รีวิว ASUS TUF Gaming F15 คอมพิวเตอร์เพื่อคนเล่นเกม สเปกคุ้มค่ากับ ในงบ 3 หมื่นต้นๆ
ASUS เป็นอีกผู้ผลิต อุปกรณ์และคอมพิวเตอร์ที่มีความหลากหลายให้เลือกมากมายและรอบนี้กับการทดลองครั้งใหม่กับ ASUS TUF Gaming F15 รุ่นนี้ที่มีสเปกคุ้มค่า เพราะใช้ Intel Core i5 11 Generation และมาพร้อมกับการ์ดจอที่แรงใช้ได้ ในราคา 3 หมื่นต้นๆ คิดเห็นอย่างไร มาติดตามพร้อมกับทีม Sanook Hitech กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ASUS TUF Gaming F15
เริ่มต้นกับการออกแบบตัวเครื่องรอบนี้ก็ยังมาใน Theme ของ TUF Gaming มีตัวอักษร TUF ที่ออกมาที่สวยงามและดูพรีเมี่ยมกว่าเดิม และโลโก้มุมขวา ส่วนด้านบนสุดมีไฟบอกสถานการณ์ทำงานและคำว่า TUF Gaming
รอบตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติกแต่มีความแข็งแรงสูงมาก ประกอบด้วยฝั่งซ้ายจะมีช่องเสียบครบครันไม่ว่าจะเป็น DC-IN, USB-A ทั้งหมด 2 ช่อง, USB-C 1 ช่อง, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. ที่รองรับไมโครโฟนเล่นเกมได้ด้วย, ฝั่งขวามีแค่ USB-A ตัวล็อค Kensington และ ช่องระบายอากาศ
ส่วนหน้าที่คุณจะได้เห็นคือที่ผลัก หน้าจอขึ้นที่มีร่องเปิด สำหรับการกางหน้าจอของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ทำได้ที่ 178 องศา เท่านั้น
ส่วนหลังจะมีช่องระบายอากาศที่มีขนาดใหญ่ทั้งหมด 2 ช่องขนาดใหญ่
ใต้เครื่องจะพบกับช่องระบายอากาศและลำโพงตัวเครื่อง
เมื่อเปิดฝาเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอที่มีพื้นที่กว่า 90% และมีกล้องหน้าความละเอียด HD+ พร้อมกับไมโครโฟนด้านบน แต่หน้าจอเป็นแบบด้าน
จะมีหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วเป็นแบบผิวด้านและยังมีไมโครโฟน 2 จุดลกล้องหน้าความละเอียด HD+
ส่วนล่างมี Keyboard ที่มีสีสันเป็นโทนเดียวก็จริงแต่มีหลากหลายที่ปรับแต่สีได้ และมีการออกแบบให้ปุ่มกดแข็งแรงและทนทานได้มากถึง 20 ล้านครั้ง แถมตกแต่งปุ่ม WASD เป็นสีใสสวยงาม ส่วน Touch pad กำลังที่กำลังดี และยังทำงานแบบ Muti Touch และตำแหน่งการกดนั้นดีและลงตัวกับการใช้งาน
ภาพรวมการออกแบบ
ไม่ได้แตกต่างจาก ASUS TUF Gaming A15 ที่ได้รีวิวก่อนหน้านี้แต่ว่ามีจุดเด่นคือน้ำหนักที่เบากว่าและสามารถพบกพาได้ง่านสเปกถือว่าแรงดี และสีสันก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่ที่ยังรู้สึกดีกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นนี้คือ Keyboard Chiclet Backlit ขนาดกำลังดีพิมพ์ได้สนุก และก็แข็งแรงทนทานเล่นเกมได้ด้วย และมีไฟหลากหลายสีเปลี่ยนได้ ส่วนช่องเสียบนั้นผมว่าแอบน้อยไปหน่อย
เปิดเครื่องทดลองใช้งาน ASUS TUF Gaming F15
รายละเอียดสเปกของ ASUS TUF Gaming F15 (FX506HC-HN002T)
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้ว LED Backlit ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Refresh Rate 144Hz
- ขนาด : 35.9 x 25.6 x 2.28 ~ 2.43 เซนติเมตร
- หนัก : 2.3 กิโลกรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Intel Core i5 11400-H
- ชิปประมวลผลกราฟิก : NVIDIA® GeForce® RTX 3050 , with 4GB GDDR6
- RAM : แบบ DDR4-2933MHz SDRAM ในเครื่องใส่มาให้ 8GB อัปเกรดได้ 32GB
- ความจุ(ROM) : SSD 512GB อัปเกรตได้ด้วยการเพิ่มแถว
- กล้องหน้า : HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1 x COMBO audio jack
- 3 x Type-A USB 3.2 (Gen 1)
- 1 x Type-C USB 3.2 (Gen 2) Thunderbolt 4 รองับ Display Port
- 1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
- 1 x HDMI, HDMI support 2.0b
- 1 x AC adapter plug
- เชื่อมต่อ WiFi 11 AX, Bluetooth V5.2
- ลำโพง : 2x พร้อมระบบเสียง DTS:X Ultra
- ไมโครโฟน : 2 ตัว พร้อมกับระบบ AI Noise Canceling
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 10 64 Bit
- แบตเตอรี่ขนาด 48 Wh ที่ชาร์จแบบ 180W Power Adapter แบบ DC-IN
- สีเครื่อง Eclipse Gray
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
ภาพคะแนนประสิทธิภาพถือว่าทำได้ดีและพอกับ TUF Gaming A15 แต่รุ่นนี้ออกแบบให้เล่นเกมได้โหดระดับหนึ่งเลย เมื่อทดลองเล่นเกม Forza Horizon 4 ควรที่จะเพิ่ม RAM จะดีกว่า
ส่วนเรื่องการระบายอากาศยังคงใช้ลายแบบ Honeycomb Grip ที่ทำให้อากาศเข้าได้ดีแต่ฝุ่นนั้นก็กำจัดออกไปได้พราะว่ามีการออกแบบ พัดลมที่เล็กและระบายอากาศได้ดีประกอบกับ HeatSink ที่จัดเต็มมั่นใจว่าเครื่องเย็นลง ถึง 4 ฝั่ง มาพร้อมกับระบบจัดการฝุ่นในพัดลมได้อย่างดี ใบพัดที่มีประสิทธิภาพทำงานได้ดีขึ้น พร้อมกับระบบ Self Cleaning Cooling 2.0 ทำงานร่วมกับพัดลม 83 ครีบที่ช่วยพัดลมทำงานได้เงียบ และยังปรับให้ขุมพลังร้อนแรง เงียบระดับ 0 db ได้เลย แต่ถ้าเปิด โหมดแรงๆ จะดังหน่อยนะ
ส่วนตัวเช่วยในการเล่นเกมของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ก็คือ Armoury Crate ที่จัดการในรูปแบบต่างๆ ของการทำงานตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถปรับแต่งระบบเสียงพร้อมกับฟีเจอร์ AI Noise Canceling ก็เปิดจากตรงนี้ได้
การเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
ในส่วนของหน้าจอก็ยังคงเท่าเดิมใส่ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD และมีค่า Refresh Rate 240Hz รองรับทั้งค่าที่สีตรงทำให้สามารถทำงานตัดต่อได้สบาย
ส่วนระบบเสียงก็มีลำโพงให้ 2 ตัวและมีระบบเสียงแบบ 7.1 Channel ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดังดีใช้ได้ และจะมาพร้อมกับไมโครโฟนรอบตัว
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Windows 10 Home Edition จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ครบครันไม่ว่าจะเป็น
Armoury Crate โปรแกรมควบคุมและเป็นศูนย์กลางของเครื่องตระกูลเล่นเกมที่สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพ, ไฟเรืองแสงของเครื่องและรวมไปถึงการปรับระบบไมโครโฟนของเครื่องเป็นต้น
My ASUS โปรแกรมตรวจสอบสถานะของเครื่องว่าใช้งานเป็นอย่างไรและมีปัญหาหรือไม่และยังมีฟีเจอร์มากมายเช่น
- การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen
- อัปเดต Software ภายในเครื่อง
- AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้
- ติดต่อกับ Call Center ผ่านเครื่องได้
- โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่
- Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือได้แบบไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ, File, แชร์หน้าจอ เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยจะมาพร้อมกับระบบ PIN เท่านั้น
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ ASUS TUF Gaming F15 มีขนาด 48Wh อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก ข้อดีคือเครื่องจะเบา แต่ว่าการใช้งานนั้นอาจจะทำได้มากสุดที่ 6 ชั่วโมงเท่า และเมื่อเล่นเกมพบว่าจะอยู่ได้สั้นกว่าครับ
สำหรับการชาร์จไฟของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้จะมี AC Adapter กำลัง 180 Wh ทำให้สามรถชาร์จไฟคอมพิวเตอร์เครื่องได้รวดเร็วทันมใจ แต่ว่าไม่รองรับกับ PD จาก USB-C ถือว่าน่าเสียดายแต่เข้าใจได้
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน ASUS TUF Gaming F15
แม้ว่าการออกแบบตัวเครื่องจะไม่ได้แอกแบบให้ฉีกจาก ASUS TUF Gaming A15 ที่ได้ทดลองก่อนหน้านี้ แต่ด้วยสเปกที่ลดทอนลงมาจนผมคิดว่าบางทีก็มากไปหน่อย แต่ว่าถ้ามองในภาพรวมถือว่านำไปต่อยอดได้ทำให้ไม่ต้องคิดมากกับการเลือกคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ที่ทำงานได้แทบทุกอย่าง ทั้งด้านกราฟิก และการเล่นเกม ในราคาประหยัดกว่ารุ่นที่แนะนำก่อนหน้านี้หลายหมื่น
ส่วนราคาของ ASUS TUF Gaming F15 รุ่นที่รับมาทดลองนั้นอยู่ที่ 30,990 บาท แต่ถ้าใครบอกว่าอยากได้สเปกบนกว่านี้ รุ่นนี้ยังมีสเปก Intel Core i9 พร้อมการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX3060 ให้เลือกด้วยครับ ในราคา 49,990 บาท และนี่ก็เป็นอีกคอมพิวเตอร์เล่นเกมจากฝั่ง Intel ที่เหมาะกับทุกคนที่เน้นการทำงานนอกสถานที่หรือกลัวว่าเครื่องจะตก เล่นเกมได้กำลังดี ครับ
จุดเด่น
- การออกแบบสวยและเน้นความทนทาน
- สเปกของเครื่องเผื่อเหลือไว้อัปเกรดได้
- ราคาไม่แพงจนเกินไป
- หน้าจอสวยคมชัด
- Keyboard เปลี่ยนสีไฟได้และมีความนุ่มยามต่องการกดสัมผัส
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ค่อนข้างมีขนาดเล็กอาจจะต้องพกที่ชาร์จเวลาไปทำงาน
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยน้อยไปหน่อย