เปิดตัว ASUS Zenfone 8 จอ 5.9 นิ้วสเปกเรือธง และ Zenfone 8 Flip กล้องหมุนได้
แม้ว่า ASUS จะยกเลิกการเปิดตัว Zenfone 8 / Zenfone 8 Flip ในประเทศอินเดียแต่ว่าทั้งโลกก็คงต้องดำเนินต่อไป โดนมือถือรุ่นนี้จะเน้นเรื่องสเปกที่คุ้มค่าและมีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน
ASUS Zenfone 8
เริ่มต้นกับมือถือตัวเล็กแต่สเปกหนัก โดยมีขนาดเครื่อง 148x68.5x8.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 169 กรัม โดยมีขนาด เล็กกว่า iPhone 12 Mini และ Xperia 5 III แต่มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 888 พร้อมกับ Android 11 มาพร้อมกับ ZenUI 8 โดยดเป็นการปรับแต่งจาก Android Stock น้อยมาก
หน้าจอเลือกใช้ของ Samsung E4 เป็นแบบ AMOLED แต่มีขนาด 5.9 นิ้วความละเอียด 1080p อัตราส่วนภาพ 20:9 เท่านั้นครอบบนกระจก Gorilla Glass Victus กันน้ำในแบบ IP68 รองรับค่า Refresh Rate 120Hz และค่าสัมผัสหน้าจอ หรือ Touch Sampling Rate ที่ 240 Hz รองรับค่า HDR10+, DCI-P3 ความสว่าง 1,100 nits
ส่วนกล้องนันมาให้แค่ 2 ตัวคือกล้องปกติ 64 ล้าพนิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX686 พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี Dual Pixel Autofocus, Quad Bayer มีระบบ OIS และเก็บเสียงโดยใช้เทคโนโลยี OZO ทำให้ซูมเสียง และ จัดการ Noise ได้ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับ Dual PDAF
นอกจากนี้ระบบเสียงก็มาพร้อมกับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แต่มีการติดตั้ง ระบบ Dirac HD และมี dual Cirrus Logic mono amps รองรับ FM Radio
แบตเตอรี่ของเครื่องมีขนาด 4000 mAh พร้อมกับช่องเสียบชาร์จไฟเป็นแบบ USB-C พร้อมกับรองรับกำลังชาร์จไฟ 30W และผ่านมาตรฐาน PD, Quickcharge 4.0 และยังรองรับ Wi-Fi 6E, และมีความจำ 128 – 256GB พร้อมกับ RAM ให้เลือกตั้งแต่ 6 – 16GB และมีให้เลือก 2 สีคือ Horizon Silver และ Obsidian Black ส่วนราคาคากว่าจะอยู่ที่ 600 – 670 ยูโร หรือประมาณ 22,xxx – 25,xxx บาท
ASUS Zenfone 8 Flip
อีกรุ่นที่เปิดตัวคือ Zenfone 8 Flip เน้นการถ่ายภาพ โดยมีจุดเด่นคือการเพิ่มเลนส์ Telephoto 3X แถมกล้องยังพลิกกลับมาด้านหน้าได้ ติดตั้งกระจก Gorilla Glass 3 และมีระบบ HyperSteady Video มาให้ มาพร้อมกับ ส่วนสเปกนั้นจะมาคล้ายกัน ต่างกันที่ RAM ให้ 8GB ส่วนถาดใส่ซิมจาะสามารเพิ่มความจำผ่าน MicroSD ซึ่งไม่เหมือนกับ Zenfone 8 รุ่นปกติ
ทั้งหน้าหน้าจอจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่แล้ว โดยเป็นหน้าจอ 6.67 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 1080p+ พร้อมกับค่า Refresh Rate 90Hz ความการทัชอยู่ที่ 240Hz แต่ส่วนสีสันจเพิ่มการรองรับ HDR10+ ให้แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 30W พร้อมกับ Wi-Fi 6E และมีช่องเสียบหูฟังอยู่ มีลำโพงคู่พร้อมกับ NXP mono amps, Hi-Res Audio และมีช่องเสียบหูฟัง
สำหรับราคานั้นเคาะแล้วอยู่ที่ 800 ยูโร หรือประมาณ 30,xxx บาท มีจำหน่ายในไต้หวันและยูโรป และผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ