกว่าเท่าตัว ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยครับ 

เมื่อเห็นราคาแล้วต้องบอกว่า iPhone SE จะตรงใจกับคน 3 กลุ่มนี้ 1. คนอยากใช้เคสเดิมของ iPhone 7, 8 และอยากเปลี่ยนเครื่องให้สเปกใหม่ขึ้น 2. First Jobber หรือ นักศึกษาอยากได้ iPhone ใหม่เป็นเครื่องแรก หรือ ทดแทนเครื่องเดิม แต่ราคาไม่แพง 3. คนมองมือถือในกลุ่มราคา 15,000 – 21,000 บาท ต้องการมือถือที่คุ้มค่า 

นี่ก็คือกลุ่มคนที่เหมาะกับมือถือรุ่นนี้ครับ แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว หารุ่นอื่นที่ใหม่กว่านี้ จะดีกว่าครับ 

จุดเด่น 

  • ขนาดเล็กน่ารักพกพาสะดวก 
  • ขุมพลังแรงเหมือนกับ iPhone 11 
  • ได้ระบบปฏิบัติการใหม่ อัปเดตได้นาน 
  • ความจำให้เลือกเยอะ 
  • กันน้ำ IP67 ด้วยนะ 
  • มีระบบชาร์จไฟครบทั้งไร้สายและมีสาย 

ข้อสังเกต 

  • กล้องและและบอดี้ยังคงเป็นแบบเดียวกับ iPhone 8 ทั้งหมด 
  • แบตเตอรี่ยังน้อยไปหน่อยหากจะเล่นเกมทั้งวัน ไม่พอแน่นอน 

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ ของ [Review] iPhone SE มือถือหน้าตา Classic แต่ไส้ในใหม่หมด ในราคาเริ่มต้น 15,000 บาท มีทอน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้