ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแฮ็กเกอร์รัสเซียรุกขโมยงานวิจัยวัคซีน COVID-19
สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ว่าหน่วยงานความมั่นคง NSA/CISA ของสหรัฐฯ, NCSC ของอังกฤษและ CSE ของแคนาดาได้กล่าวถึงกลุ่มแฮ็กเกอร์ APT29 (หรือที่เรียกว่า CozyBear หรือ The Dukes) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองรัสเซียได้มีเป้าหมายไปที่หน่วยงานด้านดูแลสุขภาพของทั้ง 3 ประเทศเพื่อขโมยงานวิจัยวัคซีน COVID-19
นอกจากนี้ยังมีรายงานแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือและเทคนิคที่กลุ่มแฮ็กเกอร์ APT29 ใช้ก่อเหตุ ซึ่งมีเป้าหมายไปที่หน่วยงานของรัฐ การทูต สถาบันคลังสมอง หน่วยงานด้านดูแลสุขภาพ และพลังงาน เพื่อต้องการขโมยข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญานั่นเอง
กลุ่ม APT29 ได้ใช้มัลแวร์ WellMess และ WellMail ที่กำหนดเป้าหมายไปยังองค์กรที่อยู่ทั่วโลกจำนวนหนึ่ง ซึ่งล่าสุดได้มีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาวัคซีน COVID-19 โดยใช้วิธีการสแกนช่องโหว่จาก IP ขององค์กรเป้าหมายและช่องโหว่ของบริการสาธารณะ รวมทั้งใช้ Spear-phishing คือ การโจมตีที่มีการกำหนดเป้าหมายโดยจะใช้วิธีหลอกลวงเพื่อรับข้อมูลรับรองการตรวจสอบสิทธิ์แล้วล็อกอินเข้าไปสู่องค์กรเป้าหมาย
Dominic Raab รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษออกมาประณามว่ายอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว ซึ่งอังกฤษและพันธมิตรกำลังพยายามหาวัคซีนปกป้องคนในโลก อังกฤษจะทำการตอบโต้และร่วมกับพันธมิตรเพื่อจับผู้กระทำผิด
ก่อนหน้านี้ปี 2016 กลุ่ม Cozy Bear ได้ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับการใช้ฟิชชิงโจมตี John Podesta ประธานแคมเปญการเลือกตั้งของ Hillary Clinton และกลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซียได้ถูกกล่าวหาว่ามีเป้าหมายในการโจมตีคณะกรรมการประชาธิปไตยแห่งชาติ สถาบันคลังสมอง องค์กรการบังคับใช้กฎหมาย และองค์กรอื่น ๆ ของสหรัฐฯ
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 การวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็ไม่วายมีแฮ็กเกอร์พยายามโขมยข้อมูลการวิจัยที่มีข่าวอย่างต่อเนื่อง เดือนเมษายนสหรัฐฯ กล่าวหาว่าแฮ็กเกอร์ชาวจีนพยายามขโมยงานวิจัยวัคซีน เดือนมิถุนายนก็มีข่าวแฮ็กเกอร์พยายามเข้าถึงข้อมูลการวิจัยวัคซีน COVID-19 ของหน่วยงานบริการสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ และมีแฮ็กเกอร์ใช้ Ransomware โจมตีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโกที่มีการทดสอบแอนตีบอดีที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนา แต่ได้ล็อกข้อมูลงานวิชาการ (ไม่เกี่ยวกับการวิจัยไวรัส) แค่บางส่วนโดยฒีการเรียกค่าไถ่ประมาณ 1.14 ล้านเหรียสหรัฐฯ