[Review] iPhone SE มือถือหน้าตา Classic แต่ไส้ในใหม่หมด ในราคาเริ่มต้น 15,000 บาท มีทอน
กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ทีมมีมือถือหยุดทุกการรอคอยอย่าง iPhone SE มาได้สัมผัสกัน ต้องบอกว่าในราคาเริ่มต้นกับ 14,900 บาท และมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 8 กับขุมพลังแรงสุดอย่าง iPhone 11 จะเป็นอย่างไร
แกะกล่อง iPhone SE
ภายในกล่องของ iPhone SE ก็ยังคงเหมือนกับไอโฟนทั่วไปประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง iPhone SE
- สายชาร์จ Lightning Port
- ที่ชาร์จขนาด 5W
- เข็มจิ้มซิม
- สติ๊กเกอร์ Apple
- คู่มือ
- ใบ Product Red เฉพาะ สีแดงเท่านั้น
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ iPhone SE
เริ่มต้นกับด้านหน้าของ iPhone SE กันก่อน ถ้าพูดว่า มีขนาดหน้าจอเล็กจับได้ถนัดมืออย่าง iPhone 7 และ iPhone 8 คือ 4.7 นิ้ว แต่ว่าความสว่างของเครื่องที่ได้รีวิวนั้นกลับสว่างกว่า iPhone 8 เล็กน้อยและขอบบนและล่างใหญ่อลังการเช่นเคย
เพราะส่วนบนของด้านหน้าจะมาพร้อมกับกล้องขนาด 7 ล้านพิกเซล เซนเซอร์และลำโพงสำหรับสนทนามาให้แบบครบเครื่อง ภายในหน้าจอมี Tap แสดงขีดคลื่นมือถือ, นาฬิกา, แบตเตอรี่
ด้านล่างมีปุ่ม Home และเป็นระบบ Touch ID สแกนนิ้วได้
ส่วนด้านข้างยังคงเป็นเฟรมอะลูมิเนียม เหมือนกับ iPhone 8, iPhone XR และ iPhone 11 เหมือนเดิม โดยปุ่มกดมีทั้ง ตัวผลักให้เปิด / ปิด เสียง พร้อมกับปุ่มลดและเพิ่มเสียง
ด้านข้างฝั่งขวามีปุ่มสำหรับเปิด / ปิดเครื่อง แต่ถ้าถ้าจะ Capture หน้าจอสามารถกดปุ่ม Power และ Home พร้อมกันได้เลย และมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดปกติ ทำให้ ส่วนบนไม่มีอะไรเลยปล่อยว่างและโชว์สีสันที่สวยงาม
ส่วนล่างมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง ไมโครโฟน และตรงกลางเป็น Lightning Port
ด้านหลังยังคงเป็นกระจกเหมือนเดิม พร้อมกับโลโก้ Apple กลางเครื่อง พร้อมกับกล้องหลังอยู่ตรงด้านบนมุมซ้าย พร้อมกับไมโครโฟน และ LED Flash True Tone ซึ่งมีเรื่องเตือนสักหน่อยคือ หาเคสใส่จะดีกว่าเพราะโอกาสที่มันจะทำให้อุปกรณ์เป็นรอย หรือตัวมันเอง มีความเสี่ยงสูงมาก
ภาพรวม / น้ำหนัก / สีสัน
สำหรับตัวเครื่องของ iPhone SE ในปี 2020 ถือว่าเป็นรุ่นที่ 2 แล้วแทบจะบอกว่า มันไม่ได้แตกต่างอะไรจาก iPhone 8 สักเท่าไหร่ จึงทำให้รู้สึกว่า ถ้าใครชอบไซล์ของ iPhone 7 และ 8 อยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับคุณ แต่ถ้าคุณเคยใช้มือถือจอใหญ่ไปแล้ว อาจจะรู้สึกว่ามันเล็กไปหน่อยกับสมัยนี้
แต่ถ้คุณมีงบไม่ได้สูงมาก นี่เป็นทางเลือกที่ดีนะสำหรับคนที่อยากได้มือถือราคาไม่แพงจนเกินไปครับ
ส่วนสีสันของ iPhone SE มีแค่ สีดำ, สีขาว และ แดง Product Red เท่านั้น น่าเสียดายที่ iPhone SE ไม่เอาสีทองแชมเปญแบบ iPhone 8 มาขาย
เปิดเครื่องลองประสิทธิสภาพ และ ฟีเจอร์ของ iPhone SE
สเปกของ iPhone SE
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 138.4 x 67.3 x 7.3 มม.
- น้ำหนัก: 179 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67
- หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic Hexa-core (2x2.65 GHz Lightning + 4x1.8 GHz Thunder) + Apple GPU
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 13.4 สามารถอัปเดตได้
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล (f1.7 Main)
- กล้องหน้า: 7 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี : 1821 mAh พร้อมกับ Fast Charge 18W
- แรม/ความจุ : RAM 3GB / ความจำ 64 / 128 / 256GB + iCloud Drive
- สี : แดง, ขาว, ดำ
การทดสอบประสิทธิภาพ
คะแนนทดสอบประสิทธิภาพ จาก AnTuTu ทำได้ที่ 464,163 คะแนน
เมื่อทดลองประสิทธิภาพไปแล้ว และลองเล่นเกพบว่าเครื่องตอบสนองได้รวดเร็วดีและไม่กระตุกมาก แต่ว่าเมื่อเทียบกับ iPhone 11 ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่า RAM ที่ให้มีแค่ 3GB ถ้าเล่นเกมหนักและต้องการสลับไปใช้งานอาจจะกระตุกได้เล็กน้อย แต่โอกาสเกิดกระตุกน้อยมาก
การเชื่อมต่อ / ทดลองนำทาง
เห็นมือถือที่ออกมาราคาถูกหลายคนคิดว่า Apple ต้องกั๊กเรื่องการเชื่อมต่อ แต่สำหรับ iPhone SE ตัวนี้ยังรองรับ WiFi 802.11 AX หรือ WiFi 6, Bluetooth 5.0 และ 4G ระดับ Gigabit ส่วนการนำทางก็สไตล์ iPhone ไว้ใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่แม่นเท่ากับมือถือ Android หลายตัว
การแสดงผล / ระบบเสียงของ iPhone SE
หน้าจอของ iPhone SE จะ 4.7 นิ้ว เป็นแบบ IPS LCD ยังคงให้สีที่ตรง เมื่อนำไปชมภาพยนตร์แบบแก้ขัดก็ยังคงสามารถใช้ได้เลย แต่ว่าขนาดหน้าจอเล็กคุณจะรับได้หรือไม่ก็ลองพิจารณาดู
ส่วนลำโพงนั้น ดังทั้งด้านบนและล่างทำให้เสียงที่ออกมามิติมากพอสมควรครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบปฏิบัติการของ iPhone SE มาพร้อมกับ iOS 13 ที่มีฟีเจอร์ครบเครื่องอยู่แล้วทั้งการใช้งานและการดูแลตัวเครื่อง โดยเฉพาะ iOS 13.5 ที่มีการปรับปรุงหลายเรื่องก็ทำให้คุณสามารถใช้ทำงานได้ดีแบบไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก
ฟีเจอร์เด่นยังคงเป็นตัวระบบปฏิบัติการที่สามารถดูต่อได้ที่
ส่วนระบบความปลอดภัยของ iPhone SE ยังคงให้ระบบสแกนนิ้วแบบ Touch ID
เปิดกล้องทดลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องของ iPhone SE จะติดตั้งมาให้ทั้งหมด 2 ตัวเท่านั้นคือกล้องหน้าและกล้องหลังมีสเปกด้งนี้
- กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.8 พร้อมระบบ Auto Focus
- กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
- LED Flash 4 ดวงพร้อมกับ ไมโครโฟนระหว่างกลาง Flash และกล้องหลัง
ฟีเจอร์ของกล้อง iPhone SE 2020
ยังคงเหมือนกับ iPhone ทั่วไปเพราะเน้นการถ่ายภาพที่ง่ายและยังมีการเข้าฟีเจอร์ลึกเช่นการปรับอัตราส่วนของภาพได้ ปรับเรื่องของระดับแสงได้ แต่ว่า ไม่มี Night Mode แถม การละลายหลัง หรือ Portrait Mode ทำได้แค่กล้องหน้าเท่านั้น
ตัวอย่างภาพจาก iPhone SE
ภาพกลางวันยังคงเก็บรายละเอียดที่ใช้ได้แต่ว่าการซูมทำได้สูงสุดที่ Digital Zoom 5 เท่า แค่นั้น
ภาพกลางคืนหากไม่ได้มืดมาก ยังคงไม่มี Noise เกิดขึ้น แต่ว่าถ้าภาพที่มืดสนิท Noise ก็จะปรากฏชัดเจน
ส่วนการโฟกัสใกล้และการถ่ายอาหารยังคงทำได้ดีเช่นเคย แต่การเช้าใกล้อาจจะไม่ได้ทำได้มากขนาด 3 เซนติเมตร เหมือนกับ Android นะครับ
การถ่ายวิดีโอ
iPhone SE ติดตั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS มาให้แต่ว่าการทำงานนั้นอาจจะไม่ได้มากนัก แต่ว่าถ้าถ่ายวิดีโอแบบปกติ ได้ความละเอียด 4K 60FPS, Slowmotion 240 FPS
กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพออกมาเป็นอย่างไร
กล้องหน้ามีลูกเล่นละลายหลังมาให้หรือ Portrait Mode สามารถปรับฟิลเตอร์ได้เยอะถึง 5 แบบตามความชอบของแต่ละคน ผิดกับด้านหลังปรับได้แค่ 3 แบบเท่านั้นเอง ภาพที่ออกมา มันคือความจริง ไม่มี Beauty แต่อย่างใด
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แน่นอนว่าเมื่อขนาดเครื่องเท่ากับ iPhone 8 แล้ว แบตเตอรี่ก็ต้องเท่ากับ iPhone 8 โดยมีความจุที่ 1821 mAh เท่านั้นข้อดีคือเมื่อใช้กับหน้าจอแบบนี้ถ้าไม่ได้ใช้งานหนักถือว่าเพียงพอ แต่ถ้า เล่นเกหนักสายโหด ผมว่ายังไม่พอครับเล่นไปจนถึงแค่ บ่ายโมงกว่าก็น่าจะแจ้งเตือนแล้ว
ส่วนระบบชาร์จไฟ แม้ว่าที่กล่องจะให้ขนาด 5W เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ว่า ยังรองรับกำลังชาร์จไฟ 18W มาให้แต่ต้องซื้อแยก และรองรับชาร์จไฟไร้สายด้วยกำลังถึง 7.5 W และมีฟีเจอร์ถนอมแบตเตอรี่ เมื่อชาร์จถึง 80% ระบบจะหยุดการชาร์จไฟทันที ซึ่งจะทำในเวลากลางคืน
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้ iPhone SE (2020) มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อทดลองใช้งานจริงก็ต้องบอกว่า iPhone SE 2020 คือมือถือรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับคนที่จะเริ่มต้นกับ iOS สักเครื่อง ว่าระบบทำอะไรได้บ้าง หรือ ประสบการณ์ iOS ที่เหมือนกับเครื่องรุ่นใหม่ทั้งขุมพลังมากที่สุด แต่ที่เหลือยังคงเหมือนกับ iPhone 8 ทั้งกล้อง และ ขนาดหน้าจอ เท่านั้นเอง
- 64GB = 14,900 บาท
- 128GB = 16,900 บาท
- 256GB = 20,900 บาท
เมื่อราคาออกมาแบบนี้ รุ่นที่น่าซื้อสุดคือ 128GB เพราะคุณเพิ่มอีกแค่ 2,000 จากรุ่น 64GB ได้ความจุที่มากกว่าเท่าตัว ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยครับ
เมื่อเห็นราคาแล้วต้องบอกว่า iPhone SE จะตรงใจกับคน 3 กลุ่มนี้ 1. คนอยากใช้เคสเดิมของ iPhone 7, 8 และอยากเปลี่ยนเครื่องให้สเปกใหม่ขึ้น 2. First Jobber หรือ นักศึกษาอยากได้ iPhone ใหม่เป็นเครื่องแรก หรือ ทดแทนเครื่องเดิม แต่ราคาไม่แพง 3. คนมองมือถือในกลุ่มราคา 15,000 – 21,000 บาท ต้องการมือถือที่คุ้มค่า
นี่ก็คือกลุ่มคนที่เหมาะกับมือถือรุ่นนี้ครับ แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว หารุ่นอื่นที่ใหม่กว่านี้ จะดีกว่าครับ
จุดเด่น
- ขนาดเล็กน่ารักพกพาสะดวก
- ขุมพลังแรงเหมือนกับ iPhone 11
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่ อัปเดตได้นาน
- ความจำให้เลือกเยอะ
- กันน้ำ IP67 ด้วยนะ
- มีระบบชาร์จไฟครบทั้งไร้สายและมีสาย
ข้อสังเกต
- กล้องและและบอดี้ยังคงเป็นแบบเดียวกับ iPhone 8 ทั้งหมด
- แบตเตอรี่ยังน้อยไปหน่อยหากจะเล่นเกมทั้งวัน ไม่พอแน่นอน
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ