“เป๋าตัง-ทางรัฐ” ตัวกลางรัฐ-ประชาชน อนาคตแอปฯ One Stop Service
หากย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้ ตอนที่โลกของเรายังไม่มีโรคระบาดที่เรียกว่าโควิด-19 การจินตนาการภาพสังคมไทยเป็นสังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society นั้น ดูยังห่างไกลจากความจริงอยู่มากโข แม้ว่าคนรุ่นใหม่ ๆ จะเริ่มพกเงินสดกันน้อยลง หันไปใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น ซื้อของหรือชำระค่าบริการต่าง ๆ ผ่านการสแกน QR Code แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเทรนด์เฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ๆ และประชากรส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่คุ้นชิน
นั่นเป็นเพราะว่าสังคมไร้เงินสดนั้นพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ที่หลายคนไม่คุ้นเคย กลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงการใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสดได้ในสมัยนั้นถูกจำกัดอยู่แค่ผู้ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน ชนชั้นกลาง อีกทั้งในเวลานั้นก็มีเทคโนโลยีที่รองรับการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ได้ไม่มากนัก เกิดเป็นความไม่มั่นใจเรื่องระบบความปลอดภัยที่ต้องจ่ายเงินผ่านอากาศ เป็นข้อจำกัดให้สังคมไทยยังเป็นสังคมไร้เงินสดไม่ได้จริงเต็มรูปแบบเหมือนในต่างประเทศ
แต่ในเวลานี้ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยมีโควิด-19 เป็นตัวเร่งพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบสังคมไร้เงินสดให้เป็นรูปธรรมเร็วยิ่งขึ้น เพราะคนพยายามเลี่ยงที่จะจับเงินสด เนื่องจากมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันหลายมือจนเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค คนหันมาพกบัตรต่าง ๆ แทนการพกเงินสด โหลดแอปพลิเคชันของธนาคารไว้สำหรับจับจ่ายใช้สอยด้วย QR Code หรือกดหมายเลขพร้อมเพย์ ร้านค้าต่าง ๆ ก็ปรับเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินของลูกค้า รับชำระเงินผ่านบัตรกันมากขึ้น หน้าร้านมี QR Code ให้ลูกค้าสแกน มีเลขบัญชีธนาคารหรือเลขพร้อมเพย์ให้ลูกค้ากดจ่ายเงิน
และที่ทำให้การใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสดแพร่หลายมากขึ้นไปอีก ก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางรัฐบาลที่เล่นบังคับให้ประชาชนต้องไปโหลดแอปฯ เป๋าตังมาใช้งานถึงจะเข้าถึงนโยบายนี้ได้และจะใช้จ่ายได้ก็ต้องทำผ่านแอปฯ ด้วยการสแกนจ่ายเท่านั้น ไม่สามารถดึงออกมาใช้เป็นเงินสดได้ แอปฯ เป๋าตังจึงกลายเป็นแอปฯ ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลภายในเวลาอันรวดเร็ว คนไทย (ต้อง) มีแอปฯ นี้ติดมือถือ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องมี
แอปฯ นำร่องที่ทำให้คนทั่วไปหันหน้าเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โควิดระบาด เป็นปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้สังคมไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเร็วขึ้น แถมยังเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่างหาก เพราะ “เป๋าตัง” กลายเป็นแอปฯ ที่ต่อให้เราไม่อยากจะมีมันไว้ในโทรศัพท์ เราก็จำเป็นต้องดาวน์โหลด มิเช่นนั้นก็จะไม่สามารถรับความช่วยเหลือใด ๆ จากรัฐบาลได้เลย แม้ว่าเป๋าตังจะเป็นแอปฯ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (G-Wallet) ที่มีมาก่อนมีโควิด แต่ในช่วงก่อนหน้านี้คนไม่ได้จำเป็นต้องโหลดมาใช้งาน และไม่ได้เป็นที่นิยม (แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้) แพร่หลายมากขนาดนี้
เป๋าตัง เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยธนาคารกรุงไทย ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับบริการของรัฐสารพัด ตลอดจนเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคโควิด-19 จึงมีการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ขึ้นมาในแอปฯ เดียว เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ครอบคลุมการทำธุรกรรมการเงินทุกประเภท ทั้งจ่ายเงิน โอนเงิน รับเงิน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกรรมที่ธนาคารหรือที่ตู้ธนาคาร ถือว่าเป็น E-Wallet หรือกระเป๋าสตางค์ออนไลน์ก็ได้ เป๋าตังเลยกลายเป็นแอปฯ ที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องมีติดมือถือ ทำให้ปัจจุบัน แอปฯ เป๋าตังมียอดดาวน์โหลดใน Play Store มากกว่า 10,000,000+ ครั้งเลยทีเดียว
Super App ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์
ใครที่มีแอปฯ เป๋าตังอยู่ในสมาร์ตโฟน แต่ไม่เคยกดเข้าเมนูอื่นนอกจากการกดสแกนจ่ายโครงการคนละครึ่ง อยากให้ลองกดเข้าไปสำรวจที่เมนูอื่น ๆ ดูบ้าง แล้วจะพบว่าแอปฯ เป๋าตังเป็นแอปฯ อเนกประสงค์ของภาครัฐแอปฯ หนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันรวมเอาบริการหลาย ๆ อย่างของภาครัฐมาไว้ในที่เดียว ซึ่งทำให้เราใช้ชีวิตกันได้สะดวกขึ้นอย่างมาก แค่รู้จักที่จะใช้ให้เป็นเท่านั้นเอง ถ้าหากใช้เป็นจริง ๆ จะยังประโยชน์ให้ผู้ใช้งานอย่างเรามาก
ใครที่เคยกดเข้าไปสำรวจเมนูอื่น ๆ ในแอปฯ เป๋าตัง นอกจากกดสแกนโครงการคนละครึ่ง จะพบว่าตัวแอปฯ เป๋าตังนั้นยังรองรับบริการด้านมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลในช่วงโควิดอีกหลายโครงการ ทั้งที่ยังดำเนินบริการอยู่และที่สิ้นสุดบริการไปแล้ว ทั้ง คนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน, ยิ่งใช้ยิ่งได้, เราชนะ, ทัวร์เที่ยวไทย, ม.33 เรารักกัน นั่นก็เท่ากับว่าประชาชนจะเข้าถึงนโยบายจากรัฐได้ง่ายขึ้นเพียงแค่ดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้ก่อน เป๋าตังจึงเป็นแอปฯ ที่ได้เปรียบเรื่องการสร้างฐานสมาชิกผู้ใช้งาน เพราะมันเป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าประชาชนคนไทยควรมีแอปฯ นี้
นอกจากความช่วยเหลือจากรัฐในช่วงโควิดดังที่กล่าวไปข้างต้น แอปฯ เป๋าตังยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ อย่าง Health Wallet ซึ่งก็คือ กระเป๋าสุขภาพที่รองรับบริการด้านสุขภาพ สามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิ์และเงื่อนไขการใช้บริการด้านหลักประกันสุขภาพ, รองรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้ากับหน่วยบริการ, ค้นหาหน่วยบริการสุขภาพที่อยู่ใกล้ ๆ, ดูข้อมูลประวัติการใช้สิทธิประโยชน์, แจ้งเตือนนัดหมายหรือเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าได้, การคุมกำเนิด, การฝากครรภ์, การตรวจคัดกรองมะเร็งสตรี, การตรวจคัดกรองโรคเมตาบอลิก, การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน ซึ่งจะมีวัคซีนที่ควรฉีดตามช่วง เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก
และปัจจุบัน ยังมีให้บริการ ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโครงการ ไทยร่วมใจ และการขอรับชุดตรวจโควิดฟรี อีกด้วย
ไม่เพียงแต่โครงการที่ให้ความช่วยเหลือและบริการด้านสุขภาพ แอปฯ เป๋าตังยังมีบริการผูกบัญชีธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้งานแอปฯ Krungthai NEXT, จ่ายหนี้กยศ., เชื่อม Krungthai Connext ในแอปฯ ไลน์, ซื้อ/ขายพันธบัตรรัฐบาล, ซื้อ/ขายหุ้นกู้, ซื้อ/ขายทองออนไลน์, สามารถกดเชื่อมไปที่แอปฯ สั่งอาหารเดลิเวอรี่เพื่อใช้สิทธิคนละครึ่ง, จ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟได้อีกต่างหาก ล่าสุด ยังสามารถซื้อ/ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ เพื่อป้องกันการซื้อขายสลากที่เกินราคากำหนดที่ใบละ 80 บาท ถือว่าทำได้ครบจบในแอปฯ เดียว มีความเป็น One Stop Service
จะเห็นได้ว่า “เป๋าตัง” เป็นแอปฯ อเนกประสงค์ที่รัฐบาลใช้เป็นสื่อกลางในการให้บริการประชาชน ในยุคที่เราต้องลดการใช้จ่ายด้วยเงินสด เพราะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ที่สำคัญคือการนำร่องสังคมไทยให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เพราะคนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ต้องสแกนจ่ายเงินด้วย QR Code ให้เป็นด้วยการสแกนจ่ายคนละครึ่งกันอยู่แล้ว และอีกหลาย ๆ คนก็เติมเงินลงแอปฯ เป๋าตัง เพื่อใช้แอปฯ เป๋าตังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลหลักของตนเอง
“ทางรัฐ” แอปฯ ทางลัดที่ครอบคลุมหลายบริการของรัฐ
นอกจากแอปฯ เป๋าตัง ที่รวมบริการต่าง ๆ จากภาครัฐเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ไม่นานมานี้ รัฐบาลก็ได้ออกแอปพลิเคชันตัวใหม่ที่มีลักษณะรวมศูนย์คล้ายแอปฯ เป๋าตัง คือ รวมบริการต่าง ๆ ของภาครัฐที่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะต้องการเรื่องความสะดวกในการเข้าใช้งาน ใช้ชื่อว่า “แอปฯ ทางรัฐ” เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร., กรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.), สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน), สำนักงานประกันสังคม และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
“แอปฯ ทางรัฐ” ถือเป็นอีกหนึ่งแอปฯ สารพัดประโยชน์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการจากทางภาครัฐได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของประชาชน เนื่องจากประชาชนคนไทยทุกคนมีเลขประจำตัวประชาชนในฐานระบบทะเบียนราษฎร์อยู่แล้ว มันจึงสะดวกและรวดเร็วกว่าหากเราสามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลของตัวเองมาตรวจสอบได้จากเกือบทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน
ปัจจุบัน ในแอปฯ ทางรัฐ มีบริการที่พร้อมให้บริการประชาชนแล้วกว่า 30 บริการ ที่เกี่ยวข้องกับเราอย่างชัดเจนก็เช่น สิทธิประกันสังคม, สิทธิหลักประกันสุขภาพ, ข้อมูลเครดิตบูโร, เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด, หนังสือรับรองผลการทดสอบ O-Net, ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์, ตรวจสอบใบสั่งจราจรและชำระค่าปรับ, ตรวจสอบเงินสะสม กบข., ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาล, ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ อสม. รวมถึงบริการสาธารณูปโภค จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ผ่าน QR Code เป็นต้น
นอกจากนี้ ในแอปฯ ทางรัฐยังมีแผนที่จะพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการได้อีกกว่า 100 บริการในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมการเข้าถึงของประชาชนในทุก ๆ ด้าน ซึ่งถ้าหากมีการประสานงานให้แอปฯ สามารถใช้งานได้จริงอย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรม ไม่ปล่อยให้กลายเป็นแอปฯ ร้างไปในที่สุด ประชาชนก็จะได้ประโยชน์จากแอปฯ ทางรัฐเป็นอย่างมาก เท่ากับว่าแอปฯ ทางรัฐจะกลายเป็นศูนย์รวมบริการภาครัฐที่ให้บริการประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ครบจบ ณ จุดเดียว ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแบบที่เป็น One Stop Service บริการจากภาครัฐนั่นเอง
เท่านี้ก็คงจะพอเห็นภาพกันแล้วว่า แอปพลิเคชันโดยรัฐบาล “เป๋าตัง-ทางรัฐ” จะกลายเป็นตัวกลางที่เชื่อมผู้ให้บริการอย่างรัฐบาลเข้ากับผู้ใช้บริการอย่างประชาชนที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนในด้านความสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ชีวิตในยุคดิจิทัล ที่ทั้งภาครัฐและประชาชนต่างก็ต้องปรับตัว ในอนาคต ประชาชนอย่างเราอาจได้เข้าถึงบริการต่าง ๆ ของรัฐผ่านแอปฯ ทั้งสองกันอย่างแพร่หลายและครอบคลุมบริการด้านอื่น ๆ มากขึ้น ความยั่งยืนที่เกิดขึ้น คือทั้ง 2 แอปฯ (และอาจมีแอปฯ อื่น ๆ) จะกลายเป็น One Stop Service ในการบริการประชาชน