[Review] Redmi 9 มือถือที่เรียกได้ว่าสเปกสุดคุ้ม พร้อมกับราคาเครื่องเพียง 3,899 บาท
กลับมาพบกับรีวิว มือถือ และ Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง สำหรับในรอบนี้ใครชอบมือถือในกลุ่มเริ่มต้นถึงกลุ่มกลางหรือ Entry to Mid กับ Redmi 9 ที่พัฒนาต่อจากรุ่นเดิม จะเป็นอย่างไร มาดูกันดีกว่า
แกะกล่อง Redmi 9
- ตัวเครื่อง Redmi 9
- เคสใส
- คู่มือการใช้งาน
- ที่ชาร์จไฟ
- สายชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูลแบบ USB-C
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Redmi 9
เริ่มต้นของดีไซน์ของ Redmi 9 จะมาพร้อมกับหน้าจอข้างหน้ามีขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD ยังไม่ได้หน้าจอแบบ Punch Display เหมือนกับรุ่นก่อน Redmi Note 9 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังให้รายละเอียดที่คมชัดอยู่
ส่วนบนของตัวเครื่องมีลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา, พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมีเซนเซอร์พร้อมกับจุดแจ้งเตือนต่างๆ ครบถ้วน
ส่วนล่างจะเป็นปุ่มควบคุมตัวเครื่องทั้ง Back, Home หากกดค้างจะสามารถเข้า Google Assistant และ Recent ที่อยู่ขวาสุดและสามารถกดเพื่อแบ่งเป็น 2 หน้าจอได้เช่นเดียวกัน
รอบตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติกขึ้นรูปที่สวยงามไม่เบา มาพร้อมกับฝั่งซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ช่องและใส่ Micro SD ได้
ส่วนฝั่งขวาจะมีปุ่มสำหรับเปิด / ปิด ตัวเครื่อง พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงเช่นเดียวกัน โดยคุณ กด Capture หน้าจอได้ผ่านปุ่ม เปิด / ปิดเครื่อง และปุ่มลดเสียงได้
ส่วนบนมีไมโครโฟน และ อินฟราเรด ไว้สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟัง พร้อมกับ ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง พร้อมกับช่องเสียบ USB-C ไว้เชื่อมต่อทั้งคอมพิวเตอร์และ ที่ชาร์จไฟ สุดท้ายลำโพงตัวเครื่องที่อยู่มุมซ้ายมือ
พลิกมาด้านหลัง จะออกแบบไม่ได้เงาเหมือนกับมือถือรุ่นอื่น แต่ข้อดีคือ ทนการเป็นรอยได้สูง มาพร้อมกับกล้องทั้งหมด 4 ตัวและมีการทำลูกเล่นด้วยการปาดเว้าให้ดูดีขึ้น และเล่นสีสักหน่อย ทำให้เครื่องมีอะไรมากขึ้น และมีระบบสแกนลายนิ้วมือใต้กล้องมาให้พร้อมกับโลโก้ Redmi อยู่ด้านล่าง
ภาพรวมการออกแบบ / น้ำหนัก / สีสันของเครื่อง
ในเรื่องของภาพรวมการออกแบบถือว่ายังรับได้ในหลายจุดทั้งการไม่ใช้ด้านหลังเงาแต่ออกแบบให้เป็นผิวสัมผัสที่ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย นอกจากนี้ยังรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่มีขนาดกำลังดีและไม่ทำให้เครื่องดูเป็นมือถือราคาถูกจนเกินไป น้ำหนักกำลังดีไม่ได้มาเกินไปนักที่จะถือ
อย่างไรก็ตาม สำหรับในประเทศไทย Redmi 9 นั้นก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีครบทั้ง Carbon Grey, Ocean Green, Sunset Purple
เปิดเครื่องลองฟีเจอร์และประสิทธิภาพของ Redmi 9
สเปกของ Redmi 9
- ขนาด: 163.3 x 77 x 9.1 มิลลิเมตร
- หนัก: 198 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : LCD Display ความละเอียด FHD+ 19:9 (2340x1080พิกเซล) ขนาดประมาณ 6.53 นิ้ว
- ชิปเซ็ต : MediaTek Helio G80 | GPU Mali G52
- RAM : 3 - 4 GB
- ROM : 32 - 64 GB
- ความจำเสริม : Micro SD
- ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบบน MIUI 11
- WiFi 802.11 B/G/N (Single Band)
- Bluetooth 5.0
- เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G
- กล้องหลัง 4 ตัว:
ตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F1.8
ตัวที่สองเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล,
ตัวที่สามเป็นเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
ตัวที่สี่เป็นเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล - กล้องหน้าเซลฟี่ : ความละเอียด: 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ: สแกนใบหน้าแบบ 2D
- รองรับ: สแกนนิ้วที่ด้านหลังเครื่อง
- รองรับ : nano SIM Dual SIM + Micro SD
- ช่องเสียบ : หูฟัง 3.5 mm. และ USB-C
- แบตเตอรี่ : Li-Po 5020 mAh สามารถจ่ายไฟออกได้ รองรับที่ชาร์จกำลัง 18W
- สี : Carbon Gray, Sunset Purple, Ocean Green
ทดลองประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
การทดสอบประสิทธิภาพ AnTuTu = 199121 คะแนน
การทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 = 363 คะแนน (Single Core) | 1299 คะแนน (Multi Core)
เมื่อทดสอบเล่นเกมด้วย Asphalt 9 Legion โดยเป็นเกมที่ใช้กราฟิกสูงเหมือนกัน ผลที่ได้คือ ภาพถือว่าพอไปได้ แต่อาจจะกระตุกสักหน่อยเนื่องจากกราฟิกของเครื่องถือว่าเยอะเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าใครอยากได้มาเล่นเกม ลองปิดโปรแกรมทั้งหมด ก่อนเล่นก็น่าจะช่วยได้
การเชื่อมต่อไร้สาย / ทดลองระบบนำทาง
สำหรับการเชื่อมต่อรองรับ WiFi 802.11 N, Bluetooth 5.0 ถือว่าทันสมัย และรองรับ 4G LTE ทั้ง 2 SIM และมาพร้อมกับการเชื่อมต่อ GPS, A-GPS ถือว่าแม่นยำเหมือนกันครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียงของเครื่อง
การแสดงผลหน้าจอความละเอียด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล ที่ให้การแสดงผลที่ดีไม่น้อยเกินหน้าเกิดตามือถือรุ่นใหม่
ระบบเสียงมาพร้อมกับลำโพง 1 ตัวเท่านั้นและมีช่องเสียบหูฟังพร้อมกับสามารถฟัง FM Radio หรือ วิทยุทั่วไปได้เช่นเดียวกัน
ฟีเจอร์ของ Redmi 9 เป็นอย่างไร
ระบบปฏิบัติการของ Redmi Note 9 ยังเลือกใช้ Android 10 มาพร้อมกับ MIUI 11 รุ่นใหม่ที่มีจุดเด่นคือการตกแต่งเรียบง่ายและมี Theme ที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น และระบบต่างๆ ทำงานรวดเร็วและยังรองรับฟีเจอร์ต่างๆ ในอนาคตได้ แถมอัปเดตไป MIUI 12 รุ่นใหม่ได้ด้วย
ฟีเจอร์หลักๆ ยังคงมีเครื่องมือให้ครบตามแบบของ MIUI ประกอบไปด้วย เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลรักษาเครื่อง และอื่นๆ รวมไปถึง Mi Remote ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบใช้มือถือคุมอุปกรณ์ไร้สายได้ และยังมีฟีเจอร์ Dual Apps, การดูแลรักษาสุขภาพของเครื่อง เหมือนเคย
ส่วนระบบความปลอดภัยจะมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และ มีระบบสแกนใบหน้าของเครื่อง
เปิดกล้องลองถ่ายภาพด้วย Redmi 9
สำหรับกล้องของ Redmi 9 จะประกอบไปด้วยกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวได้แก่
- กล้องตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F1.8
- กล้องตัวที่สองเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล,
- กล้องตัวที่สามเป็นเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องตัวที่สี่เป็นเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าเซลฟี่ : ความละเอียด: 8 ล้านพิกเซล
- พร้อมกับ LED Flash และระบบ Auto Focus
ฟีเจอร์ของกล้องใน Redmi 9
การออกแบบเมนูยังคงเน้นการใช้งานที่ง่ายในแบบฉบับของ XIAOMI โหมดเกี่ยวกับภาพอยู่ทางขวา และ โหมดวิดีโออยู่ทางซ้ายรองรับฟีเจอร์การถ่ายภาพและวิดีโอได้หลากหลายรวมถึง Pro Mode และมี AI Scene ปรับสีและแสงตามสิ่งแวดล้อมที่เจอ และมีโหมด Macro ให้กดเข้าใกล้ได้ง่ายๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Redmi 9
ภาพแสงปกติ / กลางวัน ให้โทนสีออกมาคมชัดอยู่ และยังสามารถถ่ายได้แบบ Digital Zoom ไกลถึง 10 เท่า
ภาพแสงน้อย / กลางคืน ยังคงติด Noise เล็กน้อยในบางจังหวะ และต้องใช้มือนิ่งๆ ถึงจะเก็บได้ดี
นอกจากนี้ Redmi 9 ยังมาพร้อมกับ AI Scene เรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพได้หลายแบบและยังรองรับฟีเจอร์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น การถ่ายอาหาร, บุคคล, Macro เป็นต้น
การถ่ายวิดีโอของ Redmi 9
สำหรับการถ่ายวิดีโอรุ่นนี้รองรับการถ่ายทั้ง Slowmotion, Timelapse, รวมถึงวิดีโอสวยๆ ผ่าน กล้องหลัง โดยรองรับความละเอียดสูงสุด Full HD
ลองกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใน Redmi เป็นอย่างไร
กล้องหน้าของ Redmi 9 แม้ว่าจะมีความละเอียดแค่ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกล้องในระดับเดียวกันถือว่าสู้ได้ แต่ว่าระบบการปรับ Beauty จะเลือกเป็น Level เท่านั้น
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของเครื่องมี 5020 mAh เท่านั้น เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องถือว่าสมดุลพอดี แต่เมื่อทดสอบใช้งานจริงก็สามารถอยู่ได้ข้ามวันสบายๆ แต่จากโปรแกรม PCMark จะอยู่ได้ 14:52 ชั่วโมง ถือว่านานอยู่
แม้ว่าแบตเตอรี่จะให้ขนาดใหญ่ เพียงแต่ว่า กำลังชาร์จไฟของเครื่องมีกำลัง 10w เท่านั้น ทำให้เมื่อต้องชาร์จไฟหากมีแบตเตอรี่เหลือน้อย จะทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟได้เร็วเท่าไหร่ ถือว่าเป็นจุดด้อยอีกเรื่องของมือถือรุ่นนี้ วิธีแก้ไม่ยาก หาซื้อที่ชาร์จที่ไม่ใช่ตัวติดกล่อง ที่รองรับกำลัง 18W ก็ช่วยได้นะครับ
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน Redmi 9 สักระยะเวลาหนึ่ง
ถือว่าเหนือในหลายจุดและยังได้สเปกใกล้กับรุ่นพี่อย่าง Redmi Note 9 ในบางมุมทำให้เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่เบาเลยสำหรับ Redmi 9 มือถือระดับเริ่มต้นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างไร อาจจะมีจุดด้อยเรื่องของกราฟิกบ้างนิดหน่อย แต่ยังคงเป็นจุดที่รับได้เมื่อคุณได้เห็นราคาของมัน
เพราะราคาของ Redmi 9 เริ่มต้นที่ 3,899 บาท สำหรับรุ่น RAM 3GB / ROM 32GB วางจำหน่ายทางออนไลน์ และ 4,599 บาท กับรุ่น RAM 4GB / ROM 64GB ถือว่าไม่แพงครับ
ถ้าคุณกำลังมองหามือระดับไม่เกิน 5,000 บาท แต่ได้ฟีเจอร์ที่เยอะมากมายขนาดนี้ รุ่นนี้ตอบโจทย์มากและทำได้ดี แต่ถ้าถูกกว่านั้น Redmi ก็มีทางเลือกเลือกกับตระกูลนี้อีก 2 รุ่นนั่นคือ Redmi 9A และ Redmi 9C อีกด้วยครับ
จุดเด่น
- การออกแบบตัวเครื่องที่เรียกได้ว่าสวยเกินราคา
- หน้าจอได้ความละเอียดสูง
- มีระบบความปลอดภัยครบ
- ได้ระบบปฏิบัติการใหม่
- ได้ Port Charge กำลัง USB-C
- มี Port ครบทุกอย่าง
- ราคาของเครื่องถือว่าถูกและคุ้มค่า
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว
- สเปก GPU อาจจะมีปัญหาเรื่องของกราฟิก
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ