สัมผัสแรกกับ Samsung Galaxy Z Fold 2 มือถือพับได้สุดพรีเมี่ยม ที่ไม่ได้ดีแค่หน้าตา

ถ้าพูดถึงมือถือที่น่าจับตามองอีกรุ่นหนึ่งของ Samsung คงหนีไม่พ้นกับ Samsung Galaxy Z Fold2 หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับการเผยราคาแล้ว ครั้งนี้ทีม Sanook Hitech ได้ไปลองจับมือถือรุ่นนี้พร้อมกับเล่าให้คุณได้อ่านกันกับความนี้ จะเป็นอย่างไร มารับชมกันดีกว่า 

 แรกเห็นรูปลักษณ์หน้าตา 

เริ่มต้นกับดีไซน์หน้าตาที่มีหน้าตาสวยงามตามท้องเรื่อง กับขนาดหน้าจอ 6.26 นิ้ว เมื่อพับ และมีกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล หน้าจอของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะได้หน้าจอในแบบ Super AMOLED 

และเมื่อกางออกจะได้หน้าจอขนาด 7.6 นิ้วถือว่ากว้างอลังการมา โดยความละเอียดหน้าจอถือว่ากว้างมาก และเป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X  

รอบตัวเครื่องยังคงใช้วัสดุโลหะที่ตัดลายสวยงามและเหมือนกับ Galaxy Note20 Series จนเรียกได้ว่ามันแทบจะถอดร่างกันมาเลยก็ว่าได้ ปุ่มกดรวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งรวมกับปุ่ม Side Key จะอยู่ทางขวา และทางฝั่งซ้ายจะเป็นบานพับที่สวยงาม และสามารถเลือก Custom สีขอบได้หากซื้อกับทาง Samsung.com เท่านั้น 

และสังเกตว่าจะอยู่ด้านล่างลำโพงของรุ่นนี้อยู่ทั้งด้านบนและล่าง ให้เสียงที่ดังดี และมีไมโครโฟนทั้งบนและ ส่วน USB-C จะอยู่ที่ด้านล่างเท่านั้น 

ด้านหลังเป็นกระจกทั้งหมดและออกแบบเรียกได้ว่าสวยงาม จะมีกล้องหลังที่นูนและมีให้เลือกทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ทั้งหมด 12 ล้านพิกเซลทั้งหมดเช่นเดียวกัน  

ในภาพรวมขนาดเครื่องแต่ไม่ได้มีขนาดน้ำหนักมากแม้ว่าตัวเลขจะเยอะก็ตาม แต่ก็ให้ความพรีเมี่ยมสูง

สเปกและฟีเจอร์ที่ได้สัมผัส 

สเปกของ Samsung Galaxy Z Fold 2 

• สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : (ก่อนกาง) 159.2 x 128.2 x 6.9 มม. | (เมื่อกาง) 159.2 x 68 x 16.8 มิลลิเมตร 
• น้ำหนัก : 279 กรัม 
• การป้องกันน้ำและฝุ่น : - 
• หน้าจอแสดงผล : ด้านนอก Super AMOLED 6.23 นิ้วความละเอียด 2260x816 พิกเซล และหน้าจอภายใน Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2208 x 1768 พิกเซล (อัตราส่วน 4:2:3) 
• กระจกคลุมจอเป็น Ultra Thin Glass  
• ชิปเซ็ตประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 865 + Adreno 650 
• การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.1, GPS, A-GPS, 5G, 4G 
• ระบบปฏิบัติการ : Android 10 + One UI 2.5 
• ระบบความปลอดภัย 
  • สแกนลายนิ้วมือผ่านด้านข้าง 
  • ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า 

• กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว :  
• 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.4, Telephoto  
• 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f1.8, Wide  Dual Pixel 
• 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f2.2, Ultra-Wide 
• กล้องดิจิทัลด้านหน้า : (ด้านในหน้าจอ) 10 ล้านพิกเซล F2.2| (ด้านนอก) กล้องความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F2.2 
• แบตเตอรี่ความจุ : 4,500 mAh (แบ่งแบตเตอรี่ 2 ข้าง) + Fast Charge 25W, Wireless Charge 11W, Reverse Wireless Charge 4.5W 
• พอร์ตเชื่อมต่อแบบ : USB Type-C 
• หน่วยความจำแรม (RAM) : 12 GB 
• หน่วยความจำภายใน (ROM) : 512GB 
• หน่วยความจำภายนอก : - 
• สีสันของเครื่อง : Mystic Bronze และ Mystic Black 

เมื่อเทียบกับสเปกแล้วของ Samsung Galaxy Z Fold 2หน้าจอด้านนอกใหญ่ขึ้นทำให้สามารถใช้งานได้พร้อมกับสเปกที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นใหม่ขึ้น อย่าง Qualcomm Snapdragon 865+ ทำให้การประมวลผลในการเล่นเกมได้ดีมากขึ้นเช่นเดียวกัน  

หน้าจอของ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive Refresh Rate ปรับการทำงานที่น่าสนใจอย่างมาก โดยดันค่า Refresh Rate ได้มากถึง 120 Hz กันเลยทีเดียว 

ส่วนฟีเจอร์ของการใช้งาน Flex Mode จะมีลูกเล่นมากมายไม่ว่าจะเป็น 

• Flex Mode การกางอยู่ไม่ต้องสุดก็สามารถแสดงผลแค่ครึ่ง โดยสามารถเลือกการทำงานแบบ Native Apps หรือดูวิดีโอได้ และ Flex Mode จะทำงานระหว่าง 75 – 115 องศา   
• Capture View Mode สามารถดูภาพตัวอย่าง เพื่อถ่ายภาพให้เหมือนกับต้นฉบับที่เราต้องการได้  
• Intuitive Multi Windows เปิดได้พร้อมกัน 2 หน้าจอ หรือ 3 หน้าจอ ที่ปรับได้มากกว่าเดิม พร้อมกับฟีเจอร์ App Pair ตั้งค่าโปรแกรมที่เราเปิดบ่อยๆ ได้ รวมถึงรูปแบบที่ตั้งค่าไว้  
• เปิดหน้าจอซ้ำกันได้ระหว่าง Internet 2 เว็บไซต์ได้ หรือจะเป็น Microsoft Word หรือ Power Point ได้  
• รองรับการลากและวาง Files, รูปภาพ, ข้อความ หรือ Drag and Drop ระหว่างการเปิดโปรแกรมไปมา เช่นคุณเปิด Facebook มีรูปต้องการแปะลงไปใน Power Point สามารถเปิดทั้ง 2 โปรแกรมแล้วลากไปใส่ได้เลย 

เมื่อใช้งานจริงแล้ว พบว่าฟีเจอร์ Drag and Drop สามารถใช้งานได้ง่ายหากเปิดโปรแกรม แต่ว่าการทำงานอาจจะจำกัดอยู่บ้างเช่นถ้าเปิดรูปกจาก Web Browser จะไม่สามารถลากลงไปได้จะต้องบันทึกลงในเครื่องแล้วกดลากจาก Gallery เข้าไปที่ Apps ที่เราต้องการ 

แถมเวลาเราใช้ Flex Mode สามารถป้องกันไม่ให้มือถือมาตกใส่หน้าเวลาดูกลางคืนได้เพราะเรามสามารถวางแล้วดูคลิปได้ทันที แต่การทำงานของ Flex Mode จะทำงานระหว่าง 75 – 115 องศา เท่านั้น 

ส่วน App Continuity ยังคงสะดวกเหมือนเดิมคือเปิดโปรแกรมจากหน้าหลักสามารถเปิดหน้าจอเข้าไปได้ 

และยังมีฟีเจอร์ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ดังนี้ 

• Spit Screen Caputure เมื่อเรามีการ Capture Screen เครื่องจะเลือกหน้าจอที่เราเปิดมาให้ส่งออกไปยังโปรแกรมอื่น หรือบันทึกเฉพาะนั้นได้ เช่นถ้าเราเปิด 3 หน้าจอ สามารถเลือกหน้าจองาน ลากส่งไปที่ Messenger ให้เพื่อร่วมงานได้  
• Screen Layer อีกความสามารถที่ทำหน้าจอของ Galaxy Z Fold 2 สามารถเลือกซูมใกล้ไกลทำให้แบ่งหน้าจอได้เหมาะสม ปรับได้ตั้งแต่ 420 dpi, 480 dpi (ค่าเริ่มต้น) ไปจนถึง 540 dpi   
• และนอกจากนี้ Galaxy Z Fold 2 จะสามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลหน้าจอ ให้เหมือนกับ PC หรือ Tablet ได้ เช่น YouTube, Microsoft Office (Word, Excel, Power Point) และ Outlook ส่วนโปรแกรมอื่นๆ อาจจะตามมาในอนาคต รวมทั้งการใช้ ประชุมทางวิดีโอถือว่าเหมาะมาก 

Samsung Galaxy Z Fold 2 จะมาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ให้ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล และยังรองรับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทำงานได้ลงตัวและแตกต่างจาก  Galaxy รุ่นอื่นเช่น 

• Auto Framing จะเป็นฟีเจอร์ที่งานกับ Flex Mode ทำงานร่วมกับ Sensor จับการเคลื่อนไหวของเราได้ โดยจะไหลเหมือนกับเป็นการซูมเข้าไป แต่ถ้าจะเอาให้เข้าใจง่ายคือถ้าเกิดคุณถ่ายคน 2 คนด้วย Flex Mode หากอีกคนลุก กล้องจะ Pan หาอีกคนโดยอัตโนมัติ 

ส่วนแบตเตอรี่ของเครื่องแบ่งเป็น 2 ส่วนขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จไฟ 25W และรองรับกำลังชาร์จไฟ 15W และกระจายไฟหรือ Wireless Power Share เป็นต้น 

สรุปหลังสัมผัสแรกของ Samsung Galaxy Z Fold2  

ยังคงเป็นมือถือนวัตกรรมอีกรุ่นหนึ่งเพราะเน้นเรื่องขงอการพับได้และมีเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงจากรุ่นเดิมพอสมควร ตัวเครื่องหรูหราและพรีเมียมอย่างมาก และยังมีฟีเจอร์ที่ใครอยากได้มือถือจอใหญ่ ทั้ง Multi Tasking หรือ จะเสพ YouTube จอใหญ่ ขอพับได้นิดหน่อย นี่เป็นอีรกรุ่นที่น่าใช้ไม่เบา แม้ว่าจะแค่จับเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น 

ส่วนราคาของมือถือรุ่นนี้ 

• Samsung Galaxy Z Fold 2 (RAM 12GB / ROM 256GB) 69,900 บาท 
• Samsung Galaxy Z Fold 2 Thom Browne Edition 109,900 บาท (จำหน่ายหมดแล้ว)

พร้อมกับโปรโมชั่นทั้ง Galaxy Buds Live,  Samsung Galaxy Care+, Galaxy Butler Gold อีกด้วย โดยเปิดจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป ส่วนรีวิวเร็วๆ นี้ ครับ