รีวิว “Samsung Galaxy Buds Pro” หูฟังไร้สายตัวท๊อป จัดเต็มด้วย ANC ในราคา 6,990 บาท
เมื่อก่อนใครจะคิดว่าสมาร์ทโฟนจะกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของคนในยุคปัจจุบันได้ ตอนนี้นอกจากสมาร์ทโฟน แล้วยังมี Gadget หลักอีกตัวที่เราเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องมีมันติดตัว ส่วนจะถูกหรือแพงก็ว่ากันไปอีกเรื่อง
ใช่แล้วครับหูฟังแบบไร้สายคือแก็ดเจ็ตที่เรากำลังพูดถึง ในปัจจุบันหูฟังแบบไร้สายมีให้เราเลือกใช้งานหลายหลายขึ้น ไม่ว่าจะหูฟังที่ทำออกมาเพื่อคนรักสุขภาพ หรือหูฟังที่ทำออกมาสำหรับคนชอบเสียงเพลง
แต่หูฟังแบบไร้สายที่เรากำลังจะพูดถึงและรีวิวในวันนี้เป็นหูฟังที่ทำมาเพื่อช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น จะฟังเพลง จะประชุม หรืออะไรก็แล้วแต่หูฟังแบบไร้สายตัวนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน
ซึ่งล่าสุด แบรนด์ Samsung ก็ได้เปิดตัว Galaxy Buds Pro รุ่นใหม่ล่าสุดออกมาให้เป็นตัวเลือกของคนที่กำลังมองหาหูฟังไว้ใช้งาน
Galaxy Buds Pro มาพร้อมกับดีไซน์ของหูฟังไร้สายแบบ Earbuds ใหม่ไม่มีก้านหูฟังเหมือนกับหูฟังไร้สายทั่วไป คล้ายกับ Galaxy Buds Plus แต่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ Galaxy Buds Pro ยังรองรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancellation)
คุณสมบัติจำเพาะของ Galaxy Buds Pro
- ขนาด & น้ำหนัก : หูฟัง: 19.5 x 20.5 x 20.8 มม., 6.3กรัม, เคสชาร์จ: 50 x 50.2 x 27.8 มม., 44.9กรัม
- ลำโพง: 2 ทิศทาง (11mm woofer + 6.5mm tweeter)
- ไมโครโฟน : 3 ตัว (2 ด้านนอก + 1 ด้านใน) + Voice Pickup Unit + Wind Shield
- Ambient Sound: ขยายเสียงภายนอกได้สูงสุด 20 เดซิเบล, ปรับได้ 4 ระดับ'
- ระบบตรวจจับเสียง
- ANC: ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุด 99%, ปรับได้ 2 ระดับ
- Voice Detect: ระบบตรวจจับเสียงเพื่อสลับโหมด ANC และ Ambient Sound โดยอัตโนมัติ
- ความจุแบตเตอรี่ : ตัวหูฟัง 61 mAh, เคสชาร์จ 472 mAh
- ระยะเวลาในการฟัง : 5 ชั่วโมง / รวม 18 ชั่วโมง (เมื่อเปิด ANC),8 ชั่วโมง / รวม 28 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC)
- ระยะเวลาในการสนทนา : 4 ชั่วโมง / รวม 14.5 ชั่วโมง (เมื่อเปิด ANC), 5 ชั่วโมง / รวม 17.5 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC)
- การชาร์จ : ฟังต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง / ชาร์จเร็ว 5 นาที รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0® Codec: Scalable (Samsung proprietary), AAC, SBC
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Proximity, Hall, Touch, Voice Pickup Unit (VPU)
- การรองรับ : Android 7.0 ขึ้นไป, RAM 1.5GB ขึ้นไป
- มาตรฐานกันน้ำ IPX7
- สีที่ขายในไทย : Phantom Violet, Phantom Black, Phantom Silver
- ราคาเปิดตัว 6,990 บาท
อุปกรณ์ที่มาในกล่อง
- ตัวหูฟัง Samsung Galaxy Buds Pro
- กล่องสำหรับใส่หูฟังและเป็น Charging Case
- จุกซิลิโคนสำรอง
- สายชาร์จไฟ USB-C
- คู่มือ
ดีไซน์และการออกแบบและการออกแบบ Samsung Galaxy Buds Pro
Samsung Galaxy Buds Pro มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ล่าสุด ตัวหูฟังโฉบเฉี่ยวทันสมัยและตอบโจทย์ด้านการใช้งานมากขึ้น โดยซัมซุงได้แรงบันดาลใจในการพัฒนา Galaxy Buds Pro จากรูปทรงสุดไอคอนิกของ Galaxy Buds Live โดยเพิ่มความโค้งรับให้เข้ากับสรีระของหูยิ่งขึ้น ดีไซน์ใหม่นี้ยังลดพื้นสัมผัสระหว่างตัวหูฟังกับผิวหนัง จึงสวมใส่สบาย เป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกอึดอัดแม้ใส่อย่างต่อเนื่อง (แต่มันไม่เหมือน Galaxy Buds Live นะครับแบบว่าดีไซน์ต่างกันเลย)
โดยที่ครั้งนี้ตัวเคสจะเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยมขอบโค้งคล้ายกับเคสของ Galaxy Buds Live รุ่นพี่แต่ Galaxy Buds Pro มาพร้อมกับขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกรวมไปถึงตอนเก็บลงในกระเป๋าต่างๆ ก็ไม่เป็นปัญหา
ด้านหน้าของเคสมีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่คงเหลือแบ่งออกเป็น 3 สี มาตรฐานคือ สีแดง (ไฟจะเหลือต่ำควรจะชาร์จไฟ), สีเหลือง(ยังพอใช้งานได้) และสีเขียว (ใช้งานได้)
ด้านล่างของเครื่องสามารถวางชาร์จไฟกับอุปกรณ์ Wireless Charge หรือ จะเป็นมือถือผ่านเทคโนโลยี Wireless Power Share ก็ได้
เมื่อเปิดด้านในออกมาจะพบกับช่องใส่หูฟัง มีแบ่ง ซ้าย-ขวา ชัดเจน พร้อมแม่เหล็กเพื่อดูดล็อคหูฟังให้ติดกับช่องทำให้การชาร์จไฟเข้าสู่หูฟังมีความต่อเนื่องไม่หลุดเวลาที่กล่องถูกกระแทก
ส่วนด้านหลังมีช่องสำหรับเสียบสาย USB-C
ในส่วนของตัวเคสด้านข้างๆ ไม่มีอะไร
ต่อกันที่ส่วนของตัวหูฟังซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของ Galaxy Buds Pro รุ่นนี้กันครับ
สำหรับหูฟังรุ่นนี้มาพร้อมดีไซน์ แบบลักษณะของหูฟังอินเอียร์ และมันยังมาพร้อมกับลำโพงไดนามิก 2 ทิศทางที่มีไดรฟ์เวอร์ใหญ่กว่าเดิม เพื่อเสียงที่สมดุลและตอบสนองต่อย่านความถี่ที่กว้างขึ้น ด้วยเสียงอันไพเราะ การันตีคุณภาพของเสียงโดย AKG ซึ่ง Galaxy Buds Pro นี้มอบประสบการณ์เสียงอันทรงพลังและสมจริงที่สุดใน Galaxy Buds ไม่ว่าจะฟังเพลงอัลบั้มใหม่หรือออดิโอบุ๊ก
หูแต่ละข้างก็จะมีส่วน TouchPad สำหรับสั่งงาน
ไมโครโฟนติดตั้งมาให้ 3 จุดแบ่งเป็น 2 จุดด้านนอก โดยอยู่ส่วนล่างที่เป็นช่องไมโครโฟนขนาดใหญ่ทำหน้าที่รับเสียงพูด ตัวที่ 2 อยู่ด้านบนสำหรับเก็บเสียงภายนอก และไมค์ตัวที่ 3 จะอยู่ด้านใน ทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันเป็นฟีเจอร์ AI Active Noise Canceling
ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Active Noise Canceling (ANC) หนึ่งในฟีเจอร์ที่เจ๋งที่สุด
แน่นอนว่ามันคือฟีเจอร์หลักที่มีในหูฟังรุ่นใหม่ๆ และแน่นอนว่าใน Galaxy Buds Pro รุ่นใหม่ก็มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนหรือ Active Noise Canceling (ANC) ด้วยเช่นกันและบอกเลยว่าในรุ่นนี้มันชาญฉลาดที่สุดในกลุ่มหูฟังไร้สายของ Samsung
และทาง Samsung เองยังออกมาการันตีว่า Galaxy Buds Pro สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ตามต้องการสูงสุดถึง 99% เลยทีเดียว ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถปรับได้ 2 ระดับคือ High กับ Low ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีหูฟังที่ทันสมัยที่สุดของ Samsung ในขณะนี้
และเมื่อคุณเลือกใช้งานในโหมด Ambient Sound ก็สามารถเลือกปรับเสียงสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ถึง 4 ระดับ สูงสุดกว่า 20 เดซิเบล รองรับการใช้หูฟังขณะขับรถบนท้องถนน อย่างน้อยก็ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่าหากต้องใส่ขณะเดินทางเราจะได้ยินเสียงรอบข้างได้
Voice Detect รับเสียงรอบข้างได้ในทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูดของคุณ
เรียกว่าหลายคนต้องถูกใจฟีเจอร์นี้ Voice Detect จะสลับโหมดจาก ANC ไปเป็นโหมดรับเสียงรอบข้าง (Ambient Sound) ซึ่งมันฉลาดชนิดที่สามารถทำงานร่วมกับโหมด Ambient Sound โดยอัตโนมัติเมื่อตัวหูฟังสามารถจับเสียงพูดที่เป็นการสนทนาได้นั้นก็จะทำการเปลี่ยนโหมดจาก ANC มาเป็น Ambient Sound พร้อมขยายเสียงสนทนาให้ดังขึ้น ทำให้เราสนทนากับบุคคลรอบข้างได้สบายๆ โดยไม่ต้องถอดหรือกดเปลี่ยนโหมดใดๆ แต่ถ้าเราหยุดพูด
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณอยู่ที่ร้านกาแฟและใช้ ANC เพื่อบล็อกเสียงรบกวนภายนอกอยู่ จะปิด ANC อัตโนมัติเมื่อคุณพูดเพื่อสั่งกาแฟกับบาริสตา
นอกจากนี้หูฟังอัจฉริยะ ยังสามารถปรับลดเสียงลงขณะที่คุณสนทนา ไม่ว่าจะใช้ Ambient Mode หรือปิด ANC อยู่ก็ตาม ระบบจะปรับลดเสียงเพลงลงพร้อมเน้นเสียงจากไมโครโฟนไปยังบุคคลที่คุณสนทนาอยู่
ฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Auto Switch
นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Auto Switch ใน Galaxy Buds Pro ตรวจพบและสลับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้ในทันที ดังนั้นเมื่อคุณดูหนังอยู่ในแท็บเล็ตแล้วมีสายเรียกเข้า Galaxy Buds Pro ก็จะสลับให้คุณได้ยินเสียงเรียกเข้านั้นจากสมาร์ทโฟนแทน จากนั้นเมื่อวางสาย Galaxy Buds Pro ก็จะกลับไปเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณสลับฟังเสียงจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์หนึ่งได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอแต่อย่างใด เบื้องต้นฟีเจอร์ Auto Switch ตอนนี้ยังใช้ได้กับ Samsung Galaxy Tab S7, Galaxy S21 Series, Galaxy Note20 Series และ Galax y S20 Series
ที่สุดแห่งคุณภาพเสียงอันเหนือชั้น คมชัดทุกการสนทนา
Galaxy Buds Pro มอบเสียงเบสที่หนักแน่นและเสียงสูงที่คมชัด กับซับวูฟเฟอร์ขนาด 11 มม. และทวีตเตอร์ขนาด 6.5 มม. ให้ผู้ฟังเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าบีทฮิปฮอป หรือดนตรีคลาสสิกที่ซับซ้อน ก็เต็มอิ่มด้วยคุณภาพเสียงที่สมดุล คมชัด และสมจริง
ไม่เพียงเฉพาะด้านความบันเทิง แต่ในยุคนี้ หูฟังยังถือเป็นไอเท็มที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการติดต่อสื่อสารเรื่องงานอีกด้วย ดังนั้นคุณภาพเสียงขณะโทรศัพท์นั้นจึงสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่ง Galaxy Buds Pro มาพร้อมไมโครโฟนถึง 3 ตัว พร้อมด้วยเทคโนโลยี Voice Pickup Unit (VPU) จึงสามารถแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งไมโครโฟนด้านนอก ยังมีค่า SNR หรืออัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวนที่สูง จึงช่วยขจัดเสียงรบกวนออกไปได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่รูปทรงของ Galaxy Buds Pro ยังได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลดการปะทะกับลม ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยีกรองเสียงลม (Wind Shield) แล้ว จะช่วยให้ทุกบทสนทนาคมชัดแม้อยู่ในพื้นที่ลมแรงนั่นเอง
เชื่อมต่อ Samsung Galaxy Buds Pro และเริ่มใช้งาน
แค่เปิดฝาตัวหูฟังก็จะ Pairing กับสมาร์ทโฟนให้ทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเพียงแค่คุณต้องทำการเปิด Bluetooth ที่สมาร์ทโฟนเครื่องที่ต้องการเชื่อมต่อ
อีกทั้งคุณยังสามารถปรับแต่ง Samsung Galaxy Buds Pro ผ่าน แอปพลิเคชัน Galaxy Wearable หรือ Samsung Galaxy Buds บน iOS
ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าฟีเจอร์หลักอย่าง Active Noise Canceling (ANC) , Ambient Sound และ Voice Detect ได้ในนี้ครับ สำหรับการแตะค้างสามารถเปลี่ยนค่าได้ โดยเข้าไปที่ Samsung Galaxy Buds Pro สำหรับ iOS และ Galaxy Wearable สำหรับ Android สามารถเลือกเปลี่ยนได้
- การปิด-ปิด Active Noise Canceling
- คำสั่งเสียง(Voice Command)
- ปรับระดับเสียง แบ่งเป็น ข้างขวา-จะเป็นการเพิ่มระดับเสียง, ข้างซ้าย-เป็นการลดระดับเสียง
การตั้งค่าคุณภาพเสียงของ Galaxy Wearable มีให้เลือก 6 รูปแบบประกอบด้วย Normal, Bass boost, Soft, Dynamic, Clear และ Treble boost
หูฟัง ซ้าย-ขวา ทำหน้าที่อะไรมาดูกัน
การควบคุมด้วยการแตะที่ตัวหูฟัง สามารถควบคุมการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น มาดูต่อกันครับว่าแต่ละข้างของหูฟังทำงานอะไรบ้าง? สำหรับการแตะสัมผัสที่หูฟังจะทำงานตามฟังก์ชั่นดังนี้
- แตะ 1 ครั้ง = เล่นเพลงหรือหยุดเพลง (Play or Pause)
- แตะ 2 ครั้ง(Double Tap) = เลื่อนเพลงถัดไป หรือ ใช้รับสายหรือวางสาย
- แตะ 3 ครั้ง(Triple Tap) = เล่นเพลงก่อนหน้า
- แตะค้างไว้(Touch and Hold) = จะเป็นการเปิด-ปิดระบบ Active Noise Canceling, ปฏิเสธการรับสาย
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
เมื่อเปิดโหมด ANC Galaxy Buds Pro จะเล่นเพลงให้คุณฟังได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง กับอีก 13 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจากเคส รวมทั้งสิ้น 18 ชั่วโมงและเมื่อปิดโหมด ANC คุณจะใช้งานได้สูงสุดถึง 28 ชั่วโมง โดยหูฟังจะเล่นเพลงได้ 8 ชั่วโมง และอีก 20 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจากเคสดังนั้นไม่ว่าจะวิดีโอคอล สังสรรค์กับเพื่อน หรือแค่ฟังเพลย์ลิสต์โปรดทั้งวัน Galaxy Buds Pro มีแบตเตอรี่เหลือเฟือที่จะทำให้คุณเชื่อมต่อและฟังสิ่งต่างๆได้อย่างยาวนานและเพลิดเพลิน
- ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว เพียงชาร์จ 5 นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 60 นาที
- Wireless PowerShare รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ทำให้คุณชาร์จไฟได้ทุกที่อย่างสะดวก เพียงวาง Galaxy Buds Pro บนด้านหลังของสมาร์ทโฟน Galaxy
แต่อายุแบตเตอรี่อาจะแตกต่างออกไปตามลักษณะการใช้งาน เช่น การตั้งค่าฟังก์ชัน, รูปแบบไฟล์ที่เปิดฟัง, และความแรงของสัญญาณ Bluetooth ด้วยเช่นกันครับ
มาตรฐาน IP57 ก็จะสามารถกันได้ทั้งฝุ่น และน้ำ / การตามหาหูฟัง
Galaxy Buds Pro มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX7 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในไลน์อัปของหูฟัง Galaxy Buds จากซัมซุง IPX7 ทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยสามารถแช่ในน้ำจืดที่ความลึก 1 เมตรได้เป็นเวลา 30 นาที ไม่แนะนำการใช้งานกับกรณีน้ำทะเลหรือสระว่ายน้ำ เพราะหูฟังไม่สามารถกันน้ำได้ระดับนั้นและอาจจะเกิดความเสียหายได้ ส่วนตัวเคสไม่กันน้ำ หากตัวหูฟังหรือมือของผู้ใช้เปียกน้ำ ต้องเช็ดให้แห้งก่อนนำไปใส่ในเคส
ส่วนใครที่ชอบทำของหายไม่ต้องกลัวเพราะ Galaxy Buds มาพร้อมกับ ฟีเจอร์ SmartThings Find ที่ช่วยระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ แม้อยู่ห่างไกลจากสัญญาณบลูทูธต่อไปไม่ต้องกลัวหูหายอีกแล้ว...
สรุปให้ฟังหลังได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Buds Pro
ดีไซน์ตัวหูฟังอาจดูเป็นตุ่มๆ นูนๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว Galaxy Buds พอใส่เข้าไปแล้วกลับดูพอดีกับใบหู ไม่ดูเทอะทะหรือยื่นออกมาจนน่าเกลียด ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างแน่นแบบพอดีกับรูหู ไม่อึดอัดหรือเจ็บหู ใส่วิ่งหรือแม้แต่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่มีลมตีแรงๆ ก็ยังไม่หลุด
สำหรับใครที่สงสัยว่า เอ๊ะ! แล้วหูฟังรุ่นนี้หาเราโทรผ่านหูฟัง แล้วจะทำงานได้ดีหรือไม่ เพราะเราเชื่อว่าหากคนที่เคยใช้หูฟังแบบนี้ มักกังวลเรื่องความเสถียรของการใช้งานหากต้องนำมันมาเป็นอุปกรณ์เสริมในการคุยสาย
ส่วนตัวหลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Buds Proมาเกือบเดือนและบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหูฟังมือถือของเราพังดังนั้นเกือบทุกครั้งที่ใช้ Galaxy Buds Live โทรออกหรือรับสาย มันสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ค่อนข้างดีครับ อีกทั้งมันยังมาพร้อมกับความสามารถในการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) คุณภาพสูงเข้าในหูฟังทั้ง 2 ข้าง ทำให้เสียงระหว่างสนทนานั้นมีความชัดเจน ปลายทางได้ยินเราชัดเจนและตัวเราเองก็คุยสายได้ดี อีกฝั่งได้ยินและสามารถคุยกันรู้เรื่อง(สบายใจได้)
Galaxy Buds Pro สามารถแยกระหว่างเสียงรบกวนกับเสียงพูดได้ สามารถสลับโหมด Ambient Sound แบบชั่วคราว และเมื่อมีการพูดคุย จะลดเสียงของคอนเทนต์ลง เพื่อให้ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองได้ชัดขึ้นโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
การเล่นเกมและดูสตรีมมิ่ง ไหนๆ เราจะต้องเสียเงินซื้อของราคาระดับนี้ไว้ใช้งานแล้วเราก็ทดลองเล่นให้ครบเลยละกัน เรื่องที่จะเล่าต่อไปคือการนำหูฟังของ มาการทดสอบเล่นเกมส์และดูซีรี่ส์อย่าง WeTv ผลที่ได้คือประทับใจนะเสียงดีและไม่มีอาการดีเลย์ให้หงุดหงิดเลย
Galaxy Buds Pro ช่วยเติมเต็ม Galaxy Ecosystem พร้อมมอบการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจากซัมซุงที่ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ดูซีรี่ส์อยู่แต่มีสายเรียกเข้ามาที่ Galaxy S21 ฟีเจอร์ Auto Switch จะทำหน้าที่ช่วยหยุดวิดีโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวิดีโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
และเมื่อตรวจจับได้ว่ามีการสนทนา Galaxy Buds Pro จะสลับโหมดจากการตัดเสียงรบกวนเป็นขยายเสียงให้แทนพร้อมลดความดังของคอนเทนต์ที่ฟังอยู่ลง เพื่อให้ผู้ใส่ได้ยินเสียงสนทนาของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยไม่ต้องถอดหูฟัง
อีกเรื่องที่อยากจะบอกว่าวิศวกรของ Samsung ทำงานออกมาได้ดีมากคือ Samsung Galaxy Buds Pro โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกล้า แม้สวมใส่ติดต่อยาวนานหลายชั่วโมงก็ตาม โครงสร้างตัวหูฟังของ Galaxy Buds Pro รุ่นนี้ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อช่วยให้ตัวหูฟังนั้นรองรับกับสรีระของหูในหลากหลายรูปแบบ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวหูฟังรุ่นนี้ถึงมาการสวมใส่นานๆ ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดครับ ใส่สบาย จนทำให้คุณลืมไปว่าคุณสวมใส่หูฟังอยู่ ที่สำคัญไม่หลุดร่วงง่ายขณะออกกำลังกาย
แต่อย่างที่บอกครับว่าสำหรับความพึงพอใจ ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบมันมาจากรสนิยมส่วนตัวล้วนๆ ดังนั้นผมหวังเพียงแค่ว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยในการประกอบการตัดสินใจใครหลายๆ ที่กำลังมองหาหูฟังแบบนี้ไว้ใช้งาน (อย่าเอารีวิวผมเป็นตัวตัดสินใจ และอย่าตำหนิผมหากคุณได้ลองเล่นแล้วเราจะรู้สึกไม่เหมือนกัน)
อย่างที่ทราบกันดีแหละครับว่าตอนนี้ในท้องตลาดมีหูฟังแบบนี้หลายค่าย หลายรุ่นให้เราได้เลือกหามาใช้งานมากมาย ดังนั้นออกไปลองเล่นและทดลองฟังกันก่อนจะเป็นการดีที่สุด เพราะของพวกนี้ราคาก็ไม่ถูกเลย ส่วนที่ถูกหลักร้อยเชื่อเถอะว่าคุณภาพมันคนละเรื่องกับของพวกนี้จริงๆ หากเราต้องเสียเงินแล้วผมก็หวังให้คุณได้สินค้าดี และมีอายุการใช้งานนานๆ ไว้ใช้กัน
สำหรับผมขอหูฟังไร้สาย Samsung Galaxy Buds Pro ถือเป็นไอเทมที่คุ้มค่ากับการเสียเงินอีกตัวในปีนี้ไปเลยครับ
Samsung Galaxy Buds Pro มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีสุดโมเดิร์นได้แก่ Phantom Black, Phantom Silver และ Phantom Violet และวางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้!