[Review] Huawei Freebuds 3i หูฟัง In Ear พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ในงบที่จับต้องได้
กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง สำหรับรอบนี้ยังอยู่กับหูฟังครับกับ Huawei Freebuds 3i ในราคาจับต้องได้และน่าใช้แค่ไหน กับรีวิวในครั้งนี้มารับชมกันดีกว่า
แกะกล่องของ Huawei Freebuds 3i
ภายในกล่องของ Huawei Freedbuds 3i จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- ตัวหูฟัง Huawei Freebuds 3i
- คู่มือ / ใบรับประกัน
- สายชาร์จไฟ USB-C
- จุกใส่ In Ear
รูปลักษณ์หน้าตาของ Huawei Freebuds 3i
เริ่มตันกับกล่องใส่หูฟังของ Huawei Freebuds 3i จะมาพร้อมกับโลโก้ Huawei ขนาดใหญ่ที่เด่นชัดอย่างมาก
ด้านหน้าจะมีที่เปิดฝาเพื่อจะดังหูฟังออกมาและมีไฟบอกสถานะของหูฟังว่า กล่องแบตเตอรี่แสดงไฟเป็น 3 สีคือ เขียว, ไฟเกิน 55%, เหลือง 30 - 50% และ แดงน้อยกว่า 30% เช่นเดียวกัน
ด้านหลังของของกล่องก็จะมี USB-C พร้อมกับปุ่มสำหรับกดเชื่อมต่อ กับมือถือเครื่องอื่น
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับไฟบอกสถานะของหูฟัง และมีหูฟังที่มีลักษณะเหมือนกับ Huawei Freebuds 3 แต่ว่า ก้านของหูฟังที่มีขนาดเล็ก พร้อมกับปุ่ม Touchpad ที่อยู่ด้านบนเช่นเดียวกัน
พลิกด้านในจะพบกับตำแหน่งหูฟังเช่นเดียวกัน โดยจุกตรงนี้สามารถเปลี่ยนขนาดได้ทั้ง S, M และ L พร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับว่าคุณใส่หูฟังนี้อยู่หรือไม่
ใต้หูฟังจะมีไมโครโฟน เท่ากับ หูฟังรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ระบบหูฟังในแบบ Noise Canceling เช่นเดียวกัน
เมื่อลองมองดีไซน์ของ Huawei Freebuds 3i ในภาพรวม
หากเทียบไปแล้วหูฟังอย่าง Huawei Freebuds 3i ออกแบบเรียบง่ายและบางครั้งเหมือนกับ หูฟังทั่วไปแต่ว่าการใช้วัสดุที่เงาวับสวยงาม แต่อาจจะมีจุดด้อยคือ ตัวเคสจะเป็นแบบเงาไปหน่อยอาจจะทำให้เป็นรอยได้ง่าย
ลองฟังเพลงด้วย Huawei Freebuds 3i
การยกหูฟังออกมานั้นสามารถทำได้ง่ายมากเพียงแค่ ยกออกมาจากหูแล้วสามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth 5.0 ทำให้ใช้พลังงานได้น้อยลง แต่ยังได้ความคมชัดของเสียงอยู่ หากเป็นมือถือ Huawei จะมี Popup แสดงขึ้นมาด้วย
ส่วนคุณภาพเสียงของ Huawei Freebuds 3i จะมารูปแบบหูฟัง In Ear ที่มี Driver ขนาด 10 มม. จะให้เสียงที่มีความนั่นของระบบเสียงเหมือนกัน เบสกำลังดี, เสียงกลางกำลังดี สมกับการเป็นหูฟังแบบ In Ear แต่ว่ายังมีเรื่องน่าสังเกตคือถ้าเพลงที่มีเครื่องดนตรีเยอะๆ อาจจะยังมิติแคบไปหน่อย
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์จับงับเรื่องการสวมใส่ หรือ Wear Detection หากถอดออกข้างใดข้างหนึ่งเพลงจะหยุดทันที
ส่วนการโทรนั้นจะมีลำโพงทั้งหมด 3 จุด หักเหเสียงทั้งหมด 2 และรับเสียงพูดเรา 1 จุดก็ทำให้เสียงที่ออกมาคมชัดอย่างมาก
ระบบ Noise Canceling
หูฟัง Huawei Freebuds 3i ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Noise Canceling ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ทั้งหมด แบบได้แก่
- Noise Canceling = โหมดนี้จัดพยายามหักเหเสียงรบกวนออกให้มากที่สุด จากที่ลองอาจจะมีเสียงภายนอกเข้ามาบ้าง
- Awareness = จะมีการนำเสียงภายนอกเข้ามา ซึ่งเป็นเหมาะกับการฟังในสภาพที่อยู่ภายนอกเช่นในรถไฟฟ้า เป็นต้น
- OFF = ปิดระบบทั้งหมด ข้อดีคือยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
ส่วนการเปิดหรือปิดระบบ Noise Canceling สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่แตะหูฟังที่บนสุดจะพูดโหมด โดย Huawei เคลมว่า ระบบนี้ลดเสียงได้มากสุด 32db
โปรแกรม AI Lite
ขึ้นชื่อว่าหูฟังสุดฉลาดของ Huawei ก็ต้องมีโปรแกรมควบคุม ซึ่ง Huawei Freebuds 3i ก็ใช้โปรแกรม AI Lite แบบเดียวกับ Huawei Freebuds 3i ในการควบคุมเช่นเดียวกัน โดยสามารถทำงานด้านต่างๆ ดังนี้
- ตรวจสอบการชาร์จไฟ และปริมาณแบตเตอรี่ ทั้งหูฟังและเคส
- ตั้งค่าหูฟังทั่วไป
- เปลี่ยนการตั้งค่าปุ่มที่ก้านหูฟังทั้งการ Tab, Double และ Hold หรือแตกค้าง จะควบคุมได้ทั้งการสั่งเปลี่ยนเพลง, หยุดเพลง / เล่นเพลง, การปลุก Voice Assistant เป็นต้น
- อัปเดตหูฟัง Firmware ใหม่ของหูฟัง เป็นต้น
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
มาถึงเรื่องของแบตเตอรี่กับหูฟังอย่าง Huawei Freebuds 3i แต่ละข้างจะสามารถอยู่ได้ 3.5 ชั่วโมง เมื่อเปิดระบบ Noise Canceling แต่ไม่ต้องห่วงเพราะฐานจะช่วยทำให้ชาร์จไฟได้และขยายเวลาไปได้ถึง 14.5 ชั่วโมง
และการชาร์จไฟของกล่องจะใช้แบบ USB-C รองรับกำลัง 10W ถือว่าเพียงพอแล้ว รุ่นนี้ไม่รองรับ Wireless Charge นะครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Huawei Freebuds 3i
เป็นอีกหูฟังแบบ True Wireless ที่ดูดีออกแบบสวยงามและเสียงนั้นถือว่าให้เสียงคมชัดและฟังเพลงได้ดี แบตเตอรี่ที่ยาวนาน และมีระบบตัดเสียงรบกวนมาให้
กับราคาของหูฟังรุ่นนี้อยู่ที่ 3,290 บาท หากนับไปแล้วถือว่าไม่แพง และยังได้ความสามารถของเครื่องที่เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มเลยครับ ส่วนการหาซื้อสามารถซื้อพร้อมกับ Huawei Nova 7 SE, ซื้อแยกตามร้านค้าทั่วไป ที่วางจำหน่ายและ รวมถึง Huawei Online Store
จุดเด่น
- ขนาดเล็กพกง่าย
- ชาร์จไฟได้หลายรอบ
- เสียงที่ออกมาถือว่าระดับกลาง
- รองรับช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ที่หูฟังอยู่ได้ไม่นานมาก
- เบื้องต้นมีแต่สีขาวเท่านั้น
- ถ้าเพลงที่มีรายละเอียดเครื่องดนตรีเยอะ จะยังให้อารมณ์ไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหูฟังในราค