[Review] ROG Phone 3 มือถือเพื่อคอเกมรุ่นใหม่ที่แรงสุดและรองรับ 5G แล้วนะ
กลับมาพบกับการรีวิว Gadget และ Smart Phone จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ใครรอคอยเทพแห่งมือถือเพื่อการเล่นเกมตัวใหม่ล่าสุด ตอนนี้ ROG Phone 3 ได้มาอยู่ในมือทีม Sanook Hitech เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ เรามาดูกันว่ามือถือรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และน่าสนใจแค่ไหน
แกะกล่อง ROG Phone 3
ความอลังการแรกของ ROG Phone ทุกรุ่นก็คงหนีไม่พ้นกับอุปกรณ์ในกล่องและการเปิดกล่อง รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่มาแบบจัดหนักจัดเต็ม แต่ของเริ่มจากในกล่องจะประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง ASUS ROG Phone 3
- ที่ชาร์จกำลัง 30W
- สาย USB-C To USB-C
- คู่มือ / สติ๊กเกอร์ / เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- เคส
- กล่องสามารถเป็น ชุด Foot Standing ไว้ตั้งเครื่อง
- ตัวแปลงช่องเสียบหูฟังจาก USB-C เป็น Jack 3.5
- พัดลมระบายอากาศ Aero Active Cooling พร้อมกับช่องเสียบหูฟังและ USB-C ใต้พัดลม ถ้าไม่อยากใช้ตัวแปลง ก็ต้องเสียบพัดลมตัวนี้
นอกจากนี้มีอุปกรณ์เสริมครบครันไม่ว่าจะเป็น
- Twin View Dock 3 รอบนี้มีทั้งแบตเตอรี่ / พัดลมระบายอากาศและ หน้าจอ Touch Screen
- Kunai Gamepad 3 จอยเสียบได้ทั้งแบบไร้สาย ผ่าน Bumper และเสียบตัวเครื่อง และเสียบต่อกับ AeroActive Cooling และ Kunai แต่ครั้งนีปุ่มจะน่ากดกว่าเดิม
- Lighting Armour Case เรืองแสงไฟเมื่อการเข้า X Mode
- กระจกกันแตกที่มีให้เลือกซื้อ
- และ Game Clip ไว้เสียบกับ Joy เกม Console ชื่อดังหลายตัว
เบื้องต้นอุปกรณ์ที่บอกมานั้นคาดว่าแถมกับ ROG Phone 3 มาเลย แต่ข่าวร้ายสำหรับ WiGig ถูกถอดออกไม่สามารถใช้กับรุ่นนี้ได้เหตุผลคือชิป 5G ค่อนข้างใช้พื้นที่เยยอะทำให้จำเป็นต้องตัดออกอย่างน่าเสียดาย
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ ROG Phone 3
เริ่มต้นกับด้านหน้าของเครื่องที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากแยกให้ออกนั้นมันก็ไม่ยาก หน้าจอยังใช้ขนาด 6.59 นิ้วเท่าเดิม ความละเอียด FHD+ หรือ 2340x1080 พิกเซล พร้อมกับดีไซน์ให้มีขอบบนล่างที่หนาเพื่อให้จับและเหมาะกับการเล่นเกม เพราะถ้าปล่อยให้หน้าจอเต็ม มันจะกดได้ง่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนบนของด้านหน้าจะมีกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับลำโพงตัวเครื่องและสามารถเป็นลำโพงที่สามารถแสดงผลในการเล่นเกมได้ มีไฟแจ้งเตือนดวงเล็กๆ มาให้ ภายในหน้าจอเป็นการแจ้งเตือนอย่างเดียว ถ้าแยกให้ออกระหว่างรุ่นเก่ากับใหม่คือ รุ่นใหม่ลำโพงจะกว้างขึ้นเล็กน้อย และลึกน้อยลง เป็นสีดำทั้งหมด
ส่วนล่างของหน้าจอจะมีปุ่มควบคุมในหน้าพร้อมกับลำโพงของตัวเครื่อง เท่ากับมือถือรุ่นนี้ได้ลำโพงหน้าแบบ Stereo ที่ดังพอสมควรเลยครับ
สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนปุ่มนั้นสามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Display (หน้าจอ) > System Bars (แทบแจ้งเตือน) > System Navigation (แถมนำทาง) จะเปลี่ยนได้ 2 แบบได้แก่
- Gesture สำหรับการปัด โดยสามารถเลือกได้ทั้งปัดในแบบเดียวกับ Android 10
- ปุ่มกดปกติที่สามารถกด Back (สำหรับย้อนกลับ), Home (สำหรับกลับหน้าหลัก), Recent (สำหรับเรียก Apps ที่เปิดก่อนหน้านี้
นอกนั้นรอบตัวเครื่องนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากยังคงใช้วัสดุอะลูมิเนียมเหมือนเดิมแต่เพิ่มความหนาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ละมุมประกอบด้วย ฝั่งขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง และขอบสุดทั้ง 2 ฝั่งจะเป็น Air Tigger (จะอยู่ทางซ้ายและขวามือ เป็นตัวขีด) ที่สามารถไว้สั่งงานทำอะไรระหว่างการเล่นเกม ก็ได้
ฝั่งซ้ายจะมีมีอะไร ยกเว้นจุดที่ปิดช่องยางไว้ต่ออุปกรณ์เสริม เช่น Aero Active Cooler หรือ Game Pad เป็นต้น และสามารถเสียบชาร์จไฟที่เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่า และยังสามารถใส่ซิมการ์ดได้ที่ด้านบนรองรับ NanoSIM 2 ช่องเท่านั้น
ส่วนบนมาพร้อมกับ ไมโครโฟนไว้ตัดเสียงรบกวน
ส่วนล่างมีช่องเสียบ USB-C แต่รุ่นนี้ตัดช่องเสียบหูฟังออกไป แต่ไม่เป็นเรา มีทางเลือกให้คุณ 2 ทางคือ เสียบพัดลม Aero Active Cooler ก็ได้ช่องเสียบหูฟัง หรือจะใช้ตัวแปลงที่ให้มากับกล่องก็ได้เช่นเดียวกัน และมีการให้ไมโครโฟนอีกจุดอยู่ตรงนี้
พลิกมาด้านหลังของเครื่องสำหรับรอบนี้มีการเปลี่ยนดีไซน์กันไม่กี่จุด เช่นกล้องหลังจะขยายเป็น 3 ตัว พร้อมกับมีโครโฟนตัวที่ 3 งอกออกมา ช่องระบายอากาศ เปลี่ยนใหม่ให้เป็นจุดที่เรียกว่า Aerodynamic System ที่โปร่งใสมากขึ้น แต่ยังคงมีสีดำให้เลือกเพียงสีเดียว พร้อมกับดวงตา ROG ที่มีดวงเดียวและจะเรืองแสงเมื่อเล่นเกมและต้องเข้า X Mode เท่านั้น
ภาพรวมการออกแบบ / น้ำหนัก / สีที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
การออกแบบของเครื่อง ROG Phone 3 นั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับที่เปลี่ยนมากสุดจะเห็นเป็นด้านหลังเพราะมีการใส่ลูกเล่นรายละเอียดใหม่ให้ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น และวางจุดต่ออุปกรณ์เสริมยังคงเชื่อมต่อได้ง่าย และมีสีดำที่โดดเด่นและเป็นกระจกเหมือนเดิมครั้งนี้เปลี่ยนให้แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนสีที่ไม่ต้องถามมากมีเพียงแค่สีดำเท่านั้น
เปิดเครื่องลองประสิทธิภาพ ของ ROG Phone 3
สเปกสำหรับ ASUS ROG Phone 3
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 171 x 78 x 9.9 มม.
- น้ำหนัก: 240 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ
- หน้าจอ: AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด 2340x1080 พิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865+ Octa-core | GPU Adreno 650
- แรม : 12GB
- ความจำภายใน : 512GB
- ความจำภายนอก : -
- การเชื่อมต่อไร้สาย : 5G/4G LTE, WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (WiFi 6), Bluetooth 5.1, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 10
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Optical ในหน้าจอ
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องหลัง 3 ตัว :
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (f1.8) PDAF
- 13 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide)
- 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro
- กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล (f2.0)
- แบตเตอรี : 6000 mAh + Rog Hyper Charge 30W รองรับ Power Delivery
- สี : Glare Black
การสดทอบประสิทธิภาพ / ทดลองเล่นเกม
คะแนนการทดสอบประสิทธิภาพด้วย AnTuTu ทำได้ที่ 626,314 คะแนน
คะแนนการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 ทำได้ที่ Single Core = 970 คะแนน / Multi Core = 3022 คะแนน
สำหรับในเรื่องของการเล่นเกมด้วย ROG Phone 3 นอกจากได้ประสิทธิภาพที่ดีจากขุมพลัง Snapdragon 865+ แล้วรอบนี้มีการออกแบบให้เครื่องสามารถระบายอากาศได้เร็ว แต่ให้ระบายอากาศได้เร็วแค่ไหน เจอการเชื่อมต่อ 5G เข้าไปความร้อนก็จะเกิดขึ้นสูงอยู่ แนะนำว่า ถ้าต่อพัดลม Aero Active Cooler 3 จะช่วยได้มาก
นอกจากนี้ X Mode จะเป้นการ Boost เครื่องให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ รวมถึงดึงเรื่องของศักยภาพในการเล่นเกมได้ แต่ว่ารายละเอียดการปรับแต่งเช่นไฟหรือ Air Tigger รวมถึงการปรับไฟเรืองแสงหลังเครื่อง เราจะเล่นอีกครั้งในส่วนของฟีเจอร์ตัวเครื่องนะครับ
ขณะเล่นเกมคุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Game Genie ตั้งค่าต่างๆได้ โดยปรับตั้งแต่ความสามารถของ Air Tigger รวมไปถึงฟีเจอร์ Motion Sensor และ Macro ทำให้อำนวยความสะดวกเล่นเกมได้ทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้หลังจากตั้งค่าทันที
การเชื่อมต่อไร้สาย / การดทสอบ 5G
การเชื่อมต่อของ ROG Phone 3 ครั้งนี้มาให้ได้ใช้งาน 5G ทั้ง 2 รุ่นเลยครับ ทำให้สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้รวดเร็วมากขึ้น ส่วนที่เหลือทั้ง WiFi 6, Bluetooth 5.1, GPS, A-GPS ยังคงทำงานได้เหมือนเดิม
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียงของเครื่อง
ถึงแม้หน้าจอของ ASUS ROG Phone 3 ไม่ได้เปลี่ยนไซล์ใหญ่ขึ้น เพราะยังยึดขนาด 6.59 นิ้วความละเอียด 2340x1080 พิกเซล แต่สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือ เรื่องของค่า Refresh Rate ที่สามารถตอบสนองได้ถึง 144Hz และการ สัมผัส หรือ Touch Sensitive ก็เพิ่มเป็น 240Hz ไวแลติดนิ้วในระดับ 25 ms. และหน้าจอส่วยขึ้นด้วยเทคโนโลยีการแสดงผล HDR10+, deltaE < 1, DCI-P3 gamut
ส่วนระบบเสียงนั้นให้คุณได้รู้ถึงความแม่นยำเพราะมีการเพิ่มฟีเจอร์ Ditac ที่จตับรายละเอียดของเสียบได้รอบทิศและสามารถต่อเชื่อมกับหูฟังเล่นเกมทั้งตัวแปลงที่ติดกับกล่องหรือผ่าน พัดลม Aero Active Cooler แถมยังมีฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนมาให้เวลาใส่หูฟังอีกด้วย เพราะตัวเครื่องมีไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัวรอบทิศ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบปฏิบัติการบน ROG Phone 3 ยังคงใช้ Android 10 รุ่นใหม่ล่าสุด และครั้งนี้ไม่ได้มี Theme เปลี่ยนกลับไปที่ Pure Android แต่ว่าตัวมันเองคือ Pure Android เลย แต่ก็มี Theme ให้เลือกมากมายหลากหลายแบบและแต่ละตัวก็แสดง Effect เมื่อเปลี่ยนเข้า X Mode ที่แตกต่างกันไป ส่วน Notification และ Quick Setting ที่ยังคงมาครบเครื่องเมหือนเดิม
ฟีเจอร์ของ ASUS ROG Phone 3 มีฟีเจอร์มาตรฐานมากมายเช่น เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้ แต่ที่เหลือนั้นจะเป็นฟีเจอรที่อำนวยความสะดวกในการเล่นเกมอย่างแท้จริง ประกอบไปด้วย
- Armoury Crate ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้
- ค่าความไวของการทัชสกรีน
- การกำหนดความลื่นไหวของการสไลด์
- ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
- การปรับค่า Refresh Ratre หรือการกระพริบของหน้าจอ
- ปรับประสิทธิภาพของเครื่องถ้าต้องการให้ดันไปสูงสุด ต้องเสียบ Game Pad หรือ Aero Active Cooler
- การปิดกั้นเครือข่ายให้มาที่เกมอย่างเดียว หรือเปิดเน็ตมือถือเองเมื่อพบว่า WiFi นั้นมีสัญญาณที่ไม่ดี หรือ Hyper Fusion
- Air Tigger สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน
- Motion Base เล่นเกมอยู่แล้วต้องการใช้ item สามารรถโยกเครื่องสั่งงานได้ทันที
- ปรับแต่ไฟ หรือ Aura RGB Lighting ตามความต้องการของเรา
- ROG Connect เชื่อมต่อกับ Commnunty ของเกมได้
- กำหนดการบันทึกหน้าจอระหว่างการ Live หากคุณเลือกบันทีกหน้าจอระหว่างเล่นเกมจะไม่มีปุ่มขึ้นมาจนกว่าคุณจะปิดเอง
- Kunai 3 นอกจากต่อเชื่อมกับมือถือได้แล้วยังสามารถรีโมทเล่นเกมได้ หรือ จะใช้กับ Game Pad Twin Dock ที่มีขนาดกว้างกว่าเดิม รวมถึง ROG Clip ที่สามารถล็อคเครื่องแล้วต่อจอย X Box ได้
ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ และ ระบบสแกนใบหน้ามาให้เหมือนเดิม
เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ ROG Phone 3
สำหรับกล้องหลังของ ASUS ROG Phone 3 นั้นมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียดทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลังตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (f1.8) PDAF ช
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide)
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro
- มาพร้อมกับ LED Flash
และมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่เรียกได้ว่ามาครบครันอย่างมากเลยทีเดียว
ฟีเจอร์ของกล้อง ASUS ROG Phone 3
เมนูกล้องของ ROG Phone 3 ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่แล้ว แต่ว่าคราวนี้มีโหมดที่แบ่งระหว่างการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ASUS ROG Phone 3
ภาพกลางวัน / แสงปกติ ยังคงให้รายละเอียดสีสันของภาพที่คมชัดและถ่ายภาพได้หลากหลายรูปแบบในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังรองรับการซูมภาพได้มากถึง 8 เท่าในแบบ Digital Zoom
ภาพกลางคืน / แสงน้อย ยังคงเก็บรายละเอียดได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเลนส์อื่น การตอบสนองจะเปลี่ยนไปคือเก็บไม่ดีเท่าเลนส์หลัก
ภาพรูปแบบอื่นๆ ROG Phone 3 มีลูกเล่นกล้องที่เยอะทำให้สามารถถ่ายได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Macro ที่เข้าใกล้ได้มาก, Portrait Mode, ถ่ายอาหาร เป็นต้น
ลองถ่ายวิดีโอด้วย ROG Phone 3
มาดูเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวบ้าง วิดีโอรุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS มาให้ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น
กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ลองถ่ายภาพออกมาแล้วผลคือ
ลูกเล่นของกล้องหน้า ASUS ROG Phone 3 ยังไม่ได้แตกต่างจากกล้องมือถือปกติ แต่ว่าถ้าโดดเด่นคือมีการเพิ่มลูกเล่น Make up แต่งหน้าได้สวยงามได้ แต่เสียดายว่าถ้าผู้ชายเปิดโหมดนั้นถ่ายแล้วรู้สึกว่ามันดูสาวไปหน่อย ส่วนการถ่ายวิดีโอความละเอียดที่รองรับได้คือ 1080P
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่มีขนาด 6000 mAh แม้จะไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิม เมื่อทดลองการใช้งานตามปกติ พบว่า อึดและใช้ได้นาน รอดทั้งวัน แต่ถ้าเล่นเกมเมื่อไหร่และต้องใช้ประสิทธิภาพเครื่องสูงขึ้น จะมีการใช้พลังงานเกิดขึ้น ทำให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วตามการใช้งานของเรา โดยเล่นเกม Asphalt 9 Legend ผลคือ สามารถเล่นได้นานสุด 9 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็น Game Pad อาจจะลากได้เกือบ 10 ชั่วโมง ซึ่งนานพอสมควรเลยนะ
ส่วนระบบการชาร์จไฟของเครื่องรุ่นนี้นอกจากรองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge กำลัง 30W และมาพร้อมกับ Power Delivery 3.0 ทำให้ไม่ว่าจะใช้ที่ชาร์จติดกล่องหรือรองรับ เทคโนโลยี Quick Charge 3.0 / 4.0 ยังรองรับการชาร์จไฟได้เร็ว
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้ ROG Phone 3 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากทดลองใช้งาน ROG Phone 3 มาเป็นระยเวลา 1 สัปดาห์ ก็ต้องบอกตามตรงว่า เป็นอีกมือถือที่ออกแบบดุดันมีความสวยงามเป็นตัวเอง แต่เครื่องในแรงมาก ฟีเจอร์ออกแบบเพื่อให้เหมาะกับการเล่น และอุปกรณ์เสริมของเครื่องค่อนข้างมีให้เลือกใช้เยอะมาก โดยเฉพาะ Set ของ ROG Phone 3 ที่มีทั้งฟิล์มกันรอย, Game Pad, อุปกรณ์เสริมต่อ ออกจอ และ จอยเสริม ที่อาจจะต้องหาเอง และที่เซอร์ไพรส์คือมันก็เอาไปใช้ถ่ายภาพได้เหมือนกัน
สิ่งที่ยังรู้สึกว่า ยังน่าปรับปรุงต่อคือ เรื่องของตัวเครื่องที่เป็นกระจก หากร้อนแล้วมีการสัมผัสโดยตรง อาจระรู้สึกว่ามันจะให้ความรู้สึกแทบทันที ทำให้ต้องใส่เคสแทบตลอดเวลา หรือไม่ก็เล่นนานๆ แนะนำต่อ Game Pad ไปก็ดีกว่า เพราะยังไงแบตเตอรี่ก็ไหลเป็นน้ำตกแน่นอน
สำหรับราคาของ ROG Phone 3 มีให้เลือกทั้งหมด 2 เกรดด้วยกันประกอบด้วย
- ROG Phone 3 Strix Edition จะได้ CPU Qualcomm Snapdragon 865, RAM 8GB / ROM 256GB = 24,990 บาท
- ROG Phone 3 จะได้ CPU Qualcomm Snapdragon 865+, RAM 12GB / ROM 512GB = 32,990 บาท
ส่วนราคาอุปกรณ์เสริมของ ROG Phone 3 จะมีดังนี้
- TwinView Dock 3 (ราคา 7,990 บาท)
- ROG Phone 3 Lighting Armor case (ราคา 1,990 บาท)
- ROG Clip (ราคา 1,990 บาท)
- ROG Kunai 3 Gamepad (ราคา 3,990 บาท) วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน
โดยมือถือรุ่นนี้พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตุลาคมนี้ แต่สามารถจองผ่าตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการ เห็นว่าราคาเริ่มต้น 18,490 บาท เท่านั้น ปิดท้ายกับรีวิวนี้ ถ้าคุณต้องการมือถือที่ต้องการเล่นเกมและจบทุกเรื่องทั้งสเปกและความสามารถรวมถึงอุปกรณ์เสริม ROG Phone 3 Series ไม่ว่าตัวไหนผมว่าลงตัว แต่ถ้าเอาให้สุด ROG Phone 3 เป็นคำตอบเดียวที่น่าใช้ครับ แต่ถ้าอยากประหยัดงบหน่อย ROG Phone 3 Strix Edition ก็ถือว่าเลือกซื้อได้ะครับ รายละเอียดร้านค้าที่วางจำหน่ายเครื่องรุ่นนี้สามารถกดดูได้ที่นี่ครับ
จุดเด่น
- การออกแบบดุดันและให้อารมณ์ในการเล่นเกมได้ดี
- อุปกรณ์ความสะดวกครบแม้จะต่อหรือไม่ต่อก็ตาม
- สเปกเครื่องถือว่าแรงเกาะกลุ่มบนได้ง่าย
- หน้าจอตอบสนองไวมาก ทำให้เล่นเกมได้สนุกมากขึ้น
- กล้องกลับให้คุณภาพในการถ่ายภาพที่ดีกว่าที่คิด
- ชาร์จไฟเร็วรองรับ Power Delivery
- ระบบเสียงถือว่าดังและตอบสนองดี
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องยังดูเปราะบางไปหน่อย
- ถ้าไม่ได้อุปกรณ์เสริม เครื่องจะร้อนไวมาก
- ไม่มี Full Set ให้เลือก
- การมี 5G ต้องทำใจว่าอาจจะแบตฯ หมดเร็ว
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ