รีวิว Mi 11 Ultra เรือธงสเปกท็อปของจริง พร้อมกล้องกว้างสุด และ ซูมไกลสุด 120 เท่า
หลังจาก Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 11 ไปไม่นานหลายคนก็ถามถึง Mi 11 Ultra ขั้นสุดและขั้นกว่าของมือถือตระกูลนี้ จะเปิดตัวและให้ได้ทดลองเมื่อไหร่ ไม่ต้องให้รอนานครับ พบกับรีวิว Mi 11 Ultra กันเลย พูดเลยว่า ควรอ่านให้จบ เพราะแต่ละลูกเล่นของมัน จัดเต็มจริงๆ มาติดตามกับทีม Sanook Hitech กันเลยครับ
แกะกล่อง Mi 11 Ultra
ภายในกล่องของ Mi 11 Ultra จะประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Mi 11
- เคสใส ติดเครื่องพร้อมกับเครือบสารต่อต้านการเกิด แบคทีเรีย
- ตัวแปลง USB-C เป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร (ชิ้นนี้ที่จริง Mi 11 ก็มีให้นะครับ)
- คู่มือ
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- สายชาร์จไฟ USB
- Adapter กำลัง 67W แบบ GaN
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Mi 11 Ultra
เริ่มต้นกับดีไซน์ด้านหน้าของ Mi 11 Ultra จะมาพร้อมกับขนาด 6.81 หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED พร้อมกับกระจกครอบแบบ Gorilla Glass Victus ความละเอียด WQHD+ ส่วนการสู้แสงทำได้ดีมาก เพราะความสว่างจัดเต็มถึง 1700 nits
ส่วนบนจะมีลำโพงสนทนา กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รวมไปถึงเซนเซอร์ต่างๆ ของหน้าจอเช่นเดียวกัน ส่วนติ่งของกล้องสามารถกดปิดได้โดยการเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > การแจ้งเตือนและศูนย์ควบคุม (Notification & Control Center)
ส่วนล่างจะเป็นปุ่มควบคุมของระบบ Android เบื้องต้นจะเป็นค่า การนำทางแบบปุ่ม แต่สามารถเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ Setting (ตั้งค่า) > Home Screen (หน้าจอหลัก) > Navigation การนำทาง สามารถเปลี่ยนได้ 2 แบบคือ
- ปุ่ม
- การปัดด้วยท่าทาง
นอกจากนี้ยังมีการทำปุ่มลัดและการปิดใช้งานปุ่มลัดอัตโนมัติอีกด้วย
รอบตัวเครื่องยังคงใช้เฟรมโลหะอะลูมิเนียมเหมือนเดิม แต่ว่าคุณจะเห็นกล้องนูนด้านหลังจนวางเครื่องจะตั้งชันขึ้น ฝังซ้ายจะไม่มีอะไร
ฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่ม Power ไว้สำหรับเปิด เครื่องและเข้าสู่โหมดพักเครื่อง
ส่วนบนจะมีลำโพงตัวที่ 2 พร้อมกับ IR Blaster สำหรับสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและมีไมโครโฟน พร้อมกับ Sound By Harman / Kardon รับรองคุณภาพเสียงของเครื่อง
ส่วนล่างสุดของเครื่องจะมี ช่องใส่ซิมรองรับการใส่ซิมแบบ 2 Nano SIM, USB-C ไมโครโฟน และลำโพงตัวหลักสำหรับการปล่อยเสียงทั้ง Speaker และความบันเทิง
พลิกมาด้านหลัง จะพบกับกล้องหลังที่มีทั้งหมด 3 ตัวและมีหน้าจอด้านหลังที่แสดงผลได้ทั้งเวลา, ภาพ, ข้อความ แถมยังสามารถช่วยให้แบบดูว่าภาพที่ถ่ายออกมาเป็นอย่างไรได้ด้วย ภายในก็จะมี NFC, รองรับระบบชาร์จไฟไร้สายมาให้ครบ และเป็นกระจก แต่สีขาวจะเป็นเซรามิค
ภาพรวมการออกแบบ
จากที่ได้สัมผัส Mi 11 Ultra มาสักระยะเวลาหนึ่งต้องบอกว่างานออกแบบของเครื่องถือว่าเป็นจุดเด่นและมีเอกลักษณ์อย่างมากเลยทีเดียว การออกแบบจะเน้นไปเรื่องความสมดุลในการวางกล้องให้อยู่ด้านหลังและเรียบไปทั้งหมด และวัสดุที่เลือกมาถือว่าแข็งแรงทนทาน จึงทำให้น้ำหนักตัวเครื่องสูงถึง 234 กรัม ฟังดูแล้วก็หนัก และจริงหนัก แต่ถ้าถือแล้วถือว่าสมดุลอยู่
ส่วนสีสันของ Mi 11 Ultra มีให้เลือกแค่ 2 สีได้แก่ สีดำ (Ceramic Black) และ สีขาว (Ceramic White) เท่านั้น
เปิดเครื่องลองใช้งาน Mi 11 Ultra
รายละเอียดสเปกของ Mi 11 Ultra
- หน้าจอ SuperAMOLED พิกเซล ขนาด 6.81 นิ้วความละเอียดระดับ WQHD+ พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz, Dolby VISION ความสว่างสูงสุด 1,700 Nits
- หน้าจอหลัง AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว แสดงผลเป็น Always On Display
- ขนาดตัวเครื่อง 164.3 x 74.6 x 8.4มม.
- น้ำหนัก 234 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888
- กราฟิก : Adreno 660
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB LPDDR5
- หน่วยความจำภายในความจุ 128/256GB
- การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AXหรือ Wi-Fi 6E (ยังไม่เปิดให้ใช้งานในเมืองไทย), Bluetooth 5.2, 5G / 4G
- ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย Harman / Kardon
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ 1 / 1.2 นิ้ว + PDAF, OIS, LED Flash, Dual Pixel
- เลนส์ Telephoto (Perscope) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซูมได้แบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom ไกลสุด 120 เท่า, PDAF, OIS
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล PDAF 128 องศา
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับ Fast Charge 67W(แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi Wireless กำลัง 67W จ่ายไฟออก หรือ Power Share กำลัง 10W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
- สี ขาว (เซรามิค) และ ดำ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ / ทดลองเล่นเกม
ผลการทดสอบ AuTuTu ทำได้สูงสุดที่ 784,818 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 ทำได้สูงสุด Single Core 1,100 คะแนน | Multi Core = 3,233 คะแนน
หมายเหตุ : การทดสอบเกิดขึ้นในโหมดปกติ ไม่ได้ใช้ Game Turbo หรือ การเร่งประสิทธิภาพใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้เครื่องเย็นและกดรันตามปกติ
เรียกได้ว่าคะแนนในเรื่องประสิทธิภาพทำได้ดีที่สุดในบรรดามือถือเรือธงเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ในส่วนของคะแนนไม่ได้ตัดสินว่ามือถือรุ่นนี้ดีแค่ไหน แต่เรื่องของการเล่นเกม Mi 11 Ultra มีฟีเจอร์ Game Turbo ปรับแต่และคอยปิด Notification รบกวนการใช้งานของเราได้อย่างดี แต่ว่าเมื่อเล่นเกมไปนานๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะอยู่ราวๆ 43 – 45 องศา บางครั้งถ้าเล่นนานจะแตะ 50 องศา ได้ในบางที
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย
Mi 11 Ultra จะมาพร้อมกับ การรองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2, และสามารถใช้งาน GPS, A-GPS ในการใช้นำทางด้วย
การแสดงผล / ระบบเสียง
หน้าจอของ Mi 11 Ultra จะมาพร้อมกับค่าเสียมากถึง 1 พันล้านสีเป็นจอแบบ AMOLED มีค่า Refresh Rate 120Hz แต่ไม่ได้เป็น Adaptive (แปรผันตามการใช้งานเหมือนกับเรือธงตัวอื่นๆ ) โดยหน้าจอรุ่นนี้จะรองรับ Dolby Vision ให้สีที่สวย ส่วนขนาดนั้นเท่ากันกับ Mi 11 แต่ความสว่างต่างกันที่ 1700 nits อีกครับ
ส่วนระบบเสียงจากลำโพงคู่พัฒนาโดน Harman / Kardon และยังมีระบบเสียง Dolby ATMOS มาให้ด้วย โดยลำโพงของเครื่อง Mi 11 Ultra ถ้าเทียบกับลำโพงของ Mi 11 จะค่อนข้างใหญ่กว่าทั้งด้านบนและด้านล่าง จุดเด่นคือเสียงที่มาพร้อมกับความอิ่มของเสียงดีกว่า Mi 11 พอสมควร ความใสพอมี เบสโดดเด่นและเครื่องดนตรีเด่นชัดมาก
และยังสามารถปรับรูปแบบให้เข้ากับหูฟังของ Xiaomi หรือ 1More ได้อีกด้วย
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ Mi 11 Ultra มาพร้อมกับ Android ครอบทับภายในการควบคุมของ MIUI 12.5 ที่มากับกล่องเลยครับ จุดเด่นคือในเวอร์ชั่นนี้จะมีน้ำหนักเบากว่าและทำให้โหมดได้เร็วมากขึ้น เพราะโปรแกรมรบกวนน้อยลงกว่าเดิม และยังสามารถแบ่ง Multi Tasking หรือการทำหน้าจอ 2 หน้าจอได้ดีเหมือนเดิม
Mi 11 Ultra จะเป็นมือถือรุ่นเดียวของ Mi 11 Series ที่จะมีฟีเจอร์ปรับแต่งหน้าจอหลัง โดยเข้าไปใน Setting (ตั้งค่า) > Special Features (คุณลักษณะพิเศษ) > Rear Display (จอแสดงผลด้านหลัง) สามารถเลือกเป็น 3 รูปแบบได้แก่
- นาฬิกา
- ข้อความ กำหนดได้และแสดงผลภาษาไทยได้
- รูปภาพ ที่ระบบจัดมาให้ หรือ คุณสามารถเพิ่มเองได้ แนะนำว่าถ่ายเป็นแนวตั้งจะเหมาะสมกว่า
และนอกจากนี้ยังให้มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อความเช่น สามารถแสดงผลได้ และหน้าจอสามารถตั้งเวลาในการปิดได้ และยังสามารถตั้งค่าทำงานร่วมกับโหมดประหยัดพลังงานช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น 55 ชั่วโมง แม้แบตฯเหลือ 10%
แต่ถ้าจะตั้งให้คุณถ่ายภาพจะต้องเข้าไปกดที่เมนูของกล้องแล้วแสดงผลจอหลัง ไม่สามารถใช้ถ่ายวิดีโอได้
ฟีเจอร์หลักๆ ของ Mi 11 Ultra จะมาพร้อมกับลูกเล่นครบในแบบฉบับของ Xiaomi ยังเน้นเรื่องของการใช้งานจริงเช่น เครื่องอัดเสียง, เครื่องอัดภาพหน้าจอ, Mi Remote ไว้สำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องคิดเลข และ Application ของ Google หากไม่พอ สามารถดาวน์โหลดเพิ่มด้วย Google Play Store นอกจากนี้ในส่วนนของ Gallery สามารถปรับแต่งภาพได้หลากหลาย โดยสามารถลบวัตถุออกจากภาพได้ผ่านฟีเจอร์ AI Easer 2.0 หรือจะปรับแต่งวิดีโอได้ในตัว
ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องของ Xiaomi Mi 11 Ultra นั้นยังคงให้กล้องหลัง 3 ตัวและ กล้องหน้า 1 ตัวประกอบด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + PDAF, OIS, LED Flash, Dual Pixel
- เลนส์ Telephoto (Perscope) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซูมได้แบบ Optical 5 เท่า และ Digital Zoom 120 เท่า, PDAF, OIS
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล PDAF มุมกว้าง 128 องศา
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล F/2.2 ไม่มีระบบ Auto Focus
ฟีเจอร์ของกล้อง Mi 11 Ultra
หน้าตาเมนูกล้องยังไม่เหมือนกับ Xiaomi ทั่วไป แต่ลูกเล่นของกล้อง Mi 11 Ultra ที่มาครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น โหมด โปรที่สามารถตั้งให้บันทึกเป็นแบบ RAW File และยังมีฟิลเตอร์เยอะมาก พร้อมกับ Telephoto ทำให้ซูมได้ไกลมากขึ้น และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับจอภาพที่เปิดให้คนถ่ายอยู่หน้าเลนส์รู้ว่าต้อง Action ท่าอะไร
ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้นก็ยังคง มีลูกเล่นครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K 24 FPS, 4K 60 FPS, 1080P 240 FPS ลูกเล่นมาแบบเต็มๆ ทั้งสามารถถ่ายแบบปกติ, ใส่ฟิลเตอร์ เลือกความฟรุ้งฟริ้งได้ และยังมีโหมดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น
- Movie Effect มีให้เลือกภายในตั้งแต่, Slow Shutter, Magic Zoom ซูมไปหาคนอยู่กลาง Object, Night Timelaspe จะปรับรูรับแสงและแสงอัตโนมัติระหว่างการถ่ายวิดีโอในแบบ Timelaspe, Mirror หรือ กระจกสะท้อน และรวมถึงโหมด หยุด สิ่งรอบข้างได้
- VLOG เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการถ่ายวิดีโอสั้นแต่ขอแต่งสำเร็จรูป
- วิดีโอสั้น
- Multi Cam การถ่ายวิดีโอคู่ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง หรือ กล้องอื่นๆ และยังมีโหมดสำหรับแยกกล้องถ่ายได้ในเวลาเดียวกันประโยชน์คือ ถ้าคุณต้องการถ่ายวิดีโอ 2 ระยะ พร้อมกันหรือกล้องหน้าพร้อมกับกล้องหลังแต่แยก File มันสามารถทำได้เลย
- ถ่ายวิดีโอแบบโคลนนิ่งบุคคลได้อีกด้วย
- วิดีโอ โปร จะอยู่ในโหมด โปร บอกเรื่องกราฟเสียงและรายละเอียดต่างๆ พร้อมกับ L LOG ก็สามารถใช้ถ่ายได้ครับ
ข้อสังเกตหนึ่งคือ การซูมด้วยโหมดวิดีโอจะมีระยะแต่ละปุ่มไม่เท่ากัน ดังนั้น จะใช้ระยะแบบไหน ต้องกดแย่งตั้งแต่เริ่มไม่งั้น ผลงานอาจจะไม่ดีตามที่หวังได้ครับ
ตัวอย่างภาพจาก Mi 11 Ultra
ภาพกลางวัน / แสงปกติ
ภาพกลางคืน / แสงน้อย
ภาพรูปแบบอื่นๆ
ภาพจากกล้องหน้าของ Mi 11 Ultra ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
ส่วนฟีเจอร์กล้องหน้าก็ยังคงให้ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p(60FPS) เท่านั้น และมีลูกเล่นมาแบบครบ การปรับ Beauty Mode, ละลายหลังได้ด้วย โดยรวมไม่แตกต่างจาก Mi 11 สักเท่าไหร่
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
ขนาดแบตเตอรี่ของ Mi11 Ultra มีขนาด 5000 mAh ด้วยการทดลองของเราก็จะมีการใช้งาน PC Mark รันไปจนแบตเตอรี่ 100% เหลือที่ 19% พบว่าใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการใช้งานหนักๆ แล้วก็ทำได้ราวๆ 11 ชั่วโมงกว่าถือว่าอึดพอสมควร (ถ้าดูจากขุมพลังนะ) ทั้งนี้มันจะแปรผันตามการใช้งานของเราด้วย
ส่วนระบบชาร์จไฟของมือถือรุ่นนี้ก็ทำได้แรงสุดในบรรดามือถือเรืองเพราะมาพร้อมกับกำลังชาร์จไฟ 67W แบบสาย (มีให้ในกล่อง) และ Wireless Charging กำลัง 67W ที่ต้องหาอุปกรณ์เสริมเอง สามารถชาร์จไฟจาก 0 – 100% ในเวลา 36 นาที ทีมได้ทดลองแล้วพบว่ามันทำได้จริง ในแบบสาย แต่ถ้า Wireless ต้องใช้ของเฉพาะ Xiaomi ที่ต้องซื้อออนไลน์จากประเทศจีนเท่านั้น และยังใจดีจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยกำลัง 10W
สรุปหลังจากทดลองทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน Mi 11 Ultra มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็นอีกมือถือเรือธงที่ครบเครื่องและอัปเกรดจาก Mi 11 เดิมอย่างชัดเจน มาพร้อมกับสเปกของเครื่องที่มาพร้อมกับ MIUI 12.5 และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการซูมที่ครบเครื่องกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Ultra Wide, การเล่นเกมที่ดีและได้ RAM เยอะ นี่ถือว่าเป็นมือถือ Android ในราคาไม่แพงเกินไป
สำหรับราคาของ Xiaomi Mi 11 Ultra จะมีราคาอยู่ที่ 33,990 บาท มาพร้อมกับโปรโมชั่นจะมีรายละเอียดดังนี้
- ลำโพง Harman / Kardon Onxy Studio 5
- Mi True Wireless Earphone Basic 2
- Mi Smart Band 4C
- ประกันตัวเครื่อง 2 ปี
แต่ที่สำคัญและต้องทำดอกจันตัวใหญ่ๆ คือ มีจำหน่ายเพียง 100 เครื่องเท่านั้น ซึ่งเนื่องจากสถานการณ์ชิปขาดตลาดทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากขนาดนั้น ใครที่สนใจสามารถกดซื้อได้ เฉพาะ JD Central เท่านั้น ส่วนรีวิวเจอกันเร็วๆ นี้
เรียกได้ว่าถ้าใครเน้นมือถือเรือธงที่เน้นเรื่องการซูมไกล และ มุมกล้องกว้าง ที่สเปกจัดหนักจัดเต็มนี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าคบหามากๆ เลยครับ เพราะถ้าช้าไปกว่านี้ พูดเลยว่า ไม่มีอีกแล้ว
จุดเด่น
- งานออกแบบดูดีวัสดุมีคุณภาพสูง
- น้ำหนักตัวเครื่องเหมาะกับการถือถ่ายภาพ
- สเปกของเครื่องใหม่ล่าสุดและแรงกว่าเพื่อน
- กล้องจัดมาเต็มซูมไกลและกว้างกว่าใคร
- MIUI 12.5 น้ำหนักเบากว่าเดิม
- ชาร์จไฟเร็วมาก
- แบตเตอรี่ถือว่าอึดดี
ข้อสังเกต
- ตำแหน่งกล้องค่อนข้างจะยื่นจากเครื่องมาก ต้องระวังในการพกพา
- ความร้อนระหว่างการทำงานสูงเพราะ CPU ค่อนข้างแรง
- การซูมวิดีโอ จะต่อเนื่องกับรูปแบบ 1080p / 4K 30 FPS เท่านั้น
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ