รีวิว ROG Zephyrus Duo 15 SE คอมพิวเตอร์เล่นเกมตัวใหม่สเปก 2 หน้าจอ สเปกไปให้สุดทาง
นอกจาก ASUS จะเปิดตัว TUF Gaming A15 ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้วยังคงมีอีกรุ่นที่น่าสนใจอย่าง ROG Zephyrus Duo 15 SE ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบ 2 หน้าจอรุ่นใหม่ล่าสุด และมีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบได้ล้ำและเมื่อเครื่องเล่นเกมมี Screenpad Plus อีกจอมันจะใช้งานอะไรได้ ทีม Sanook Hitech ขอนำเสนอรีวิว ROG Zephyrus Duo 15 SE
ภายในกล่องของ ROG Zephyrus Duo 15 SE ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง ROG Zephyrus Duo 15 SE
- ที่รองมือ
- คู่มือ
- ที่ชาร์จ DC-IN กำลัง 280W
- ที่ชาร์จ USB-C Adapter กำลัง 100W
รูปลักษณ์ดีไซน์ ROG Zephyrus Duo 15 SE
เริ่มต้นกับการออกแบบฝาหน้าที่เป็นดีไซน์ใหม่ล่าสุดพร้อมกับโลโก้ดวงตา ROG ที่ยังไม่มีไฟเรืองแสงแต่มีการตัดขอบแบ่ง Layer ที่สวยงาม
รอบตัวเครื่องออกแบบด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงและน่าใช้งานพร้อมกับช่องระบายอากาศโดยรอบ ฝั่งซ้ายจะมี MicroSD, DC-IN พร้อมกับช่องเสียบหูฟังที่รองรับ ไมโครโฟน
ฝั่งขวาจะมีช่องเสียบ USB ทั้ง 2 ช่องและมี USB-C รองรับการชาร์จไฟในรูปแบบ Power Delivery หรือ PD
ส่วนบนจะมีบานพับ, ช่องระบายอากาศ, USB-A, HDMI และช่องเสียบ LAN RJ-45
ส่วนหน้าจะมีที่เปิด เมื่อผลักไปได้มากสุดที่ 178 องศา พร้อมกับ Screenpad+ จะยกตัวเองอัตโนมัติ
และข้างใต้มาพร้อมกับช่องระบายความร้อนและมีลำโพงที่อยู่ตรงด้านข้างทั้งซ้ายและขวา
เมื่อเปิดฝาเครื่องจะพบว่าตัวเครื่องมีความอลังการในแบบฉบับของ ROG Zephyrus แบบเดิมๆ มาแต่ว่าสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือหน้าจอ ScreenPad+ (ใต้เครื่องจะมีลำโพงอีกชุด) ส่วน Keyboard แบบ RGB และมีการปรับปรุงปุ่มใหม่อยู่ด้านล่างสุด ส่วน Numpad ถูกซ่อนในตำแหน่งที่ใช้งาน
ส่วนหน้าจอของเครื่องมีขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วแบบขอบตัวเครื่องชิดและเป็นหน้าจอแบบด้านลดการสัมผัสหน้านั่นเองครับ
ภาพรวมการออกแบบ
ROG Zephyrus Duo 15 SE เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสเปกของเครื่องที่มาครบเครื่องทั้งการออกแบบสวยงามที่มีการยกระดับเครื่องให้ดูดี และมีกลไกการยกหน้าจอส่วนล่างขึ้นมา ทำให้สัมผัสได้ง่ายขึ้น แต่ด้านบนไม่ได้เป็นจอสัมผัสเลยครับ
เปิดเครื่องลองประสิทธิภาพของ ROG Zephyrus Duo 15 SE
รายละเอียดสเปกของ ROG Zephyrus Duo 15 SE (สเปกที่ได้รีวิว)
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว LED Backlit ความละเอียด 3840x2160 พิกเซล Refresh Rate 120Hz Adaptive 2
- หน้าจอแสดงผลสำรอง Screenpad 2
- ขนาด : 36.0 x 26.8 x 2.09 ~ 2.09 เซนติเมตร
- หนัก : 2.48 กิโลกรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล : AMD Ryzen™ 9 5900HX Processor 3.3 GHz (16M Cache, up to 4.6 GHz)
- ชิปประมวลผลกราฟิก : NVIDIA® GeForce® RTX 3080 , with 16GB GDDR6 VRAM
- RAM : แบบ DDR4 3200MHz SDRAM ในเครื่องใส่มาให้ 16GB อัปเกรดได้ 64GB
- ความจุ(ROM) : SSD 1TB อัปเกรตได้ด้วยการเพิ่มแถว
- กล้องหน้า : HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- 1x HDMI 2.0b
- 3x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery
- 1x RJ45 LAN port
- 1x card reader (microSD) ลำโพง : 2x Tweeter พร้อมระบบเสียง DTS:X Ultra 2x 4W Smart Amp Technology
- ไมโครโฟน : 2 ตัว พร้อมกับระบบ AI Noise Canceling
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 10 64 Bit
- แบตเตอรี่ขนาด 90 Wh ที่ชาร์จแบบ 280W Power Adapter แบบ DC-IN แต่ชาร์จไฟกับ USB-C ได้สูงสุดกำลัง 100W
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อเห็นสเปกแบบนี้ถือว่าค่อนข้างแรงใช้ได้เลยทีเดียวเพราะการทดสอบประสิทธิภาพที่ออกมาถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวนอกจากนี้หากนำคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไปตัดต่อกับเรื่องของวิดีโอ หรือเน้นการออกแบบภาพต่างๆ ถือว่าทำได้ดีเลยครับ ส่วนการออกแบบการระบายอากาศของเครื่องก็มีเทคโนโลยีค่อนข้างสูงทำให้เกิดการระบายความร้อนที่รวดเร็วมากมาย และยังให้มีระบบกันฝุ่นอย่างดี
ส่วนตัวช่วยในการเล่นเกมของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ก็คือ Armoury Crate ที่จัดการในรูปแบบต่างๆ ของการทำงานตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถปรับแต่งระบบเสียงพร้อมกับฟีเจอร์ AI Noise Canceling ก็เปิดจากตรงนี้ได้
การแสดงผลหน้าจอ
หน้าจอของ ROG Zephyrus Duo 15 SE จะมาพร้อมกับขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 3840x2160 พิกเซล ถือว่าให้สีสันที่ตรงและค่า Refresh Rate 120Hz
ส่วนระบบเสียงนั้นจัดเต็มเพราะมีทั้งลำโพงปกติและ Tweeter ทั้งหมดสามารถปรับตั้งค่าได้ครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์หลักของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบปฏิบัติการ ของ ROG Zephyrus Duo 15 SE จะมาพร้อมกับ Windows 10 แต่ไม่มีระบบความปลอดภัยเช่นในการสแกนลายนิ้วมือหน้าใบหน้าแต่อย่างใด
ส่วนลูกเล่นหลักๆ จะเป็น
My ASUS โปรแกรมตรวจสอบสถานะของเครื่องว่าใช้งานเป็นอย่างไรและมีปัญหาหรือไม่และยังมีฟีเจอร์มากมายเช่น
- การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen
- อัปเดต Software ภายในเครื่อง
- AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้
- ติดต่อกับ Call Center ผ่านเครื่องได้
- โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่
- Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ, File, แชร์หน้าจอ เป็นต้น
Armoury Crate โปรแกรมควบคุมและเป็นศูนย์กลางของเครื่องตระกูลเล่นเกมที่สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพ, ไฟเรืองแสงของเครื่องและรวมไปถึงการปรับระบบไมโครโฟนของเครื่องเป็นต้น
แต่ที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นคือ Screenpad+ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์สลับการใช้งานทั้งในแบบ Multi-Tasking และสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและยังสามารถ แถมยังทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ เช่น เป็นเครื่องมือจัดการต่างๆ ครบไม่ว่าจะเป็น Adobe Premiere Pro เป็นต้น
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ในเรื่องขนาดแบตเตอรี่อยุ่ที่ 90Wh ถือว่าเยอะอยู่ แต่การทดสอบประสิทธิภาพ จากการใช้งานจริงสามารถทำงานเอกสารได้นานสุดที่ 9 ชั่วโมง โดยหน้าจอ Screenpad+ จะต้องปิด แต่ถ้าเปิดจะเฉลี่ยที่ 7 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังไม่รวมกับการเล่นเกมที่จะอยู่ได้สั้นกว่า อาจจะต่ำถึง 5 ชั่วโมง แต่คอมพิวเตอร์ระดับนี้ถือว่านานแล้วครับ
เพื่อสมกับเป็นเครื่องที่มีราคาสูงกว่ารุ่นนอื่น ROG Zephyrus Duo 15 SE ก็จะมีที่ชาร์จติดกล่องมาให้ทั้งหมด 2 แบบทั้งแบบเล็กแบบ USB-C กำลังสูงสุด 100W เหมาะกับการนำไปข้างนอกเพราะขนาดเล็กกว่า และ 280W แบบ DC-IN จะเมหาะกับไว้กับที่บ้านเพราะขนาดค่อนข้างใหญ่
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้ ROG Zephyrus Duo 15 SE มาสักระยะเวลาหนึ่ง
ถือว่าเป็นอีกความประทับใจหนึ่งของการทดลองใช้คอมพิวเตอร์ Gaming ทั้งสเปกจัดเต็มและมีดไซน์ที่แปลกตาจากเดิม ถือว่าเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่เบาครับ อย่างไรก็ตาม ROG Zephyrus Duo 15 SE จะมีจุดอ่อนคือขนาดตัวเครื่องใหญ่ ปุ่มกดอาจจะไม่กดสบายเท่ากับคอมพิวเตอร์แบบทั่วไป จนต้องมีอุปกรณ์เสริมสำหรับรองข้อมือมาให้ และค่อนข้างกินไฟเมื่อเล่นเกม
ส่วนราคาคอมพิวเตอร์รุ่นนี้จะเริ่มต้นที่ 99,990 บาท เหตุผลที่สูงขนาดนี้นอกจากเรื่องสเปกของเครื่องแล้วยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่มาเต็มไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหน้าจอ 2 ช่วยทำงานได้ รวมไปถึงสเปกเครื่องที่แรง แต่ไม่อยากได้สเปกเป็น Intel รุ่นนี้ถือว่าเลือกซื้อไว้ได้เลยครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์เครื่องสวยงาม
- หน้าจอมีให้เลือกใช้ทั้งด้านบนและล่างขยายการทำงานได้
- การระบายความร้อนทำได้ดี
- ขุมพลังเครื่องรุ่นล่าสุดเร็วและทำงานได้ดี
- USB-C สามารถชาร์จไฟได้แล้ว
- ที่ชาร์จมาให้แบบครบครัน
ข้อสังเกต
- Screenpad+ ไม่สามารถปรับองศาได้เอง
- น้ำหนักเครื่องค่อนข้างมาก
- ราคาสูงไปหน่อย