ทำความรู้จัก Data Privacy Day ที่ Apple เพิ่มความโปร่งใสและส่งเสริมผู้ใช้
การติดตามข้อมูลเแพร่หลายมากกว่าที่เคย เรียนรู้ว่าคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างไร
Data Privacy Day ซึ่งเป็นวันสร้างความตระหนักเรื่องความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ของผู้ใช้ Apple จะเฉลิมฉลอง Data Privacy Day โดยการแชร์ “A Day in the Life of Your Data” ซึ่งเป็นรายงานที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับวิธีติดตามข้อมูลของผู้ใช้ทั่วเว็บไซต์และแอพของบริษัทต่างๆ นอกจากนี้ รายงานยังแสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวในผลิตภัณฑ์ของ Apple มอบความโปร่งใสและการควบคุมให้กับลูกค้า สนับสนุนเครื่องมือ และความรู้ให้กับผู้ใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นได้อย่างไร
"ความเป็นส่วนตัวคือความสบายใจ ความปลอดภัย อีกทั้งยังแสดงถึงอำนาจในการควบคุมข้อมูลของคุณเอง" Craig Federighi รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าว "เป้าหมายของเราคือสร้างเทคโนโลยีที่รักษาข้อมูลของผู้คนให้ปลอดภัยและได้รับการปกป้อง เราเชื่อว่าความเป็นส่วนตัวคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และทีมของเราทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่เราทำเป็นไปตามค่านิยมนี้"
“A Day in the Life of Your Data” ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าบริษัทอื่นติดตามข้อมูลของพวกเขาบนเว็บไซต์และแอพ พร้อมๆ กับอธิบายเครื่องมือที่ Apple มีให้เพื่อให้การติดตามมีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งยังมอบอำนาจในการควบคุมให้ผู้ใช้มากขึ้น ผู้อธิบายยังขยายความเพิ่มเติมว่าการลงมือปฏิบัติเหล่านี้บางอย่างเป็นที่แพร่หลายเพียงใด
โดยเฉลี่ยแล้ว แอพ แอพหนึ่งจะมี "ตัวติดตาม" หกตัวจากบริษัท ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเก็บข้อมูลและติดตามผู้คนและข้อมูลส่วนตัว1 ข้อมูลที่เก็บได้จากตัวติดตามนี้จะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันแล้วนำไปแชร์ ผสานรวมเข้าด้วยกัน และนำไปแสวงหาประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถึง 227 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี
ปีที่แล้ว Apple ได้เปิดตัวคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวหลายอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 14 และ iPadOS 14 ซึ่งมุ่งช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา คุณสมบัติสองประการนี้มีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการช่วยผู้ใช้ปกป้องความเป็นส่วนตัว:
คุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวใหม่บนหน้าผลิตภัณฑ์ App Store ที่เรียกว่าฉลากแสดงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัว Apple จะกำหนดให้ทุกแอพมีฉลากนี้ รวมถึงแอพของ Apple เอง เพื่อให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของนักพัฒนา หน้าผลิตภัณฑ์ทุกหน้าบน App Store มีข้อมูลแบบมาตรฐานที่อ่านง่ายตามแนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลที่นักพัฒนาได้แจ้งไว้ ฉลากแสดงแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลของแอพ รวมถึงว่าข้อมูลถูกใช้เพื่อติดตาม เชื่อมโยง หรือไม่เชื่อมโยงถึงพวกเขาด้วย
และในเร็วๆ นี้ สำหรับอัพเดทเวอร์ชั่นเบต้าถัดไปของ Apple ความโปร่งใสของการติดตามแอพจะกำหนดให้แอพขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนติดตามข้อมูลในแอพหรือเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ ผู้ใช้จะสามารถดูได้ภายใต้หัวข้อการตั้งค่าว่าแอพไหนขออนุญาตติดตามและทำการเปลี่ยนแปลงตามเห็นสมควร ข้อกำหนดนี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างแพร่หลายในต้นฤดูใบไม้ผลิพร้อมกับการเปิดตัวการอัพเดท iOS 14, iPadOS 14 และ tvOS 14 และได้รับการสนับสนุนจากผู้รณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวทั่วโลก
องค์กรด้านความเป็นส่วนตัวต่างยกย่องความเป็นผู้นำของ Apple
Gus Hosein จาก Privacy International: "PI สืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับนายหน้าหาข้อมูลและบริษัทด้านเทคโนโลยีโฆษณาแล้วพบว่านี่คือธุรกิจที่ซับซ้อน เติบโตเร็ว และมีความคลุมเครือสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และที่ใดที่ขาดความโปร่งใส ย่อมเปิดโอกาสให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ นอกจากนี้การเก็บข้อมูลแบบลับๆ และให้เปล่ายังทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ของตนเองในการปกป้องความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
แต่ฉลากแสดงข้อมูลความเป็นส่วนตัวของ Apple ทำให้ธุรกิจทั้งวงการต้องแจ้งผู้ใช้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน ทั้งยังมีเครื่องมืออย่าง App Tracking Transparency ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการรั่วไหลของข้อมูลแบบไม่รู้ตัวได้ และนวัตกรรมที่น่าชื่นชมเหล่านี้ก็คือสิ่งที่จะช่วยกดดันให้ธุรกิจนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด
จริงอยู่ว่าความตระหนักรู้ของลูกค้าและโซลูชั่นทางเทคนิคมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหานี้ แต่การจะป้องกันไม่ให้เกิดการหาทางหนีทีไล่แบบแมวจับหนูระหว่างแต่ละฝ่ายในธุรกิจนี้ เราจำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่เป็นรูปเป็นร่างและบังคับใช้ได้จริงเพื่อยับยั้งการแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลของเรา"
Jeff Chester จาก Center for Digital Democracy "เครื่องมือใหม่ๆ ของ Apple สำหรับจัดการกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น และวันนี้นายหน้าหาข้อมูลรวมถึงผู้โฆษณาออนไลน์ก็จะต้องทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นเมื่อเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่นของบริษัทอื่นบนอุปกรณ์ Apple"
Michelle Richardson จาก Center for Democracy and Technology "ผู้ใช้ทั่วไปต้องหลงกลติดกับเครือข่ายการติดตามข้อมูลและเจาะจงเป้าหมายโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็จะช่วยปรับสมดุลในระบบนิเวศเพื่อให้การเก็บและแชร์ข้อมูลนั้นมีความโปร่งใส่มากขึ้น และไม่มีการติดตามตั้งแต่เริ่มแรกอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบในระดับนี้ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญสำหรับผู้ใช้เลยก็ว่าได้"
ความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในธุรกิจนี้ อย่างการติดตามข้อมูลนั้น เป็นเพียงก้าวแรกสู่ประสบการณ์ด้านความเป็นส่วนตัวที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังต้องการคุณสมบัติและการควบคุมเพื่อตัดสินใจว่าจะมีการนำข้อมูลไปใช้อย่างไร และโดยใคร และ Apple ก็เป็นผู้นำในวงการนี้โดยการใส่มาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวไว้ในผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของบริษัท
Apple เปิดตัวเทคโนโลยีมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และช่วยรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น Safari เป็นเบราว์เซอร์ตัวแรกที่บล็อคคุกกี้ของบริษัทอื่นเป็นค่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2005 ส่วนใน iOS 11 และ macOS High Sierra นั้น Safari ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติ "การป้องกันการติดตามอัจฉริยะ" เพื่อจำกัดการติดตามมากขึ้นไปอีกในขณะที่เว็บไซต์ยังคงทำงานได้ปกติ ต่อมาในปี 2018 ทาง Apple ได้เพิ่มมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการสะกดรอย Mac ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทอื่นใช้ในการระบุอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอ้างอิงจากข้อมูลอย่างฟอนต์และปลั๊กอิน
เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของคุณสมบัติและการควบคุมความเป็นส่วนตัวอีกมากมายที่ Apple ให้มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple ที่ apple.com/th/privacy