Google อัปเดตเครื่องมือและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งานเพื่อรักษาข้อมูล

Google อัปเดตเครื่องมือและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งานเพื่อรักษาข้อมูล

Google อัปเดตเครื่องมือและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งานเพื่อรักษาข้อมูล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Google ตอกย้ำในด้านความเป็นส่วนตัวที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในทุกสิ่งที่ Google ได้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้การประชุมทางวิดีโอผ่าน Google Meet มีความปลอดภัย การปกป้องผู้ใช้จากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย  

หรือการเป็นบริษัทชั้นนำรายแรกที่ตัดสินใจที่จะไม่นำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประกาศที่ชัดเจนเกี่ยวกับหลักการการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่ห้ามไม่ให้นำเทคโนโลยี AI ไปใช้หรือขายเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดส่องประชาชน  
 

g1

ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ Google ได้มุ่งเน้นไปที่หลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัย การปฏิบัติต่อข้อมูลของผู้ใช้อย่างรับผิดชอบ และการทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนได้ และเพื่อให้บรรลุความมุ่งมั่นของ Google  จึงได้ทำการอัปเดตเครื่องมือและการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ที่ใช้บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติในการเก็บรักษาข้อมูลในผลิตภัณฑ์หลักของ Google เองเพื่อจำกัดการเก็บข้อมูลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
 
 

การปฏิบัติต่อข้อมูลของผู้ใช้อย่างรับผิดชอบ 

Google เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ควรเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไว้ตราบเท่าที่จำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้จริงๆ เท่านั้น เช่น การช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาจุดหมายปลายทางที่ชื่นชอบใน Google Maps หรือรับคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรรับชมใน YouTube เป็นต้น  

 g6

และนี่คือเหตุผลที่ทำให้มีการเปิดตัวการควบคุมการลบอัตโนมัติ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกให้ Google ลบประวัติตำแหน่ง กิจกรรมการค้นหา ข้อมูลการใช้งานด้วยเสียง และประวัติการใช้งาน YouTube โดยอัตโนมัติ เมื่อข้อมูลมีอายุเกิน 3 เดือน หรือ 18 เดือน โดย Google ยังคงเดินหน้าท้าทายตัวเองในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในวันนี้ Google จะเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติในการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อทำให้การลบอัตโนมัติเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับการตั้งค่ากิจกรรมหลัก 
 

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ครั้งแรกที่คุณเปิดประวัติตำแหน่ง ซึ่งจะปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้น ตัวเลือกการลบอัตโนมัติของคุณจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็น 18 เดือน เช่นเดียวกับการลบข้อมูลกิจกรรมบนเว็บและแอปโดยอัตโนมัติที่จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็น 18 เดือนสำหรับบัญชีใหม่ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลกิจกรรมของคุณจะถูกลบโดยอัตโนมัติและต่อเนื่องเมื่อมีอายุเกิน 18 เดือน คุณสามารถปิดการตั้งค่าเหล่านี้ได้ตลอดเวลา หรือเปลี่ยนตัวเลือกการลบอัตโนมัติตามที่ต้องการได้  

 g3
 

หรือหากคุณเปิดประวัติตำแหน่งและกิจกรรมบนเว็บและแอปไว้แล้ว Google ก็จะไม่เปลี่ยนการตั้งค่าของคุณ แต่ในการทางกลับกัน Google จะคอยเตือนคุณเกี่ยวกับการควบคุมการลบอัตโนมัติผ่านการแจ้งเตือนในผลิตภัณฑ์และทางอีเมลเพื่อให้คุณสามารถเลือกการตั้งค่าการลบอัตโนมัติที่เหมาะกับการใช้งานของคุณเอง 

ในการเปิดตัวการเก็บรักษาข้อมูลเริ่มต้นสำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นั้น Google ยึดหลักการที่ว่าผลิตภัณฑ์ควรเก็บข้อมูลไว้ตราบเท่าที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น  Google จะนำการตั้งค่านี้ไปใช้กับ YouTube ที่การลบอัตโนมัติจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็น 36 เดือนหากคุณสร้างบัญชีใหม่หรือเปิดประวัติ YouTube เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการปรับปรุงตามแนวปฏิบัติของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน  

และทำให้มั่นใจได้ว่า YouTube สามารถให้คำแนะนำด้านความบันเทิงที่ตรงกับความสนใจของคุณโดยอิงจากสิ่งที่คุณเคยรับชมหรือฟัง เช่น แจ้งให้คุณทราบว่าซีรีส์โปรดของคุณได้ปล่อยซีซั่นใหม่ออกมาแล้ว หรือศิลปินคนโปรดของคุณเพิ่งเปิดตัวอัลบั้มใหม่ เป็นต้น  

สำหรับผู้ใช้รายเดิมจะยังสามารถเลือกการลบอัตโนมัติให้เป็น 3 เดือน หรือ 18 เดือนได้เช่นเดิม ทั้งนี้ ระยะเวลาเก็บรักษาที่มีค่าเริ่มต้นจะไม่ถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Gmail, Google Drive และ Google Photos ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย 

และแน่นอนว่า Google จะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปขายให้กับผู้อื่น และจะไม่นำข้อมูลในแอปที่คุณเก็บเนื้อหาส่วนบุคคลไว้เป็นหลัก เช่น Gmail, Google Drive, Google Calendar และ Google Photos ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาโดยเด็ดขาด  

 

การควบคุมในรูปแบบที่คุณต้องการ 

ความเป็นส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Google พยายามหาวิธีที่จะทำให้คุณสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้คุณจัดการการตั้งค่าด้วยเครื่องมือเชิงรุกในบัญชี Google ของคุณ หรือทำให้คุณหาการตั้งค่าต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ของ Google ได้ง่ายขึ้น วันนี้ Google ขอประกาศการอัปเดตเครื่องมือความเป็นส่วนตัวให้คุณได้ทราบ ดังนี้ 

  • การควบคุมบัญชี Google โดยตรงจาก Google Search: ต่อไปนี้การเข้าถึงการควบคุมหลักๆ ของบัญชี Google จะสามารถทำได้ง่ายขึ้นจาก Google Search ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google คุณจะสามารถค้นหาสิ่งต่างๆ ได้ เช่น การตรวจสอบความเป็นส่วนตัว (Privacy Checkup) และการตรวจสอบความปลอดภัยของบัญชี Google ของคุณ และกล่องข้อความที่ปรากฏให้คุณเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้นจะแสดงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบหรือปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านั้นได้ง่ายๆ 
  • การเข้าสู่โหมดไม่ระบุตัวตนที่ง่ายขึ้น: จากนี้ไปคุณสามารถเข้าสู่โหมดไม่ระบุตัวตนได้ง่ายขึ้นในแอปยอดนิยมของเรา ทั้ง Google Search, Google Maps และ YouTube โดยกดที่รูปโปรไฟล์ของคุณค้างไว้ ซึ่งสามารถใช้งานได้แล้ววันนี้บน  

Google App สำหรับ iOS และจะเปิดให้ใช้งานได้ในเร็ว ๆ นี้สำหรับ Android และแอปอื่น ๆ นอกจากนี้ Google กำลังหาวิธีที่จะทำให้คุณอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตนค้างไว้ในแอปต่างๆ ของ Google เช่น Google Maps และ YouTube และจะมีอัปเดตอื่นๆ ตามมาอีกในไม่ช้า  
 

  • การควบคุมความเป็นส่วนตัวเชิงรุกเพิ่มเติม: ในแต่ละปีมีผู้เข้าไปใช้บริการการตรวจสอบความเป็นส่วนตัว (Privacy Checkup) มากกว่า 200 ล้านคน Google จึงจะให้คำแนะนำเชิงรุก รวมถึงเคล็ดลับต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้คุณจัดการการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ  

 g2

การปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในเชิงรุก  

การปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณเริ่มต้นด้วยความปลอดภัยขั้นสูงระดับโลก ที่ Google ได้มีระบบป้องกันอัตโนมัติในผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมถึง Safe Browsing ที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์มากกว่า 4 พันล้านรายการจากฟิชชิงและมัลแวร์ในแต่ละวัน และ Google Play Protect ที่ช่วยสแกนแอปต่างๆ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการดาวน์โหลดเพื่อช่วยให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัย 

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว Google ได้เปิดตัว Security Checkup ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ครบวงจรและใช้งานง่ายสำหรับการรักษาความปลอดภัยของบัญชี Google ของคุณ เพียงคลิกเดียวคุณก็จะเห็นภาพรวมความปลอดภัยของบัญชีของคุณ พร้อมทั้งคำแนะนำเฉพาะบุคคล  

เพื่อช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ Password Checkup ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบว่ารหัสผ่านที่บันทึกไว้ในบัญชี Google ของคุณเคยถูกบุกรุกหรือไม่ จะกลายเป็นส่วนสำคัญของ Security Checkup 

มีผู้ใช้ Password Checkup เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านแล้วกว่า 100 ล้านคน และพวกเขาพบว่าการละเมิดข้อมูลส่วนตัวลดลงถึง 30% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Google รวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ ด้วย เช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นๆ ของการตรวจสอบความปลอดภัย  

โดยที่ Google จะให้ข้อมูลที่คุณต้องการเพื่อรักษาความปลอดภัยบัญชีที่มีความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ เนื่องจากตอนนี้ Password Checkup ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับบัญชี Google และ Chrome เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่ง Google จะทำการยกเลิก Password Checkup ที่เป็นส่วนขยายใน Chrome ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้  

การลงทุนในเทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัว 

การเป็นผู้ดูแลข้อมูลของคุณอย่างรับผิดชอบหมายถึงการรักษาข้อมูลให้คงความเป็นส่วนตัวอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Google ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัวร่วมกับวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้นับพันคน เพื่อให้การปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรายงานความเคลื่อนไหวของชุมชนในสถานการณ์โควิด-19ของเรา (COVID-19 Community Mobility Reports)  

ซึ่งช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการต่อสู้กับโควิด-19 ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการสถานที่ต่างๆ ของประชาชน ในขณะที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งนโยบายความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Maps เพื่อให้คุณตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ว่าร้านอาหารที่คุณสนใจมีผู้ใช้บริการมากน้อยแค่ไหน แต่จะไม่แสดงให้เห็นว่ามีใครบ้างที่อยู่ในร้านนั้น  

ในปีนี้ Google ได้ใช้ความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันและการเรียนรู้แบบสหพันธ์ (federated learning) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้คิดค้นขึ้นมา ในการฝึกโมเดลที่สนับสนุนการทำงานของ Gboard นำมาสู่ความสำเร็จในการรวมวิธีการที่ก้าวหน้าที่สุดเข้าด้วยกันเพื่อช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  

 
 

เช่นเดียวกับการที่ Google ได้เปิดให้ใช้ Chromium แบบโอเพนซอร์สเพื่อช่วยปรับปรุงเว็บแบบเปิดให้ดีขึ้น โดยจะเปิดให้บริการแหล่งข้อมูลความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันแบบโอเพนซอร์สเพื่อให้ง่ายต่อการสร้างความเป็นส่วนตัวในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมของบริษัท ซึ่งเปิดให้บริการแก่นักพัฒนาทั่วโลกอยู่แล้ว โดยจะขยายการให้บริการในส่วนนี้ให้ครอบคลุมภาษาคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ รวมถึง Java และ Go และจะปล่อยเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้นักพัฒนาใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อยกระดับการปกป้องความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีกขั้น  

 
 

งานของ Google ยังคงดำเนินต่อไป  

ในขณะที่ Google ได้ทำการปรับปรุงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยู่นั้น  Google ก็ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกฎระเบียบและข้อกำหนดทางกฎหมายด้านข้อมูลทั่วโลก ซึ่งรวมถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดและครอบคลุมของรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกา  

เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบถึงการดำเนินงานของ Google ที่ได้เผยแพร่กรอบการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับกฎหมายและโมเดลความเป็นส่วนตัวทั่วโลก เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation: GDPR) และประสบการณ์ของเราในการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ที่ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก  

ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายดำเนินงานของพวกเขาต่อไปนั้น Google เองก็จะเดินหน้าดำเนินงานในส่วนของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แต่มีการเก็บข้อมูลน้อยลง และช่วยยกระดับความเป็นส่วนตัวสำหรับทุกคน 

ข่าวประชาสัมพันธ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook