แกะกล่องรีวิว "OnePlus Buds" หูฟัง Earbuds หลังได้ทดลองใช้งานจริงเกือบเดือน
OnePlus Buds เป็นอีก Gadget ในกลุ่มของ IoT ที่ OnePlus ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อแฟนคลับโดยเฉพาะ ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ OnePlus Nord ไม่นานมานี้ ด้วยหูฟังที่เป็นแบบ True Wireless ตัวแรกของค่าย ในราคาจับต้องได้ง่าย ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อ
เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ ทีมงาน Sanook Hitech ก็ไม่ควรพลาดที่จะติดต่อขอสินค้าใหม่มาทดลองใช้งานและบอกเล่าประสบการณ์ให้แฟนๆ ได้อ่านกัน
หากคุณซื้อ OnePlus Buds ในกล่องจะมีอะไรบ้าง ?
- ตัวหูฟัง OnePlus Buds
- สายชาร์จแบบ USB type-C
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ชมความงามของดีไซน์ของ OnePlus Buds
แรกเห็นต้องบอกไว้ก่อนว่า ใครคิดว่า OnePlus Buds เหมือนกับ AirPods นั้น แค่กล่องนั้นก็ไม่เหมือนแล้วครับ เพราะวัสดุนั้นแม้จะเป็นพลาสติกที่มีความหนากำลังดี แต่ว่ามันใช้วัสดุแบบ Mattle ซึ่งจะเป็นผิวสัมผัสแบบด้าน
การใช้วัสดุแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อดีคือ มันจับง่าย ข้อเสียคือ มันไม่ทำให้รู้สึกว่าดูแพงเหมือนกับคู่แข่ง
ด้านหน้าจะมีไฟบอกสถานะของหูฟัง สามารถบอกได้ทั้ง สีเขียว สำหรับบอกปริมาณแบตเตอรี่เต็ม, สีเหลือง แบตเตอรี่อยู่ระดับกลาง, สีแดง แบตเตอรี่อ่อน ควรชาร์จไฟ, สีขาว เป็นสถานะ Pairing ให้คุณเชื่อมต่อกับอุปกรณ์
ด้านหลังนอกจากบานพับแล้วยังมีปุ่มสำหรับการกด Pairing กับอุปกรณ์ เมื่อกดแล้วจะมีไฟเรืองแสงเป็นสีขาวแสดงว่าพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวอื่น
นอกจากเคสจะมีขนาดกะทัดรัดยังได้แบตเตอรี่ที่มีขนาดถือว่าใหญ่เหมือนกัน และยังสามารถกช่องชาร์จแบบ USB-C อยู่ด้านใต้เครื่อง
หลังจากเรามาดูเคสไปแล้ว ตอนนี้เรามาดูกับตัวหูฟังกันดีกว่า เริ่มจากการเปิดฝาแค่ผลักขึ้นไป คิดซะว่าเปิดง่ายกว่ากล่องไหมขัดฟันหลายยี่ห้อล่ะกันครับ
ตัวหูฟังออกแบบ ลักษณะเดียวกับหูฟัง TWS ที่มีก้านทั้งหลาย โดยเฉพาะส่วนที่ใส่ในหูฟัง แต่สังเกตว่า ลึกกว่า AirPods ข้อดีคือ มันจะทำให้หูฟังเกาะกับหูเวลาที่ออกกำลังกายมันจะหลุดยาก
แต่ว่าเนื่องจากมันไม่มีส่วนของยางทำให้ถ้าเจอเหงื่อ มันก็จะหลุดง่าย พร้อมกับเซนเซอร์ในการจับว่าหูฟังนี้ใส่อยู่ที่หูของเราหรือไม่ (เซนเซอร์ เป็นจุดสีดำ)
เรื่องที่น่าชมคือ เวลาถอดหูฟังออกเพลงจะหยุดทันที พอใส่กลับ ถ้าหูฟังมีการเชื่อมต่อกับมือถืออยู่ จะต่อติดทันที ไม่จำเป็นต้องเป็นมือถือจาก OnePlus ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ครับ
มาตรฐานการกันน้ำมีหรือไม่
OnePlus Buds มาพร้อมกับเทคโนโลยีกันน้ำแบบ IPX4 นั่นหมายความว่า เหงื่อ หรือ น้ำกระเด็น เท่านั้น เพียงแต่ว่า มันไม่ได้ออกแบบให้เหมาะกับการใส่อาบน้ำ, ว่ายน้ำ หรือ สาดน้ำ ดังนั้นต้องระวังในจุดนี้ครับ
ฟีเจอร์การสัมผัสที่ก้าน หรือ Touch Control
ตัวก้านเองก็มี Touch Area มีจุดเดียวเท่านั้นแต่มีทั้งฝั่งซ้ายและขวา สามารถสั่งงานได้ด้วยการแตะโดยจะรับคำสั่งได้ดังนี้
- แตะ 1 ครั้ง เป็นการรับสาย / หยุดเพลงชั่วคราว (Pause)
- แตะ 2 ครั้ง เปลี่ยนเพลงไปข้างหน้า
- แตะค้างไว้พร้อมกัน 2 ข้าง จนมีเสียงพร้อมกัน เข้า Gaming Mode ลดความหน่วงลงได้มากพอสมควร
- รูดขึ้น / รูดลง จะเป็นการเพิ่ม หรือ ลดระดับเสียง
เพียงแต่ว่าการทดลองใช้งานนั้น หากเป็นมือถือ OnePlus จะสามารถทำงานได้เต็มฟีเจอร์ แต่ถ้าเป็นมือถืออื่น จะเหลือแค่ 3 Mode คือ รับสาย/วางสาย, เปลี่ยนเพลง และแค่นั้น เพราะแตะค้างกับมือถือยี่ห้ออื่นมันจะเป็นการปิดหูฟังทันที
การเชื่อมต่อกับมือถือครั้งแรกด้วย OnePlus Buds Live
วิธีการเชื่อมต่อ OnePlus Buds ที่ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 5.0 เรียกได้ว่าง่ายมากครับ เพียงแค่ 4 ขั้นตอนง่ายๆ
- เปิดฝา หรือ เก็บหูฟังเข้ากล่องให้เรียบร้อย และมือถือที่จะเชื่อมต่อจะต้องอยู่ในระยะ 20 เซนติเมตร
- สำหรับครั้งแรกไม่ต้องกดปุ่ม เพราะจะมีไฟขึ้นสีขาว แสดงว่าพร้อมเชื่อมต่อ แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้กดด้านหลังจนกว่าไฟจะขึ้นเป็นสีขาว
- จากนั้นเข้าไปที่ ตั้งค่าในส่วน Bluetooth
- ค้นหาคำว่า OnePlus Buds หากเครื่องไม่ค้นหา ลองกด Refresh หรือ Scan สำหรับมือถือบางยี่ห้อ
- หากเจอแล้วให้กด รอจนกว่าจะขึ้นคำว่า Connected ระบบจะแสดงปริมาณแบตเตอรี่ที่ตัวหูฟัง ในขณะนั้นว่าเหลือเท่าไหร่
กรณีที่เป็นมือถือ OnePlus ในหน้า Setting จะสามารถตั้งค่าเกี่ยวกับ Touch Control และคำแนะนำในการใช้งานมาให้เสร็จสรรพ
คุณภาพของเสียงที่ได้ทดลองใช้หูฟัง OnePlus Buds
หากคุณคิดว่าคุณภาพของหูฟังในราคาไม่เกิน 3 พันบาท จะต้องมีคุณภาพเสียงที่ไม่ดี ขอให้คิดใหม่ เพราะ OnePlus Buds นั้นให้คุณภาพเสียงที่ไม่ธรรมดา ด้วย Driver ขนาด 13.4 มิลลิเมตร ทำให้สามารถมีกำลังขับ Bass ได้ดี และยังรักษาคุณภาพของเสียงช่วงกลางและแหลมไว้ได้ด้วย แถมยังสามารถเปิดฟีเจอร์ Dolby ATMOS ของมือถือ จะให้เสียงที่มีมิติมากขึ้น
โดยจุดนี้จากที่ได้ทดลองใช้ทั้งมือถือ OnePlus และมือถือเรือธงจากค่ายหนึ่ง ที่มีฟีเจอร์ Dolby ATMOS ที่ต่อเชื่อมผ่าน Bluetooth พบว่า สามารถเปิดทำงานได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นกับอุปกรณ์ว่า Dolby ATMOS รองรับกับอุปกรณ์หูฟังไร้สายหรือไม่
และในเรื่องการใช้พูดคุยสายสนทนา เนื่องจากมันมีไมโครโฟนทั้งด้านบนและด้านล่างสุดของก้าน ทั้ง 2 ฝั่ง สามารถช่วยลดการเกิดเสียงรบกวนรอบทิศ หรือ ฟีเจอร์ Environmental Noise Cancellation ช่วยให้เสียงสนทนาออกมาทำได้ดีเหมือนกันครับ
แด่เรื่องที่น่าเสียดายคือคือ ไม่มี Active Noise Canceling หรือระบบลดเสียงรบกวนที่ตัวหูฟังเวลาอยู่ตามสภาพแวดล้อม แต่เนื่องจากการออกแบบที่ช่วยลดเสียงรบกวนในการใส่อยู่เดิมแล้ว จึงไม่ต้องใส่เสียงที่ดังมาก ยกเว้น ถ้าอยู่บนการเดินทางสาธารณะ จะรู้สึกว่าเสียงรบกวนดังไปหน่อย
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
มาถึงเรื่องแบตเตอรี่สักหน่อย ขนาดของแบตฯ ที่บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าใหญ่ทั้งหูฟัง และ ตัวกล่อง โดยสามารถให้คุณฟังเพลงได้นานสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 10 ชั่วโมง และตัวกล่องชาร์จไฟช่วยขยายได้นานสุด 30 ชั่วโมง
ส่วนระบบการชาร์จไฟนั้น ในกล่องเองใส่กลับเพียง 10 นาทีสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จไฟที่กล่องมีทั้ง Warp Charge ทั้งแบบสาย และรองรับ Wireless Charge ในตัว เรียกได้ว่า แม้ลืมสายก็สามารถชาร์จไฟกับแท่นชาร์จไร้สายได้ทัวไป
สรุปให้ฟังหลังได้ทดลองใช้งาน OnePlus Buds
ความรู้สึกภาพรวมของการลองใช้งาน OnePlus Buds สักพักต้องบอกว่า การที่มี Driver ใหญ่แต่ขนาดหูฟังสามารถใส่ได้นาน และรองรับที่ย่านเสียงดีทั้งกลาง, เบส และเหมือนจะได้แหลมโดดไปหน่อย แต่ก็ยังเป็นหูฟังที่สามารถปรับแต่งเสียงจากเครื่องได้ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่มีฟีเจอร์ตามใจสั่งได้
แต่ Touch Control นั้นอาจจะยังทำงานได้ไม่เต็มที่หากไม่ได้ใช้มือถือ OnePlus ในจัดนี้เข้าใจได้เพราะว่า คงต้องการให้ใช้งานกับ User กับของค่ายเดียวกัน แต่ที่ให้มาถือว่าครบถ้วน
ดีไซน์ของมันสวยและเหมาะกับการแต่งตัวแนวไหนก็ได้ หรือจะใช้ออกกำลังกายก็ได้ สีสันที่เข้ามาจำหน่ายตอนแรกเป็นสีขาว มองว่าเป็นพื้นฐานที่ดี เพราะใช้ได้ทุก Life Style ที่หาไม่ได้กับหูฟังที่มีราคาเดียวกัน แถมยังได้แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นาน ชาร์จได้เร็วมาก
พูดมาแบบนี้แล้ว OnePlus Buds มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,999 บาท ซึ่งเบื้องต้นนอกจากสีขาวก็ยังมีสีอื่นๆ เช่น สีฟ้า และ สีดำที่ต้องลุ้นกันว่าจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ แต่ระหว่างนี้ ใครอยากได้ ก็มีสามารถหาซื้อได้แล้วแต่เฉพาะ สีขาว เท่านั้นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
และการหาซื้อยังมีเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ใครสนใจก็อย่าลืมไปกดซื้อมาเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ครับ
อัลบั้มภาพ 29 ภาพ