Huawei เปิดประสบการณ์ 1 + 8 + N ให้ชีวิตไร้รอยต่อผ่าน Ecosystem อัจฉริยะ

Huawei เปิดประสบการณ์ 1 + 8 + N ให้ชีวิตไร้รอยต่อผ่าน Ecosystem อัจฉริยะ

Huawei เปิดประสบการณ์ 1 + 8 + N ให้ชีวิตไร้รอยต่อผ่าน Ecosystem อัจฉริยะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 มร.อิงมาร์ หวาง ผู้อำนวยการ บริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลภาพรวมของธุรกิจและทิศทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2563 ในการสัมภาษณ์กลุ่ม เผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างวิถีชีวิตอัจฉริยะที่ไร้รอยต่อ (Seamless Smart AI Life) ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์แบบด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ (ดีไวซ์) เข้ากับระบบซอฟท์แวร์ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีขึ้นไปอีกขั้น ตามกลยุทธ์ธุรกิจขององค์กร 1+8+N ซึ่งเป็นหลักในการพัฒนาสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของหัวเว่ย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ครอบคลุม 5 สถานการณ์หลักในชีวิต ได้แก่ บ้านอัจฉริยะ (Smart Home), ออฟฟิศอัจฉริยะ (Smart Office) การเดินทางอัจฉริยะ (Smart Travel) สุขภาพและฟิตเนส (Fitness & Health) และความบันเทิง (Entertainment)

 

โดย มร.อิงมาร์ ได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดในปีผ่านมาของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ในระดับโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 34% ในตลาดสมาร์ทโฟนหัวเว่ยยังคงรั้งอันดับ 2 ในแง่ของส่วนแบ่งตลาด โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 17.6% ขณะที่ยอดนำส่งผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงกว่า 240 ล้านเครื่อง และเมื่อเทียบแบบปีต่อปี หัวเว่ยเติบโตสูงถึง 16.8% ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป (PC) มียอดนำส่งผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 200% ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสวมใส่ (wearables) เพิ่มสูงขึ้นกว่า 170% และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหูฟังไร้สาย (wireless audio) เติบโตมากกว่า 200% 

จากอัตราการเติบโตในแง่ของยอดการสั่งซื้อและนำส่งผลิตภัณฑ์ทั้งในกลุ่มสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของแบรนด์เมื่อรวมกับภาพรวมการเติบโตของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอัจฉริยะและอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) ที่เพิ่มสูงขึ้น หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ในฐานะผู้นำในการผลิตและพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยี มองการณ์ไกลถึงทิศทางธุรกิจในอนาคต ทั้งยังตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างและมอบคุณค่าให้แก่ผู้ใช้ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ จึงนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ 1+8+N ที่จะต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบรับเทรนด์ดังกล่าว ให้มีความสามารถเชื่อมต่อและทำงานแบบบูรณาการระหว่างอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล ภายในอีโคซิสเต็มอัจฉริยะของตนเอง

 huawei

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) สาธิตการเชื่อมต่อและบูรณาการการทำงานระหว่างอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของแบรนด์ผ่านฟีเจอร์ HUAWEI Share และ MeeTime ตามกลยุทธ์ 1+8+N

 

โดยตัวเลขและตัวอักษรในกลยุทธ์ 1+8+N สะท้อนถึงการเชื่อมต่อแบบบูรณาการของสมาร์ทดีไวซ์ ภายในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ย โดยเลข 1 หมายถึง สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์หลักที่จะเป็นหัวใจในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของดีไวซ์อื่นๆ ขณะที่ 8 หมายถึง สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ อีก 8 อย่างที่จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ได้แก่ แล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ หูฟังไร้สาย แว่นตา ทีวีหรือหน้าจออัจฉริยะ ลำโพง และรถยนต์ ส่วน N หมายถึง อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) และเครื่องหมาย "+" หมายถึง เครือข่ายการเชื่อมต่อในบริเวณกว้าง (WAN) 

และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระยะใกล้ เช่น Huawei Share และ HiLink โดยมี Router, CPE, T-Box และ Module ที่จะผสานเครือข่ายอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยให้สมบูรณ์ เพื่อมอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหล เต็มประสิทธิภาพ และให้ชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมผ่านการใช้งานจริงบนสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของหัวเว่ยในชีวิตประจำวัน

ตามกลยุทธ์หลัก 1+8+N หัวเว่ยต้องทุ่มเทในแง่การลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเชื่อมต่อและทำงานอย่างบูรณาการได้ โดยเดินหน้าลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมร.อิงมาร์ได้เน้นย้ำว่า หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญในด้านนี้ โดยมียอดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสูงมากกว่า 6 แสนล้านหยวน (หรือราวๆ 2.7 ล้านล้านบาท)[1] ในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา และจากการพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเอไอ หัวเว่ยจึงได้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในด้านการใช้งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเอไอ

โดยมีจำนวนบัญชีผู้ใช้ HUAWEI ID ที่แอคทีฟในแต่ละเดือนมากกว่า 300 ล้านบัญชี จำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบได้ (ไม่ใช้สมาร์ทโฟน) เพิ่มมากกว่า 180 ล้านเครื่อง ผู้ใช้อีโคซิสเต็ม HiLink มากกว่า 50 ล้านราย และจำนวนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของอีโคซิสเต็ม HiLink ที่เพิ่มมากกว่า 800 รายทั่วโลก

จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ต้องการที่จะมอบโซลูชั่นส์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด จึงนำมาสู่แนวทาง HUAWEI Seamless Smart AI Life (ชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อ) ซึ่งมุ่งพัฒนาทั้งอีโคซิสเต็มของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และอีโคซิสเต็มของแอปฯ หรือระบบ โดยในด้านของฮาร์ดแวร์มีสมาร์ทโฟนเป็นหัวใจสำคัญ ขณะที่ด้านของแอปฯ หรือระบบ มี HMS (Huawei Mobile Services) เป็นศูนย์กลาง ซึ่งการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์หรือตัวอุปกรณ์ดีไวซ์ต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ได้ลองใช้สมาร์ทดีไวซ์ตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไปได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่การพัฒนาด้านแอปฯ หรือระบบ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งกว่าที่เคย ซึ่งทั้งสองอีโคซิสเต็มจะได้รับการเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานผ่านเทคโนโลยีเอไอ

 ingmarwangdelivered18ni

มร. อิงมาร์ หวาง ผู้อำนวยการ บริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างวิถีชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อ (HUAWEI Seamless Smart AI Life)

ชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อของหัวเว่ย มุ่งตอบโจทย์ 5 สถาณการณ์สำคัญซึ่งครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิต ได้แก่ บ้านอัจฉริยะ (Smart Home), ออฟฟิศอัจฉริยะ (Smart Office) การเดินทางอัจฉริยะ (Smart Travel) สุขภาพและฟิตเนส (Fitness & Health) และความบันเทิง (Entertainment) ผ่านฟีเจอร์สำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างระบบของหัวเว่ยกับดีไวซ์ HUAWEI Share ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ของหัวเว่ย สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างดีไวซ์และเชื่อมต่อเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานได้ เช่น การส่งไฟล์ ภาพ มัลติมิเดียต่างๆ หรือสามารถแชร์หน้าจอระหว่างอุปกรณ์ ได้ในสัมผัสเดียว ตามแท็กไลน์ ‘Together in Just One Tap’ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูล รหัสให้ยุ่งยาก

แต่มีระบบในการตรวจสอบความปลอดภัยในตัว ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อและสั่งงานได้หลากหลาย ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน NFC การควบคุมการสั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง การเชื่อมต่อบนระบบอีโคซิสเต็มของหัวเว่ย ทลายกำแพงการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์แบบเดิมๆ ที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนและไม่ลื่นไหล การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ของหัวเว่ย ถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้อย่างแท้จริง และอัจฉริยะด้วยความสามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการที่ก้าวล้ำ ในแงการบูรณาการประโยชน์ใช้สอย ให้บริการอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด แม้ข้ามการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ สามารถเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ จากอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งในระบบได้ มอบประสบการณ์การติดต่อสื่อสารที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น ด้วยคุณภาพของภาพและเสียงที่ดีกว่าการเชื่อมต่อผ่านแอปฯ ทั่วไป แบ่งปันข้อมูลด้วยฟังก์ชั่นการแชร์หน้าจอที่ง่ายดาย และสนับสนุนการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างเสถียร มอบคุณค่าให้แก่ผู้ใช้อย่างแท้จริง

 

และล่าสุดกับ HUAWEI Assistant บริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับผู้ใช้ดีไวซ์ของหัวเว่ย ที่สามารถจดจำเสียของผู้ใช้และรับคำสั่งงานผ่านระบบเสียงได้ ด้วย AI Voice สแกน QR code แปลคำศัพท์หรือระบุสิ่งของได้ ผ่าน AI Vision เสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ จากเว็บไซต์และแหล่งข้อมูลทั่วโลกได้ผ่าน AI Search พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับคอนเทนต์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ผ่าน AI Touch และฟีเจอร์ Today ที่ช่วยให้จัดสรรชีวิตในแต่ละวันสมกับการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ

จากกลยุทธ์ 1+8+N ที่ตอบสนองทิศทางในการมุ่งสร้างสรรค์ชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อ (Seamless Smart AI Life) ของหัวเว่ย ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งในด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือดีไวซ์ต่างๆ ต่อยอดสู่ระบบและอีโคซิสเต็ม ซึ่งจะมอบประสบการณ์เฉพาะให้กับผู้ใช้ ทั้งยังยกระดับไลฟ์สไตล์ แก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดียิ่งขึ้น ซึ่งหัวเว่ยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างมั่นคงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเอไอ สมาร์ทดีไวซ์ และอีโคซิสเต็มอัจฉริยะของตนเอง ที่จะสามารถเชื่อมต่อและบูรณาการการใช้งานได้ภายในสัมผัสเดียว (Together in Just One Tap) พร้อมมอบคุณค่าให้แก่ผู้ใช้ มร.อิงมาร์ กล่าวสรุป

ข่าวประชาสัมพันธ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook