[Hands On] OnePlus Nord สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ สเปกแรง ราคาน่าคบ
หลังจากการเปิดตัว OnePlus 8 Series ที่มีราคาถือว่าขึ้นจากเดิมพอสมควรทำให้หลายคนเรียกร้องมือถือที่ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์มากขึ้น ดังนั้นวันนี้ทาง OnePlus จึงได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง OnePlus Nord สมาร์ทโฟนซีรี่ย์ใหม่ที่ส่งมาลุยตลาดระดับกลางอย่างเป็นทางการ
สเปก OnePlus Nord
- หน้าจอ Fluid AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.44 นิ้ว ค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.3 x 73.3 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก: 184 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 765 | Adreno 620
- หน่วยความจำ: RAM ขนาด 8/12GB
- หน่วยความจำภายในความจุ: 128 / 256GB
- หน่วยความจำภายนอก -
- การเชื่อมต่อ: 5G (Dual Mode), WiFi 802.11 AC (WiFi 5), Bluetooth 5.1, GPS, A-GPS
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซลแบบ Ultra Wide
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล F1.8 omnidirectional PDAF
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา F 2.2
- เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- เลนส์ macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- ระบบปลดล็อค Face Recognition สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical
- แบตเตอรี่ความจุ: 4115mAh
- รองรับ Warp Charge 30W (แบบสาย)
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS 10.5.4
- สี: น้ำเงิน Blue Marble, เทา Gray Onyx
สัมผัสตัวจริงของ OnePlus Nord เรียกน้ำย่อยก่อนเจอรีวิวชุดใหญ่
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าด้วยชื่อของ OnePlus ทำให้เราค่อนข้างและไว้ใจเขาได้ในเรื่องรูปร่างและการดีไซน์ว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ และในรุ่นของ OnePlus Nord เองก็เช่นกัน
OnePlus Nord มาพร้อมดีไซน์ที่ออกแบบมาให้จับถนัดมือ กับหน้าจอแบบ Fluid Display ขนาด 6.44 นิ้ว และค่า Refresh rate 90 Hz เรียกว่าเป็นจอที่ดีมากๆ ในสมาร์ทโฟนราคาระดับนี้ครับ เร็วแรงกับสเปคภายใน Qualcomm Snapdragon 765G บนระบบปฏิบัติการ OxygenOS ที่เสถียรภาพ พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างจุใจ ด้วยความจำภายในสูงสุด RAM 12GB ROM 256GB
มาต่อที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลครับ
มาดูต่อกันที่ด้านหลังเครื่องของรุ่นนี้กันบ้างครับด้านหลังประกอบไปด้วยตัวกล้องหลักที่วางเรียงกันเป็นแนวตั้งตรงมุมด้านซ้ายมือและไฟแฟลช รวมไปถึงโลโก้แบรนด์ที่อยู่เกือบกึ่งกลางตัวเครื่อง
ด้านบนตัวเครื่อง เป็นตำแหน่งของไมค์ตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบด้วย ช่องสำหรับซิมการ์ด เป็นแบบ 2 ซิมขนาด Nano SIM และรุ่นนี้ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้ ถัดมาเป็นตำแหน่งของไมโครโฟน เรียงต่อด้วยพอร์ต USB-C และ ลำโพงเสียง
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Home และปุ่มเปิด-ปิดเสียง ที่สามารถผลักใช้งานได้ง่ายมาก ตั้งแต่ บนสุดจะเป็นการเปิด เสียง, กลาง เปิดระบบสั่นเท่านั้น ล่างสุด ปิดทั้งระบบสั่นและเสียง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับเสียง
อีกทั้ง OnePlus Nord ยังมาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,115 mAh และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 70% ภายใน 30 นาที มั่นใจในคุณภาพการใช้งานด้วยการอัพเดตซอฟแวร์ความปลอดภัยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาปรับปรุงระบบ เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานสมาร์ทโฟนของ OnePlus อย่างดีที่สุด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ OnePlus Nord
OnePlus Nord มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนที่เหลือประกอบไปด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล F1.8 omnidirectional PDAF
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา F 2.2
- เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- เลนส์ macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า OnePlus Nord
มาดูในส่วนของกล้องหน้ากันบ้างบ้าง OnePlus Nord มาพร้อมกับกล้องหน้าคู่คมชัดสูงสุดที่ 32 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกวิดีโอความชัดสูงสุดที่ 4K 60fps
เล่าให้ฟังคร่าวๆ หลังได้ลองเล่น OnePlus Nord
พูดได้ว่า OnePlus Nord เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวที่ทาง OnePlus ทำออกมาได้ดี รูปร่างภายนอกดูแน่นหนาและหรูหรา
ส่วนของสเปคที่แรงเพราะอย่างที่บอกแล้วว่านอกจาก Google Pixel แล้ว OnePlus คือที่สุดแล้วครับ OnePlus Nord มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Blue Marble และสีเทา GrayOnyx ส่วนราคาไทยตอนี้เคาะออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งราคาโปรโอเรเตอร์ เริ่มต้นที่ 7,990 บาทครับผม
โดย OnePlus Nord ในเมืองไทยนั้นจะวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น และมีราคาดังนี้
- รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 14,990 บาท (Blue Marble, Gray Onyx)
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 17,990 บาท (Blue Marble)
ส่วนรีวิวแบบเจาะลึกรออ่านกันได้อีกไม่นาน ตอนนี้กำลังเร่งมือเขียนให้ได้อ่านกันอยู่ครับ