[Review] Redmi Note 9 กลับมาแล้ว มือถือระดับกลางที่ฟีเจอร์และประสิทธิภาพดีเกินคาดหมาย 

[Review] Redmi Note 9 กลับมาแล้ว มือถือระดับกลางที่ฟีเจอร์และประสิทธิภาพดีเกินคาดหมาย 

[Review] Redmi Note 9 กลับมาแล้ว มือถือระดับกลางที่ฟีเจอร์และประสิทธิภาพดีเกินคาดหมาย 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง หากพูดถึง Redmi Note หลายคนจะนึกถึงเรื่องของความคุ้มค่าและมือถือมีราคาไม่สูงมากนัก และครั้งนี้กับรีวิวที่หลายคนรอคอย Redmi Note 9 ก็เป็นอีกเครื่องที่ยืนยันว่า นี่ก็ยังคงเป็นมือถือที่ยังน่าคบเหมือนเดิมทั้งหน้าตาและฟีเจอร์ 

แกะกล่อง Redmi Note 9 

ภายในกล่องของ Redmi Note 9 จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังนี้ 

sa_red_no9_b007

  • ตัวเครื่อง Redmi Note 9 
  • สายชาร์จ USB-C 
  • ที่ชาร์จกำลัง 18W 
  • คู่มือ 
  • ที่จิ้มถาดใส่ซิมการ์ด 
  • เคสใส 

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Redmi Note 9 

เริ่มต้นกับด้านหน้าของเครื่องที่มีขนาด 6.53 นิ้วเป็นแบบ Dots Display อัตราส่วน 19.5:9 พื้นที่หน้าจอถือว่าเยอะพอสมควรแต่ว่าขอบด้านข้างหน้าจอไม่ได้บางมาก ก็อาจจะสูญเสียพื้นที่ไปเล็กน้อยแต่ไม่เป็นไรมาก 

sa_red_no9_b010

ส่วนบนของหน้าจอนอกจากกล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซลจะไว้มุมซ้ายจะมีคลื่นความถี่, ปริมาณแบตเตอรี่ และรวมไปถึงการแจ้งเตือนก็ยังมี มีการซ่อนเซนเซอร์หน้าจอและลำโพงสนทนาไว้ด้านบนสุดของหน้าจอ 

 sa_red_no9_b014

ส่วนล่าสุดของหน้าจอเป็นปุ่มควบคุมระบบของ Android สามารถสลับตำแหน่งได้ แต่ว่าปุ่มเบื้องต้นจะเป็น Recent สลับ Apps, Home สำหรับกลับหน้าแรก, และ Back สำหรับย้อนกลับเมนูหนึ่ง 

sa_red_no9_b013

รอบตัวเครื่องจะเป็นสีเดียวกับฝาหลังและออกแบบโค้งรับกับมือในแบบ 2.5D ส่วนประกอบเริ่มต้นจากฝั่งซ้ายจะมีถาดใส่ซิมการ์ด Nano SIM 2 ช่องและ Micro SD อีก 1 ช่องแบบไม่ต้องแย่งใคร 

sa_red_no9_b002
sa_red_no9_b005

ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่มสำหรับเปิด / ปิด ตัวเครื่อง ที่มีขนาดกำลังดี 

sa_red_no9_b1001

ส่วนบนนอกจากไมโครโฟนตัวที่ 2 ยังมี IR Baster ไว้สั่งงานกับ Mi IR Remote โปรแกรมสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า 

sa_red_no9_b004

ส่วนล่างมีทั้งช่องเสียบหูฟัง, USB-C พร้อมกับไมโครโฟนสำหรับสนทนา 

sa_red_no9_b003

พลิกมาด้านหลังจำมีกล้องที่จัดวางเหมือนกับ Redmi Note 9s รวมถึง Redmi Note 9 Pro ที่กำลังจะรีวิวในอนาคต แต่ถ้าดูดแล้วตำแหน่งของ Flash จะไว้มุมกล้องข้างขวาบน พร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้กล้อง นอจากนี้ล่างสุดยังมี Logo Redmi มาให้ได้ด้วย 

sa_red_no9_b1002

ภาพรวมของดีไซน์ / น้ำหนัก / สีสัน 

sa_red_no9_b012

ในภาพรวมของหน้าตาของ Redmi Note 9 ออกแบบได้แตกต่างจาก Redmi Note 9s ที่รีวิวก่อนหน้านี้กับขนาดหน้าจอเล็กกว่าแต่ว่าหน้าจอ Dots Display แบบนี้ถือว่าไว้ตำแหน่งที่ไม่บังเลยเวลาใช้งาน ตำแหน่งของสแกนนิ้วผมว่าถ้าเพิ่มใหญ่กว่านี้จะทำให้สแกนได้ง่ายกว่านี้ ส่วนน้ำหนักของเครื่องถือว่าไม่หนัก หากเทียบสเปกแล้ว 

ส่วนสีสันของ Redmi Note 9 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีได้แก่ Forest Green, Midnight Grey ซึ่งเป็นสีที่ได้รับมาทดลองในครั้งนี้, Polar White 

เปิดเครื่องลองประสิทธิภาพของ Redmi Note 9 

สเปกของ Redmi Note 9 

  • หน้าจอ IPS-LCD 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว Dots Display 
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.3 x 77.2 x 8.9 มม   
  • น้ำหนัก 199 กรัม    
  • ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Heilo G85 Octa Core 
  • ชิปกราฟิก Mali-G52 MC2 
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 - 4GB  
  • หน่วยความจำภายในความจุ 64 -128GB  
  • หน่วยความจำภายนอก : MicroSD 
  • การเชื่อมต่อ 4G LTE,รองรับ WiFi สูงสุดที่มาตรฐาน 802.11 AC, Bluetooth 5.0 
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล    
  • กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวประกอบด้วย 
    • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ รองรับ PDAF   
    • เลนส์ ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  
    • เลนส์มาโครให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล  
    • เลนส์ depth ให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล   
    • LED Flash 
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition, สแกนนิ้วด้านหลัง 
  • แบตเตอรี่ความจุ 5020mAh    
  • รองรับ Fast Charge 18W แบบสาย + Reverse Charge 9W 
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 11.0.1 
  • สี Forest Green, Midnight Grey, Polar White 
  • ราคาในประเทศไทย : 4,999 บาท (RAM 3GB / ความจำในตัว 64GB) 6,499 บาท (RAM 4GB / ความจำ 128GB) 

การทดสอบประสิทธิภาพ 

 screenshot_2020-05-31-12-41-1

ผลการทดสอบประสิทธิภาพจาก AnTuTu =203,353 คะแนน 

 img_20200531_125319

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Geekbench 5 = 355 คะแนน (Single Core) | 1,185 (Multi Core) 

 sa_red_no9_b016

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพออกมาถือว่าคะแนนก็สู้กับในกลุ่มเดียวกันได้อย่างสบาย ขุมพลังใหม่ล่าสุดนี้ถือว่าทำให้คะแนนประสิทธิภาพออกมาไม่ได้แตกต่างกับกลุ่มเดียวกัน แต่ว่าเสียดายที่ไม่มี GPU Turbo มาให้ 

การทดสอบระบบนำทาง / การเชื่อมต่อไร้สาย 

ในการทดสอบนำทางถือว่าแม่นยำเพราะรองรับทั้ง GPS, A-GPS และนอกจากนี้การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 AC และ Bluetooth 5.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและรองรับ 4G LTE ทั้ง 2 SIM เลยครับ ถือว่ายกมาตรฐานมือถือในกลุ่มที่ล้ำหน้ามากขึ้น

การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง 

sa_red_no9_b006

การแสดงผลหน้าจอ IPS LCD ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล แต่เนื่องจากหน้าจอเป็นแบบ Dots Display ทำให้พื้นที่เยอะมากขึ้นเล่นเกมแล้วไม่บังหน้าจอ แต่เวลาดูหนังก็อาจจะมีจุดที่เกะกะเล็กน้อยไม่ทำให้เสีย อรรถรสสักเท่าไหร่ 

sa_red_no9_b003

แต่ว่าระบบเสียงนั้นแม้ว่าจะให้ลำโพงตัวเดียวแต่เสียงค่อนข้างดังใช้ได้เลยครับ และยังมีฟีเจอร์ FM Radio และ EQ ปรับการเข้ากับหูฟังของ Xiaomi ได้ด้วยเพราะยังให้ช่องเสียบหูฟังอยู่ครับ 

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ / ระบบความปลอดภัย 

ระบบปฏิบัติการของ Redmi Note 9 ยังเลือกใช้ Android 10 มาพร้อมกับ MIUI 11 รุ่นใหม่ที่มีจุดเด่นคือการตกแต่งเรียบง่ายและมี Theme ที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น และระบบต่างๆ ทำงานรวดเร็วและยังรองรับฟีเจอร์ต่างๆ ในอนาคตได้ แถมอัปเดตไป MIUI 12 รุ่นใหม่ได้ด้วย 

red_9_tools

ฟีเจอร์หลักๆ  ยังคงมีเครื่องมือให้ครบตามแบบของ MIUI ประกอบไปด้วย เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลรักษาเครื่อง และอื่นๆ รวมไปถึง Mi Remote ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบใช้มือถือคุมอุปกรณ์ไร้สายได้ และยังมีฟีเจอร์ Dual Apps, การดูแลรักษาสุขภาพของเครื่อง เหมือนเคย  

red_9_sec

ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง ใต้กล้อง และมีระบบสำรองคือ ระบบสแกนใบหน้านั่นเอง 

เปิดกล้องลองถ่ายภาพ 

sa_red_no9_b015

สำหรับรุ่นเล็กสุดของตระกูล Redmi Note ก็มีให้เล่นกล้องทั้งหมด 4 ตัวเหมือนกันจะประกอบด้วย 

  • เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รองรับระบบ PDAF   
  • เลนส์ ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  
  • เลนส์มาโครให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล  
  • เลนส์ depth ให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล   

เรียกได้ว่ากล้องทั้ง 4 มีประสิทธิภาพไม่น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง Redmi Note 9s และยังให้ LED Flash ดวงเดียว 

ฟีเจอร์และเมนูส่วนควบคุมกล้อง  

red_9_cam

การออกแบบเมนูยังคงเน้นการใช้งานที่ง่ายในแบบฉบับของ XIAOMI โหมดเกี่ยวกับภาพอยู่ทางขวา และ โหมดวิดีโออยู่ทางซ้ายรองรับฟีเจอร์การถ่ายภาพและวิดีโอได้หลากหลายรวมถึง Pro Mode และมี AI Scene ปรับสีและแสงตามสิ่งแวดล้อมที่เจอ และมีโหมด Macro ให้กดเข้าใกล้ได้ง่ายๆ  

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Redmi Note 9s 

 sa_red_no9_c007ระยะ Wide


sa_red_no9_c008ระยะ 2x
sa_red_no9_c009ระยะ 10X

ภาพในรูปแบบปกติ ถือว่าให้สีสันและการเก็บรายละเอียดได้ดีเช่นเดียวกัน แทบไม่เป็นห่วงในเรื่องการถ่ายภาพปกติ 

 sa_red_no9_c010
sa_red_no9_c011
sa_red_no9_c012

สำหรับภาพกลางคืนถ้าเปิด Night Mode จะมีการเก็บรายละเอียดของภาพแบบละเอียดดีมากสีสันจะตรงและคมชัดพอสมควร แต่ถ้าหากไม่เปิดจุดนั้นมืดเกินไป ก็จะมี Noise เกิดขึ้นเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็น AI Scene ก็ช่วยบรรเทาได้เล็กน้อย 

 sa_red_no9_c001
sa_red_no9_c006
sa_red_no9_c014

ส่วนภาพในรูปแบบอื่นก็สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายแบบการที่มี AI Scene และฟิลเตอร์ ทำให้ภาพมีความหลากหลาย รวมถึงสามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้เช่นเดียวกัน 

ลองใช้ Redmi Note 9 ถ่ายวิดีโอ 

screenshot_2020-05-31-12-57-4

ลูกเล่นการถ่ายวิดีโอของ Redmi Note 9 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายเช่น Slowmotion, Timeslapes ถ่ายวิดีโอแบบใกล้ และรวมถึงกรอบภาพยนตร์ ฟังเหมือนดูดี แต่วิดีโอปกติถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1080p แบบ 30 FPS เท่านั้น  

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ของ Redmi Note 9 ถ่ายออกมาเป็นอย่างไร 

red_9_fcam

sa_red_no9_c004

เรื่องกล้องหน้าของ Redmi Note 9 ก็ไม่แพ้ใครเพราะยังคงมีฟิลเตอร์ โหมดละลายหลังที่ปรับได้หลากหลาย และมี Beauty ปรับได้เป็นแบบ Level อย่างไรก็ตามการถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียด Full HD เช่นเดียวกัน 

แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ 

red_9_batt

ส่วนแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับ Redmi Note 9s นั่นคือขนาด 5020 mAh จากที่ลองใช้งานทั้งเล่นเกม, Social Network รวมถึงการโทรออกด้วยพบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานเหมือนกัน สามารถใช้งานหมดภายในเวลา 1 วันกับอีก 2 ชั่วโมง แต่เมื่อทดสอบจาก PC Mark ผลที่ได้จะอยู่ที่ 13:12 ชั่วโมง (จาก 100-19%) ถือว่าอึดอยู่เหมือนกัน 

 

ส่วนระบบการชาร์จไฟของ Redmi Note 9 พร้อมกับที่ชาร์จกำลัง 18W เรื่องของกำลังไฟแทบไม่เป็นห่วงเลย จ่ายไฟเร็วและเต็มเร็ว แต่ไม่มีระบบตัดไฟถนอมแบตเตอรี่มาให้ แต่ความดีคือ Redmi Note 9 ยังมีฟีเจอร์แบ่งไฟให้เพื่อนได้ผ่านการเสียบ USB-C ออกเป็นช่องเสียบ USB-C กำลังไฟถึง 9W ไว้ยามจำเป็น 

สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้ Redmi Note 9 มาสักระยะเวลาหนึ่ง 

sa_red_no9_b008

เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาที่คุ้มค่าเพราะ Redmi Note 9 ถือว่ามีสเปกที่คุ้มค่ากับความแรงของ MediaTek Heilo G85 พร้อมกับฟีเจอร์ครบเครื่อง กล้องที่ถือว่าไม่แย่เลยครับ ในราคา 

  • Redmi Note 9 ความจุขนาด 3GB+64GB ราคา 4,999 บาท  
  • Redmi Note 9 ความจุขนาด 4GB+128GB ราคา 6,499 บาท 

sa_red_no9_b011

ถือว่าเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยครับ แต่จุดอ่อนของมือถือรุ่นนี้มันก็มีเช่นระบบสแกนนิ้วมือเล็กไปหน่อย สแกนติดยาก กล้องหลังถ่ายวิดีโอ 4K ไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใชปัญหาเพราะราคาของมันก็อยู่ไม่เกิน 7,000 บาท ก็ถือว่าเกินคุ้มแล้วครับ 

จุดเด่น 

  • บอดี้สวยและมีหน้าจอให้พื้นที่เยอะ 
  • สเปกเครื่องถือว่าแรงไม่ธรรมดา 
  • ให้ที่ชาร์จกำลังสูงมาในกล่อง 
  • โอกาสอัปเกรดไปต่อมีแน่นอน 
  • แบตเตอรี่ใหญ่มาก และจ่ายไฟออกให้อุปกรณ์อื่นได้ 

ข้อสังเกต 

  • ตำแหน่งระบบสแกนนิ้วเล็กไปหน่อย 
  • กล้องไม่รองรับการถ่ายวิดีโอ 60 FPS หรือ 4K 

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ [Review] Redmi Note 9 กลับมาแล้ว มือถือระดับกลางที่ฟีเจอร์และประสิทธิภาพดีเกินคาดหมาย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook