[Review] Huawei FreeBuds Pro หูฟัง TWS เสียงดี พร้อมกับระบบตัดเสียงจัดเต็ม กับค่าตัวเป็นมิตร
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง สำหรับรอบนี้ทีมได้ค้างคากับหูฟังอีกรุ่นจาก Huawei ที่มาในราคาคุ้มค่า และมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่เรียกได้ว่าเป็นหมัดเด็ดของรุ่นนี้ ในราคาแค่ 5,499 บาท เรามาดูกันว่า คุ้มค่ากับการลงทุนจะซื้อหรือไม่ มาดูกันครับ
แกะกล่อง Huawei FreeBuds Pro
ภายในกล่องของ Huawei FreeBuds Pro จะประกอบไปด้วย
- ตัวหูฟัง Huawei FreeBuds Pro
- สายชาร์จไฟแบบ USB-C
- คู่มือ / ใบรับประกันและคำแนะนำความปลอดภัย
- จุกสำหรับเปลี่ยนขนาด
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ Huawei FreeBuds Pro
เริ่มต้นกับเคสของ Huawei FreeBuds Pro รุ่นใหม่กับทรงของมันจะเป็นแบบวงรีที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก และไม่กลมเหมือนกับ Huawei FreeBuds 3 ที่ได้รีวิวก่อนหน้านี้ และมีปุ่มแค่ด้านซ้ายมือสำหรับ Pairing เท่านั้น
ส่วนล่างของเคสนั้นเป็นช่องเสียบ USB-C สำหรับชาร์จไฟอุปกรณ์เท่านั้น และยังมาพร้อมกับไฟบอกสถานะของกล่องชาร์จไฟประกอบไปด้วย
- เขียว = ปริมาณไฟเต็ม หรือสูงกว่า 80%
- เหลือง = ปริมาณไฟปานกลาง หรือ สูงกว่า 50%
- แดง = ปริมาณไฟเหลือน้อยกว่า 20% แนะนำควรชาร์จไฟดีกว่า
ด้านหลังจะมาพร้อมกับบานพับตรงกลางและมีสีเงินเหมือนกับ Huawei FreeBuds 3 โดยสีที่ได้รับมาเป็นสี Silver Frost จะเป็นผิวด้าน แต่ถ้าเป็นสี Ceramic White และ สีดำ ก็จะเป็นผิวเงา
เมื่อเปิดกล่องจะพบกับหูฟังที่มีหน้าตาถือว่าสวยงามนะครับ แต่ว่าดึงออกยากเพราะแม่เหล็กค่อนข้างแน่น แต่ก็ไม่ยากเกินที่จะเอาออกมาครับ และจะมีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่ของหูฟังเบื้องต้นเช่นเดียวกัน
ตัวหูฟังเป็นก้านเหลี่ยมหนาหน่อยๆ และมี Touchpad ที่แตะสัมผัสและจุก In Ear ของเครื่องนั้นจะไม่ได้กลมเพื่อรับกับหูฟัง และจะมีจุกขนาดใหญ่พร้อมกับไมโครโฟนขนาดใหญ่ ไว้สำหรับลดเสียงรบกวน
ขั้วชาร์จไฟจะอยู่ด้านล่างสุดและทั้งหมดนี้ออกแบบไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไปนักทำให้สามารถสวมใส่สบายอยู่ครับ
ภาพรวมการออกแบบ
เรียกได้ว่าเป็นหูฟัง True Wireless Stereo หรือ TWS ที่ออกแบบสวยงามมาก และเป็นสำหรับคนที่ต้องการหูฟัง TWS ระดับโปรจะมาพร้อมกับ ดีไซน์สวยงามไม่น้อยเลยครับ แต่ว่าสิ่งที่เป็นข้อสังเกตคือ เวลาที่ถอดหูฟังออกจากเคสยากพอสมควร เนื่องจากทางเข้าออก เล็กไปหน่อย
เปิดเครื่องลองฟังเพลง ผ่าน Huawei FreeBuds Pro
เริ่มจากการเชื่อมต่อกันก่อนก็มีวิธีง่ายมากดังนี้
- ครั้งแรกให้เปิดฝาเคสขึ้นมาก่อน
- เข้าไปที่ Setting ของมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์
- จากนั้นเลือกเป็น Discover Mode เพื่อเชื่อมให้เจอ บางมือถือบางเครื่องใช้ Pairing
- หากเจอเรียบร้อย หูฟังจะบอกว่า Connected เมื่อเปิดครั้งต่อไป ก็จะบอกแบบเดียวกัน
- กรณีที่ต้องการ Pairing พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ให้กด Pairing ที่ปุ่มรูปที่ข้างซ้ายของกล่องหูฟัง แล้วทำตามขั้นตอนเดียวกันการเชื่อมต่อครั้งแรก แต่อุปกรณ์แรกจะหลุด เพื่อต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ที่ 2 เมื่อต่อได้แล้ว จะต่ออุปกรณ์ตัวแรกอัตโนมัติ
เมื่อเป็นหูฟังแบบ True Wireless Stereo ขนาด Driver จะมีขนาดเล็กกว่าเพียง 11 มิลลิเมตร แต่เมื่อออกเสียงจริงกลับทำได้ดีมากในเรื่องของสเปกและรายละเอียดที่ออกมา เพราะมาครบทุกรูปแบบแม้ว่าจะไม่สามารถปรับ Equalizer ได้ก็ตาม ที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ เบสมาเต็มถ้าเกิดเพลงนั้นมี
ความโดดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือ การติดตั้งไมโครโฟนทั้งหมด 3 จุดและมีระบบจัดการเรื่องของเสียงลม และมี Bone Sensor ตรวจจับการเคลื่อนไหวขอกระดูกในหู ทั้งหมดรวมกันเป็นระบบ ANC หรือ Active Noise Canceling ที่สามารถลดเสียงรบกวนได้ระดับ 40 เดซิเบล และทำให้เวลาใช้สนทนากลับทำได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องใช้มือถือของ Huawei ก็ตาม
พอพูดถึงระบบ ANC แล้วในตัว Application Huawei AI Life ก็ออกแบบให้หูฟังรุ่นนี้สามารถปรับรูปแบบของการจัดการเสียงรบกวนได้ทั้งหมด 3 แบบได้แก่
- ปิดไปเลย เสียงจะเงียบ
- โหมด Noise Canceling อาจจะมีการรบกวนนิดหน่อย
- Awareness หรือ โหมดเปิดการรับรู้ จะให้เสียงเข้ามาแต่ถ้าเปิดเพลงดังก็จะไม่ได้ต่างอะไรกับเปิด Noise Canceling แต่ก็พอรับรู้อยู่บ้าง โดยเฉพาะการเปิด ให้เสียงพูดเข้ามาชัด (Enhance Voice)
และยังมีการปรับรูปแบบได้อีก 4 รูปแบบสำหรับ Noise Control ดังนี้
- Dynamic ระบบจัดการเสียงตามสถานการณ์ที่เหมาะสมเองโดยอัตโนมัติ
- Cozy ถ้าสถานที่มีเสียงรบกวนน้อยเสียงจะปรับเสียงเสียงรบกวนกำลังงาม เหมาะกับที่บ้านคุณ หรือ ห้องสมุด
- General หากมีเสียงรบกวนกำลังดี จะให้ไมโครโฟนเสียงรบกวนได้ดีขึ้น จะเหมาะกับสถานที่เช่นร้านกาแฟเป็นต้น
- Ultra หากสถานที่มีเสียงรบกวนที่เข้มข้นไมโครโฟนพยายามจัดเสียงเสียงรบกวนออกให้ได้มากที่สุด เช่นการเดินทางในรถไฟฟ้า หรือ เครื่องบิน
นอกจากนี้เนื่องจากหูฟังตัวนี้มีชิป Kirin A1 ติดตั้งเข้ามาโดยชิปตัวนี้ออกแบบให้ทำงานกับหูฟังโดยเฉพาะ ก็จะมีฟีเจอร์การตรวจจับการใส่หูฟังว่าเราใส่ถูกต้องหรือไม่โดยสามารถกดผ่าน Apps Huawei AI Life แถมยังสามารถอัปเดต Firmware ของหูฟังได้ ทั้งนี้ Apps ดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS, Android รวมถึง Huawei App Gallery และยังสามารถสั่งงานด้วยการกดได้ทั้ง
- กด 1 ครั้งจะเป็นการรับสาย/วางสาย/เล่นเพลง/หยุดเพลง
- กด 2 ครั้งติดกันจะเป็นการปฎิเสธสาย/เปลี่ยนเพลงถัดไป
- กด 3 ครั้ง ย้อนกลับ
- กดค้างไว้ สามารถเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนโหมด Noise Canceling หรือ เรียกใช้ Voice Assistant
- เลื่อนขึ้นลง เป็นการเพิ่มลดระดับเสียง
และเรื่องที่เหมือนกับ Huawei FreeBuds Studio ที่ได้รีวิวก่อนหน้านี้คือ เสาอากาศแบบ Dual Antennas เพื่อความเสถียรในการเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ากับอุปกรณ์เช่นเดียวกัน รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.1 อีกด้วย แถมยังมีการทำงานที่ลงตัวต่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้ง 2 ได้ลงตัว แต่การควบคุมจะต้องเป็นคนทำ ถ้าเป็นระหว่างมือถือกับ Notebook / Tablet ทำได้ดี แต่การสลับกับเครื่องเล่นเพลง จะทำให้มือถือเป็นพร้อมโทรออก และรับสาย และเครื่องเล่นเพลงพร้อมฟังเพลงแทนเป็นต้น
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งคือเรื่องของแบตเตอรี่เพราะตัวหูฟังเองสามารถใช้งานได้นานสุดที่ 7 ชั่วโมง และฐานทำให้ชาร์จไฟใช้ได้นานสุดที่ 30 ชั่วโมง และยังมีการเสียบแป๊ปๆ ก็สามารถใช้ฟังได้นานเป็นชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไฟแบบ USB-C และ Wireless Charge ที่ตัว Charging Case ได้ด้วย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Huawei FreeBuds Pro มาสักระยะเวลาหนึ่ง
หากนับแล้วว่าหูฟังของ Huawei FreeBuds Pro เป็นอีกหูฟังในแบบ TWS ที่ครบรสทั้งคุณภาพการออกแบบสวยงาม เคสที่สวยงาม แบตเตอรี่อึดมาก และ คุณภาพเสียงดีเลยทีเดียว และยังมาพร้อมกับ 3 สีให้คุณเลือกถือว่าตอบโจทย์ของคนชอบแฟชั่น น่าเสียดายที่มาติดเรื่องการใส่เข้าออกเคสที่ผมว่ามันยากและการปรับระดับเสียงต้องเลื่อนให้ถูก คือด้านข้างนะครับ
สำหรับราคาของหูฟัง Huawei FreeBuds Pro จะมาพร้อมกับราคา 5,499 บาท โดยตอนนี้เปิดจองตั้งแต่วันนี้จนถึง 5 พฤศจิกายน นี้ ดังนั้นนี่เป็นอีกหูฟังที่ยืนยันแล้วว่าคุณภาพของมันดีมากจนเรียกได้ว่าคุ้มค่าในราคานี้แถมเคาะถูกกว่าต่างประเทศจนเรียกได้ว่า คุ้มค่าแล้วสำหรับชาวไทยครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์ของหูฟังสวยและลงตัวมาก
- แบตเตอรี่ถือว่าใหญ่และใช้งานได้นาน
- ฟีเจอร์เยอะและสั่งงานได้ดี
- ระบบเสียงที่ออกมานั้นถือว่าดีมาก
- ระบบจัดการเสียงรบกวนทำได้ดีและมีเทคโนโลยีดีมาก
- อัปเดต Software ได้
ข้อสังเกต
- เคสจะถอดหูฟังออกยากไปหน่อย
- สีดำ และ ขาว จะเป็นรอยง่าย
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ