รีวิว JBL Live Pro Plus หูฟังไร้สาย เสียงดีมาพร้อมกับการใช้งานง่ายผ่าน Apps
กลับมาพบกับการรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้ทีมได้รับหูฟัง JBL Live Pro Plus ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายในราคาไม่แพงเพียง 6,990 บาท แต่ได้คุณสมบัติที่มาครบทั้งการตัดเสียงรบกวนและเสียงดีด้วยครับ เรามาดูกันว่ามันดีจริงหรือไม่ มาดูกัน
แกะกล่อง JBL Live Pro Plus ประกอบด้วย
- กล่องชาร์จไฟ + หูฟัง JBL Live Plus Pro
- สายชาร์จไฟ USB-C
- จุกเปลี่ยนขนาดหูฟัง
- คู่มือการใช้งาน
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ JBL Live Pro Plus
เริ่มต้นกับกล่องของหูฟัง JBL Live Pro Plus จะเป็นแบบหน้าตา 4 เหลี่ยมที่มีด้านหลังจะมีช่องเสียบด้านหลัง ส่วนบนจะมีโลโก้ JBL และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟบอกสถานะด้านหน้า 3 ขีดบอกว่าเหลือไฟเท่าไหร่
เมื่อเปิดมาพบกับหูฟังที่มีก้าน พร้อมกับไฟสถานะของตัวหูฟังว่ามันโดยหูฟังเป็น In Ear และสามารถสั่งงานได้ด้วยการสัมผัส และด้านในจะมีขั้วชาร์จไฟ ใต้และบนจะมีไมโครโฟนของตัวเครื่องมาให้ครบเครื่อง
นอกจากนี้หูฟังรุ่นนี้ยังออกแบบให้กันน้ำในแบบ IPX4 เท่ากับสามารถกันน้ำกระเด็นได้อย่างดี
การสวมใส่
ภาพรวมในการทดลองสวมใส่ถือว่าทำได้ดีแต่ว่าถ้าไม่เหมาะอาจจะต้องปรับจุกให้เหมาะสมขึ้นเท่านั้นเอง แต่ถ้ากลัวว่าใส่ไม่เหมาะก็จะมี Apps ของหูฟัง JBL ทำให้มีคุณใส่หูฟังรุ่นนี้ได้เหมาะสมมากขึ้นครับบ
ลองใช้ฟังเสียงจาก JBL Live Pro Plus
การเชื่อมต่อกับหูฟัง JBL Live Pro Plus รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Google Fast Pair ทำให้ต่อเชื่อมกับมือถือระบบปฏิบัติการ Android ได้ง่ายแค่กด Connect เท่านั้น รองรับการเชื่อมต่อ Dual Connect สามารถต่อเชื่อมได้พร้อมกันทั้งหมด 2 ตัว เรียกได้ว่าครบเครื่อง
และเทคโนโลยีเชื่อมต่อทั้ง Sync กับการสวมใส่จับเซนเซอร์ถ้าเราถอดหูฟังออก ช่วยหยุดเพลงระหว่างเล่นได้
การสั่งงานของหูฟังนั้นทำได้ง่ายแค่การสัมผัสโดยการแตะแต่ละครั้งก็มีการบอกการทำงาน และสามารถตั้งค่าผ่าน JBL Headphone Apps ได้
คุณภาพเสียง / ระบบไมโครโฟน / ANC
ด้วย Drvier ที่มีขนาดกำลังเหมาะถึง 10 มิลลิเมตรและคุณภาพเสียงเป็นแบบ JBL Signature Sound ที่เน้นความหนักแน่นอนทำให้การฟังเพลงที่ออกมาถือว่าสมดุล แต่ว่าจะไปทางเบสหนัก ทั้งหมดแน่นอนว่าก็สามารถปรับผ่าน Application JBL Headphone Apps เช่นเคย
ต่อมาถ้าฟังเพลงดีแล้ว การใช้ไมโครโฟนก็ต้องดีด้วยเพราะรุ่นนี้มีไมโครโฟนทั้งหมด 3 จุดนอกจากจะช่วยลดเสียงรบกวนได้แล้วยังมาพร้อมกับการเพิ่มคุณภาพเสียงคุยที่ดีแต่ว่ายังคงมีเสียงบรรยากาศโผล่มาอยู่บ้างแบบจางๆ
ส่วนระบบ Adaptive Noise Cancelling รุ่นนี้ก็ยังคงใส่มา เพราะกับการสั่งเปิดการทำงานผ่าน Apps หรือ การแตะสัมผัส โดยการทำงานสามารถเลือกเป็น โหมด Smart Ambient ให้เสียงบกวนเข้ามาได้ในบางที และสามารถกำจัดเสียงลมออกไปได้ และยังสามารถใช้กับผู้ช่วยอย่าง Amazon Alexa และ Google Assistant ได้อีกด้วย
Application JBL Headphone Apps
ในตัวหูฟังรุ่นนี้ยังสามารถควบคุมผ่าน Application JBL Headphone Connect ที่สามารถตั้งค่าและปรับปรุงคุณภาพของหูฟังได้อย่างดีจนเรียกได้ว่าครบเครื่องเลยครับประกอบด้วย
- การอัปเดต Firmware
- การปรับระบบ Active Noise Canceling
- การปรับ Ambient Sound Control
- Smart Audio & Video ที่ปรับคุณภาพเสียงเหมาสม รวมถึงการปรับ Equalizer
- ตั้งค่าปุ่มกดต่างๆ
- ตรวจจับการใส่หูฟังว่าใส่ถูกต้องหรือไม่
- และอื่นๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่าตั้งค่าหูฟังให้เหมาะกับคุณนั่นเอง
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ JBL Live Pro Plus จะสามารถใช้งานยาวนาน 6 ชั่วโมง เมื่อเปิด ANC และ 7 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC และสามารถชาร์จไฟจากกล่องได้นานสุด 21 ชั่วโมง หรือเท่ากับ 2 รอบสำหรับการปิด ANC ถือว่านานมากอยู่ครับ
ส่วนระบบการชาร์จไฟของหูฟังรุ่นนี้นอกจาก USB-C แบบสายแล้ว ยังรองรับระบบ Wireless Charging ที่สามารถวางกับมือถือหรือแท่นวางชาร์จไฟได้ด้วย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน JBL Live Pro Plus
หลังจากที่ได้ทดลองแล้วหูฟังรุ่นนี้จะมาพร้อมกับจุดเด่นคือเรื่องของเสียงที่ตอบสนองได้ดีเพราะมี Driver ขนาดกำลังดี และมีระบบ Active Noise Canceling ที่ตัดเสียงได้ดีและมีการเลือกระดับในการตัดเสียงได้แต่ว่าจุก In Ear อาจจะต้องสังเกตเพราะมันเป็นแบบใสอาจจะต้องรักษากันสักหน่อย
ส่วนราคาเปิดตัวของหูฟังรุ่นนี้อยู่ที่ 6,990 บาท ถือว่าไม่แพงด้วยกัน หากอยากได้หูฟังที่มีราคาไม่แพงแต่คุณภาพดีแบบนี้ครับ