รีวิว Skullcandy Push Ultra หูฟัง TWS ทรงสปอร์ด เพื่อคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องจ่ายแพง

รีวิว Skullcandy Push Ultra หูฟัง TWS ทรงสปอร์ด เพื่อคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องจ่ายแพง

รีวิว Skullcandy Push Ultra หูฟัง TWS ทรงสปอร์ด เพื่อคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องจ่ายแพง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Skullcandy เป็นอีก Brand ที่ทำหูฟังแบบไร้สายที่มีคุณภาพของเสียงและฟังเพลงสนุกพอสมควร สำหรับรอบนี้ทีม Sanook Hitech ได้รับหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Push Ultra (ชื่อไทยคือ พุช อัลตร้า) ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายเน้นเรื่องการออกกำลังกายและเสียงดี โดยรูปทรง มาดูกันว่ามันจะแตกต่างกันแค่ไหน และราคาเท่าไหร่ 

แกะกล่อง Skullcandy Push Ultra ประกอบด้วย 

  • ตัวหูฟัง Skullcandy Push Ultra 
  • สายชาร์จ USB-C to USB-A 
  • คู่มือใช้งาน / คู่มือดาวน์โหลด Apps  

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Skullcandy Push Ultra  

เริ่มต้นกับดีไซน์ของ Skullcandy Push Ultra จากกล่องมีขนาดใหญ่มาก (เรียกว่า Protective Case) ชนิดว่าถือแล้วต้องหากระเป๋ามาเก็บเลยทีเดียว และใช้ซิปเป็นตัวปิดฝา พานึกถึงหูฟังทรงสปอร์ดของยี่ห้อหนึ่ง ด้านบนเป็นโลโก้ของ Skullcandy 

แต่ด้านล่างเป็นรูปสายฟ้า เท่ากับหูฟังรุ่นนี้รองรับระบบ Wireless Charging นั่นเอง ส่วนช่อง USB-C จะอยู่ด้านหน้าโดยมีผ้าปิดเอาไว้ ถ้าจะบอกว่าขอไฟบอกสถานะแบตเตอรี่เพิ่มก็คงยากเพราะการออกแบบนั้นลงตัวแล้ว ถ้าคุณอยากรู้ว่าไฟอยู่ตรงไหนนั้น  

batch_sa_img_4406
batch_sa_img_4407

มันอยู่ข้างในเพราะเมื่อเปิดมาแล้วจะพบว่าบนสุดมีจุดสีดำ พร้อมกับ ปุ่มด้านล่างเช็คสถานะแบตเตอรี่ของกล่องและเปิดหูฟังได้  

batch_sa_img_4403

ตัวหูฟังเพลงมีขนาดใหญ่กำลังดี ออกแบบให้สามารถใส่ได้ง่ายเพราะมีปุ่มทั้งหมด 3 ปุ่มต่อข้าง ทั้งกดสั่งงาน, เพิ่มเสียง และลดเสียง พร้อมกับก้านที่อยู่ด้านหลังทำให้เกี่ยวล็อคกับหูฟัง ส่วนนี้สามารถปรับเองได้  

batch_sa_img_4394
batch_sa_img_4395

พลิกมาอีกด้านจะพบกับช่องใส่หูแบบ Ear Bud ทำให้ใส่ได้ง่ายแต่ก็มีโอกาสหลุดถ้าไม่มีตัวเกี่ยวหูนะครับ และยังมีขั้วสำหรับชาร์จไฟแบตเตอรี่หูฟัง เพื่อเสียบกับแท่นแล้วเป็นแม่เหล็กดูดติดทันที แต่ถ้าวางไปเลยโดยไม่ดูไฟอาจจะชาร์จไฟไม่เข้า อันนี้ต้องระวัง 

batch_sa_img_4397

ความรู้สึกในการทดลองใส่ 

เป็นอีกหูฟังที่สวมใส่ง่ายไม่ดันหูมาก เพราะเน้นเรื่องความสบาย วางกับหูแล้วงใช้ตัวล็อคเกี่ยวหูเท่านั้นก้สามารถใส่ได้อยู่แล้ว รูปทรงของหูฟังเน้นเรื่องการทำให้เกี่ยวแล้วกดเพื่อล็อคกับหูไว้แน่น แม้จะโยกหัวไปมา โดยเฉพาะเวลาคุณออกกำลังกาย แต่ว่า ถ้าล็อคไม่ดีก็เป็นดาบ 2 คมได้เพราะมันจะหลุดง่าย 

กันน้ำหรือไม่ 

batch_img_2336

สำหรับหูฟังรุ่นนี้ซึ่งได้รูปทรงสปอร์ดการออกแบบให้กันน้ำนั้นทำได้อยู่ที่ IP67 เท่ากับมันสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้อย่างดีเลยครับ  

การกดสั่งงานที่หูฟัง 

Skullcandy Push Ultra มีปุ่มทั้งหมด 3 ปุ่มด้วยกันการทำงานนั้นก็แตกต่างกันโดยผมจะอธิบายการทำงานดังนี้ 

batch_sku2

  • ปุ่ม เพิ่มเสียง สามารถ เพิ่มเสียง (กด 1 ครั้ง), เปลี่ยน Track เพลงเดินหน้า (กดค้าง 2 วินาที) 
  • ปุ่ม ลดเสียง สามารถ ลดเสียง (กด 1 ครั้ง), เปลี่ยน Track เพลงย้อนกลับ (กดค้าง 2 วินาที) 
  • กดที่ปุ่มรูปโลโก้ 1 ครั้ง หยุด / เล่นเพลง 
  • ถ้ามีสายเรียกเข้า กดที่โลโก้เพื่อรับสาย 
  • เปลี่ยน EQ Profile กดที่โลโก้ ค้างไว้ 2 วินาที 
  • เรียกใช้งานระบบ Voice Assistant กดปุ่มโลโก้ ค้างไว้ 2 วินาที 
  • กดปุ่มโลโก้ค้างไว้ 4 วินาที ถ้าหูฟังปิดอยู่จะเปิดเอง ถ้าต้องการปิดให้กดปุ่มโลโก้ค้างไว้ 6 วินาที 
  • กดค้างที่ข้างนึงหลังจากปิดไปแล้ว 6 วินาทีเป็นการเชื่อมต่อใหม่ 
  • กดค้างที่โลโก้ทั้ง 2 ข้างพร้อมกันแล้วค้างไป 10 วินาที = Reset หูฟัง 

ทั้งหมดใน Apps Skullcandy มีบอกหมดครับ

คุณภาพเสียงของ Skullcandy Push Ultra 

นอกจากเรื่องลุย, ดีไซน์สปอร์ดมีหลากหลายสี และใส่ง่ายแค่กดก้านให้อยู่กับหูแล้ว เรื่องคุณภาพเสียงนั้นก็เด่นไม่แพ้กัน เพราะให้ Driver ขนาดใหญ่จุกใจถึง 10 มิลลิเมตร ซึ่งแค่เปิดเสียงครึ่งเดียวและเพิ่มไปอีกสัก 1 – 2 กดก็ให้เสียงที่ดังพอได้ยินแล้วสำหรับสถานที่เงียบ แต่ถ้า ออกกำลังกายในฟิตเนส บางทีต้องปรับมากกว่านั้น แต่ไม่ต้องสุดนะครับ เดี๋ยวหูของคุณจะร้องขอชีวิต  

การเก็บรายละเอียดเสียงภายนอก ยังคงได้ยินชัด เหตุผลเพราะการออกแบบของหูฟังรุ่นนี้เพื่อคนออกกำลังกาย ทำให้เสียงภายนอกต้องเข้ามาอยู่บ้าง แต่เสียงเพลงยังได้ยินและให้ความเพลิดเพลินได้อยู่ 

นอกจากนี้ยังมี EQ Profile ปรับได้ทั้งหมด 3 แบบ จะเลือกทั้ง Music เน้นการฟังเพลง, Movie ไว้สำหรับดูหนัง ความดุดันของเบสจะลดลงหน่อย และ Podcast จะเหมาะกับคนเน้นเรื่องคุณภาพเสียงคนมากกว่า  ั้งหมดสามารถปรับผ่าน Application Skullcandy ที่จะอธิบายต่อไปนี้ 

ส่วนระบบไมโครโฟนนั้น ให้เสียงที่ออกมากำลังดีไม่เงียบเกินไป แต่ถ้าอยู่ในที่รบกวนก็อาจจะไม่ได้ตัดเสียงดีขนาดนั้น แต่คุณฟังเสียงคู่สนทนาของคุณได้ชัดแน่นอนครับ 

ฟีเจอร์เมื่อเชื่อมต่อกับ Apps บนมือถือ

ความสามารถของหูฟังรุ่นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่กดสั่งงานต่างๆ คุณสามารถตั้งค่าต่างๆ ผ่าน Apps ที่มีชื่อว่า Skullcandy ได้ โดยใน Apps จะสามารถบอกได้ทั้ง 

  • ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ เฉพาะตัวหูฟังนะ 
  • ระดับเสียงของคุณที่ใช้ 
  • Equalizer รูปแบบของเสียงที่กล่าวไปขั้นต้น 
  • Find With Tile หาหูฟังผ่านระบบของ Tile 
  • คู่มือการใช้งาน ซึ่งละเอียดเอามากๆ  

การตามหาหูฟัง 

สำหรับคนที่กังวลว่าหูฟังจะหายในตัว เพราะรุ่นนี้มีการจับมือกับ Tile Technology สามารถตามหาหูฟังผ่าน Application Tiles หรือกดจากใน Apps ของ Skullcandy ได้เช่นเดียวกันครับ 

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ 

batch_sa_img_4400

สำหรับ Skullcandy Push Ultra สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดที่ 40 ชั่วโมง แบ่งออกเป็นตัวหูฟังสามารถใช้งานได้ 6 ชั่วโมง กล่องชาร์จไฟได้ 3 รอบ รวมเวลาชาร์จไฟได้ 34 ชั่วโมง ถือว่าเป็นหูฟังที่มีแบตเตอรี่อึดเกินวันได้สบายๆ  

batch_sa_img_4407

ส่วนการชาร์จไฟทำได้ 2 วิธี นั่นคือ เสียบสายชาร์จไฟ USB-C แต่แนะนำว่าเสียบเป็นแบบ USB-C to USB-A ซึ่งในกล่องก็แถมให้อยู่แล้ว และกำลังของสายไม่จำเป็นต้องเอาสายไฟที่รองรับกำลังสูงมาเสียบ  

batch_sa_img_4416

และแบบที่ 2 คือ Wireless Charging วางบนแท่นหรือมือถือที่สามารถปล่อยกระแสไฟได้เท่านั้นเป็นอันจบครับ 

สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Skullcandy Push Ultra มาสักระยะเวลาหนึ่ง  

batch_sa_img_4403

Skullcandy Push Ultra จัดว่าเป็นหูฟัง Earbuds ในสบาย ไม่ดันหู มาพร้อมกับแบตเตอรี่ เสียงที่ดังเพราะกำลังดี เหมาะกับสายลุยที่ชอบเล่นกีฬา รองรับมาตรฐานกันน้ำ น้ำหนักไม่มากเกินไป กับเคสใหญ่อลังการงานสร้างเลยครับ ทั้งหมดนี้ มาในราคา 5,900 บาท และในเดือนธันวาคมนี้ราคาจะอยู่ไม่ถึง 5,000 บาท นับว่าเป็นอีกหูฟังที่มีราคาคุ้มค่า และประกันยาวถึง 2 ปีนี้ครับ สำหรับคนที่สนใจสามารถติดต่อทั้งตัวแทนจำหน่ายของ Skullcandy ทั้งออฟไลน์และ ออนไลน์ครับ 

batch_img_2339

จุดเด่น 

  • ดีไซน์สวย หลากหลายสี และยังปรับให้เข้าหูคุณได้ง่าย 
  • ออกแบบเน้นเรื่องความปลอดภัยในเรื่องการออกกำลังกายทั้งเสียงภายนอกไม่ได้ปิดกัน ใส่สบายไม่อึดอัด 
  • แบตเตอรี่อึดมาก 
  • สามารถตามหาหูฟังผ่าน Tile Technology ไม่จำกัดค่ายมือถือที่คุณใช้ 
  • ใช้งานง่าย สั่งผ่านการกดที่หูฟังก็พอ 
  • กันน้ำ IP67 
  • ระบบชาร์จไฟมีความหลากหลาย 

ข้อสังเกต 

  • เคสใหญ่มาก 
  • EQ Profile ไม่สามารถปรับแต่งเองได้ 
  • ระบบชาร์จไฟถ้าใช้สายชาร์จไฟ USB-C to USB-C จะชาร์จไฟไม่ได้ 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook