แกะกล่องพรีวิว iPad Mini 6 รุ่นใหม่ล่าสุดกับขนาดเล็กจิ๋วแต่แรงสู้ iPhone 13 ได้สบาย

แกะกล่องพรีวิว iPad Mini 6 รุ่นใหม่ล่าสุดกับขนาดเล็กจิ๋วแต่แรงสู้ iPhone 13 ได้สบาย

แกะกล่องพรีวิว iPad Mini 6 รุ่นใหม่ล่าสุดกับขนาดเล็กจิ๋วแต่แรงสู้ iPhone 13 ได้สบาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับรีวิว Gadget ใหม่ๆ จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้ใครอคอยการแกะกล่อง iPad Mini ข่าวดีคือทีมได้รับเครื่องมาทดลองแบบสั้นๆ เรามาแกะกล่องลองใช้งานเครื่องดูว่ามันจะเป็นอย่างไรและสุดท้ายน่าใช้จริงไหม และเหมาะกับใครมากที่สุด

แกะกล่อง iPad Mini Generation 6

batch_sa_20211002_171150

  • ตัวเครื่อง iPad Mini
  • คู่มือ / สติ๊กเกอร์ Apple
  • สาย USB-C to USB-C
  • ปลั๊กไฟกำลัง 20W

รูปลักษณ์ดีไซน์

เริ่มต้นกับดีไซน์ของเครื่องมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 8.3 นิ้ว ขอบลดลงจากรุ่้นเดิมไม่น้่อยเลยครับ ทำให้คุณสามารถถือใช้งานโดยไม่มีโดนหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีกล้องอยู่ตรงด้านบนในแนวตั้ง การสั่งงานและกลับหน้าหลักทำได้เฉพาะ การปัดจากด้านล่างขึ้นข้างบนเท่านั้น

batch_sa_20211002_171050

รอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม โดยฝั่งที่เห็นคือ ด้านข้างซ้ายในแนวตั้ง จะไม่มีช่องเสียบอะไร

batch_sa_20211002_171319

ส่วนฝั่งขวาจากแนวตั้งจะออกแบบให้สามารถติด Apple Pencil 2 และชาร์จไฟได้ครับ

batch_sa_20211002_171305
batch_sa_20211002_171925

ส่วนบนสุดของเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ลำโพงคู่, ปุ่ม Power พร้อมกับ Touch ID แถมมีไมโครโฟนในตัว

batch_sa_20211002_171259

ส่วนล่างสุดจะมีลำโพงฝั่งซ้ายและขวา ตรงกลางคือ USB-C สำหรับเสียบชาร์จไฟหรือต่อกับอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้อง, Computer เป็นต้น

batch_sa_20211002_171310

พลิกมาด้านหลังกับความกระทัดรัดจนโลโก้ Apple ใหญ่มากพอสมควร และมีกล้องหลังที่นูนออกมาจนแนะนำว่าควรซื้อเคสใส่ และมี LED Flash พร้อมกับไมโครโฟนของตัวเครื่องด้านหลัง

ภาพรวมการออกแบบของเครื่อง

batch_sa_20211002_174511

มีดีไซน์ที่เล็กถือง่ายน้ำหนักเบา และเหมือนกับร่างย่อส่วนของ iPad Air Gen 4 เพียงแต่ว่าใครที่ชอบการพิมพ์ Keyboard นั้นต้องทำใจเพราะต้องเชื่อมต่อกับ Bluetooth เท่านั้น และขนาดเครื่องมีความกว้างพอๆ กับ Apple Pencil 2 ซึ่งผมว่ามันก็กำลังดี แต่ถ้าใครเคยติดความใหญ่ของ iPad รุ่นก่อนหน้านี้ มันจะเล็กไปทันที แต่ภาพรวมถ้าเทียบกรุ่นที่แล้ว มันใหญ่กว่าทุกมิติครับ

เปิดเครื่องลองใช้งาน

สเปกเครื่อง iPad Mini Generation 6

  • ขนาด: 195.4 x 134.8 x 6.3 มิลลิเมตร
  • หนัก: 293 กรัม (Wi-Fi) 297 กรัม (Wi-Fi + Callular)
  • หน้าจอแสดงผล : Liquid Retina Display ความละเอียด HD+ (1488 x 2266 พิกเซล) ขนาดประมาณ 8.3 นิ้ว
  • ชิปเซ็ต : Apple A15 | GPU : Apple GPU (5-Core)
  • RAM : 4 GB
  • ROM : 64 - 256 GB
  • ความจำเสริม : iCloud Storage
  • ระบบปฏิบัติการ: เริ่มต้น iPad OS 15
  • WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 (Dual Band)
  • Bluetooth 5.0
  • เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G/5G
  • กล้องหลังมีทั้งหมด 1 ตัว
    • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F/1.8
  • กล้องหน้าเซลฟี่ : ความละเอียดกล้องหลัก: 12 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 122 องศา รองรับ Center Stage             
  • รองรับ : nano SIM (เฉพาะ รุ่น Wi-Fi + Cellular)
  • ช่องเสียบ : USB-C
  • แบตเตอรี่ : Li-Po ไม่ทราบ ระบบชาร์จไฟ 20W   
  • สี : ม่วง, ชมพู, เทา Space Grey และ เงิน

 batch_sa_20211002_160924

ในการทดลองประสิทธิภาพด้วยความที่เครื่องอยู่กับเราไม่ได้นานมากนัก ดังนั้นการทดสอบเล่นเกมจึงเห็นผลมากที่สุด ซึ่งที่สิ่งที่ปรากฏคือ เมื่อทดลองเล่นเกม ROV พบว่าการตอบสนองและการกดนั้นถือว่าทำได้ทันใจและไม่มีปัญหา ให้ความลื่นไหนที่ดีและความร้อนน้อย เมื่อต่อกับ Wi-Fi 6 หรือ 802.11AX ก็พบว่า สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่าง

ส่วนระบบปฏิบัติการของเครื่องเลือกใช้ iPad OS 15 ใหม่ล่าสุด โดยจุดเด่นหลักๆ ที่ได้พบคือ

  • การใช้งานแบบ Multi Tasking ที่ปรับแต่งได้ง่ายและทำได้ทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน
  • Center Stage ถ้าทำงานผ่าน Face Time สามารถขยับตามหรือขยายออกถ้ามีคนอยู่มากกว่า 1 คน
  • บันทึก Note ด่วนได้แค่ลาก Pencil ไปจากมุมขวาของเครื่อง
  • ลาก Pencil มุมซ้ายขึ้น สามารถ Capture หน้าจอได้
  • ตั้ง Focus ให้สามารถเลือกว่าเวลานี้คุณทำอะไรอยู่

และอื่นๆ อีกมากมายอ่านต่อได้ที่บทความ สรุปความเปลี่ยนแปลงของ iPadOS 15 

กล้องเปลี่ยนแปลงใหม่

batch_sa_20211002_171347

จุดนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควรเพราะกล้องของ iPad Mini Gen 6 นั้นทั้งหน้าและหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่กล้องหน้าจะได้มุมที่กว้างกว่าพอสมควร เมื่อลองถ่ายภาพก็มีความสว่างมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบชัดเจนมากเช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้

แบตเตอรี่อึดไหม

การทดสอบครั้งนี้มีเวลาอยู่กับ iPad Mini ราว 3 ชั่วโมง เมื่อทดสอบในการใช้เล่นเกม การทำงานทั่วไป เปิดเครื่องเพื่อถ่ายภาพ และลองกล้องลดจาก 93% เหลือเพียง 84% ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่าถือว่าลดลงช้าเมื่อเทียบกับการเปิดหน้าจอค้างไว้ อย่างไรก็ดี ระบบการชาร์จไฟยังรองรับ USB-C กำลังชาร์จไฟ 20W ซึ่งมีติดกล่องมาด้วยครับ

สรุปสั้นๆ หลังจากได้ทดลองใช้งาน

 batch_sa_20211002_171944

ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับคนที่ชอบ iPad ขนาดไม่ใหญ่เกินไปเล็กกำลังดีแต่ตอบสนองการทำงเานได้เหมือนกับ iPhone 13 แต่กล้องอาจจะไม่ได้เด็ดเท่าแค่นั้นเอง แถมยังมีให้เลือกหลากหลายสีอีกด้วย โดยมีราคาดังนี้

สำหรับราคาของ iPad Mini มีดังนี้

รุ่น Wi-Fi

  • 64GB = 17,900 บาท
  • 256GB = 23,400 บาท << รุ่นที่ได้รับมาแกะกล่อง

รุ่น Wi-Fi + Cellular

  • 64GB = 23,400 บาท
  • 256GB = 28,900 บาท

หากถามอีกข้อคือ iPad Mini ยังเหมาะกับใคร คำตอบคือ คนที่ไม่ได้เน้น iPad ที่ต้องมาทำงานหนัก รองรับแค่หยิบขึ้นมาดูข้อมูลและใช้งานวาดภาพ เพราะไม่มีช่อง Smart Connector เหมือกับรุ่นอื่นๆ เขา และพก Tablet ทำงานรอง และใช้ Notebook เป็นหลักมากกว่า ถึงจะเหมาะสมและอยู่ด้วยกันได้ครับ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook