เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini รองรับ 5G รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมสเปกเปรียบเทียบ

เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini รองรับ 5G รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมสเปกเปรียบเทียบ

เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini รองรับ 5G รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมสเปกเปรียบเทียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผ่านไปแล้วครับสำหรับงาน Apple Event ใหญ่ของ Apple เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา และเป็นไปตามคาดครับเพราะในไฮไลท์ของงานคือการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล iPhone 12  series ที่รอบบนี้มาด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น

untitled-42

ทั้งนี้บทความก่อนหน้านี้เราได้แนะนำ iPhone 12 Pro และ Pro Max  ไปแล้วบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก  iPhone 12 และ iPhone 12 mini สมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G รุ่นเล็กกันต่อ

สเปกเปรียบเทียบ iPhone 12 และ iPhone 12 mini

รายละเอียดสเปกของ iPhone 12

  • ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4  มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 164 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1170 x 2532 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
  • กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68  กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิปเซ็ต : Apple A14 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 4 Core 
  • RAM: ไม่ได้ระบุ
  • ความจำในตัว :64 / 128 / 256GB 
  • เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage   
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 14 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM      
  • ระบบเสียง 
  • ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
  • กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน 
  • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา 
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  
  • แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : ดำ, ขาว, เขียว, น้ำเงิน และ แดง Product Red

รายละเอียดสเปกของ iPhone 12 Mini

  • ขนาดตัวเครื่อง 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 135 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2340 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
  • กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68  กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิปเซ็ต : Apple A14 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 4 Core 
  • RAM: ไม่ได้ระบุ
  • ความจำในตัว :64 / 128 / 256GB 
  • เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage   
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 14 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM      
  • ระบบเสียง 
  • ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
  • กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน 
  • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา 
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  
  • แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : ดำ, ขาว, เขียว, น้ำเงิน และ แดง Product Red

iPhone 12  เร็วยิ่งกว่าเร็ว ทั้งชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนอย่าง A14 Bionic จอภาพ OLED แบบขอบจรดขอบ Ceramic Shield ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า และโหมดกลางคืนบนกล้องทุกตัว iPhone 12 ก็มีหมดทุกอย่าง ในสองขนาดที่ลงตัว

  • iPhone 12 มาพร้อมกับจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1”
  • iPhone 12 mini มาพร้อมกับจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 5.4

untitled-3

Ceramic Shield เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่า กระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน ทนต่อการตกกระแทก ได้ดีขึ้น 4 เท่า

1602660052818

ผลึกเซรามิกระดับนาโน แล้วก็ถึงเวลาของ Ceramic Shield ซึ่งเกิดจากการนำผลึกเซรามิกระดับนาโนซึ่งแข็งแกร่งกว่าโลหะส่วนใหญ่ไปผสมลงในกระจก อาจจะฟังดูง่าย แต่จริงๆ แล้วกระบวนการนี้ยากกว่าที่ใครหลายคนคิดเพราะเซรามิกไม่ได้มีความโปร่งใส ดังนั้นเราจึงคิดค้นสูตรแบบเฉพาะตัวขึ้นมาในการควบคุมชนิดของผลึกและระดับความเป็นผลึกของเซรามิก

H2O โอเค ทนต่อน้ำที่หกและน้ำที่กระเด็นใส่ได้ดียิ่งขึ้น

untitled-6

5 สีสันสดใหม่

untitled-53

แรงด้วย A14 Bionic คือชิพที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน ชิพแบบเดียวกับ iPhone 12 Pro

และยังสร้างขีดจำกัดใหม่ๆ ให้ความเป็นไปได้ อย่างเช่น การประมวลผลนับล้านล้านรายการบน Neural Engine หรือถ่ายวิดีโอในแบบ Dolby Vision ที่แม้แต่กล้องภาพยนตร์ระดับโปรยังทำไม่ได้ แถมยังประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยมเพื่อแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และในขณะเดียวกันก็ล้ำหน้าไปไกลจนเรียกได้ว่าเป็นขุมพลังที่พร้อมรับมือได้แทบทุกอย่างที่รออยู่ข้างหน้าเลยล่ะ

untitled-15

จอภาพ Super Retina XDR โอ้โห OLED

ซ้อนกันได้อย่างสวยงาม ติดเข้ากับเคสหรือกระเป๋าสตางค์ MagSafe ใหม่ หรือทั้งคู่ได้เลย  (และไม่ต้องห่วง เพราะกระเป๋าสตางค์ยังมีการป้องกันเพื่อความปลอดภัยสำหรับบัตรเครดิตอีกด้วย)

untitled-10

พลังชาร์จติดเทอร์โบ แม่เหล็กจะประกบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้งเพื่อการชาร์จแบบไร้สายที่เร็วยิ่งขึ้น

และแน่นอนว่า iPhone ทุกรุ่นรุ่นใหม่ไม่มี อะแดปเตอร์แปลงไฟและ EarPods  ให้อีกแล้ว

untitled-11

จากการให้อะแดปเตอร์แปลงไฟและ EarPods  ที่มักไม่ค่อยได้ใช้มาเป็นสาย USB-C เป็นLightning สำหรับการชาร์จเร็วที่คนส่วนใหญ่ต้องการแทน ซึ่งทำให้บรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กลง มีปริมาณกล่องต่อรอบการจัดส่งมากขึ้น และนั่นหมายถึงรอบการจัดส่งโดยรวมที่น้อยลง นอกจากนี้เรายังให้พันธมิตรด้านการผลิตของเราเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 2 ล้านเมตริกตันต่อปีเลยทีเดียว

 

igpost_2020update

iPhone 12 Mini ขนาดหน้าจอ 5.4"

  • 64GB = 699 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,000 บาท
  • 128GB = 749 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 23,300 บาท
  • 256GB = 849 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 26,400 บาท

iPhone 12 ขนาดหน้าจอ 6.1"

  • 64GB = 799 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 25,000 บาท
  • 128GB = 849 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 26,400 บาท
  • 256GB = 949 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 29,500 บาท

iPhone 12 Pro ขนาดหน้าจอ 6.1"

  • 128GB = 999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 32,000 บาท
  • 256GB = 1,149 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35,700 บาท
  • 512GB = 1,349 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 41,900 บาท

iPhone 12 Pro Max ขนาดหน้าจอ 6.7"

  • 128GB = 1,099 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 บาท
  • 256GB = 1,249 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 38,800 บาท
  • 512GB = 1,449 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 45,000 บาท 

ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่าย 6 พฤศจิกายน ในบางประเทศ และ 13 พฤศจิกายน จะเริ่มเปิดจองเช่นเดียวกัน ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยต้องรอประกาศอีกครั้ง อันนี้คือราคาที่สำรวจจากทางเว็บไซต์ Apple.com ในประเทศสหรัฐอเมริกา  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook