แกะกล่องรีวิว Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด
เรียกได้ว่าเปิดต้นปีมาก็ดุเดือดแล้วสำหรับตลาดของสมาร์ทโฟนที่เกือบทุกค่ายต่างพาเหรดกันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของตนออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่เกาหลีอย่าง Samsung ที่ส่งสมาร์ทโฟนแฟลกชิปในตระกูล Samsung Galaxy S22 series อย่าง 3 รุ่นล่าสุด ได้แก่ Galaxy S22, Galaxy S22+ และ Galaxy S22 Ultra ที่รวมสุดยอดฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว ออกมาให้เราได้เสียเงินกัน
ทางฝั่งของมังกรจีนเองก็ไม่น้อยหน้าแม้ว่าจะยังไม่มีรุ่นแฟลกชิปแต่ดูเหมือนว่าสมาร์ทโฟนในตลาดกลางๆ กลับทยอยกันออกมาเยอะมากไม่ว่าจะเป็น OPPO, vivo, OnePlus, realme รวมไปถึง Xiaomi และ Huawei เองก็ตาม ที่ตอนนี้เราได้รับข่าวจากวงในมาว่าเดือนหน้า มีนาคม เราจะได้เจอกับอีกหลายรุ่นอย่างแน่นอนครับ ^^
แต่... สำหรับในวันนี้เป็นคิวของแบรนด์เสียวหมี่ที่ล่าสุดได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการด้วยกันถึง 2 รุ่นด้วยกันนั้นคือ Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยกล้องความละเอียด 108ล้านพิกเซล มาพร้อมเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จ 67W และหน้าจอ AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่ให้รีเฟรชเรท 120Hz
และแน่นอนพวกเราทีมงาน Sanook Hitech ก็ไม่รอช้าที่จะบอกกล่าวเสียวหมี่และขอเครื่องมารีวิวให้แฟนๆ ได้อ่านกัน บอกไว้ตรงนี้เลยว่ารุ่นนี้แม้จะราคาหลักหมื่นต้นๆ แต่สเปกที่เขาใส่มาคือเหนือกว่าราคาเยอะมาก ถ้าคุณไม่เชื่อลองอ่านแกะกล่องรีวิวของเราด้านล่างนี้สิ...
เริ่มกันที่สเปกของ Redmi Note 11 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.2 x 76.1 x 8.1 มิลลิเมตร
- หนัก : 202 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67” ความชัดระดับ FHD+ ที่มาพร้อมกับรีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปประมวลผล : Snapdragon® 695 หน่วยประมวลผลแบบ 6nm
- รองรับ : 5G
- Hybrid Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
- ความจุ (RAM+ROM) : 8GB+128GB
- ความจำเสริม : เพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 1TB
- กล้องหลังประกอบไปด้วยกล้อง 3 ตัวประกอบไปด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/1.9, 26mm (wide), 1/1.52", 0.7µm, PDAF
- เลนส์อัลตราไวลด์ 8ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.2, 118˚ (ultrawide)
- เลนส์มาโคร 2ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.4, (macro)
- กล้องหน้า 16ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.4
- ช่องเสียบ : USB-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.6 มิลลิเมตร
- ลำโพง : Super Linear
- ระบบความปลอดภัย
- เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านข้าง
- AI สแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ขนาด : 5,000mAh
- เทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging (มีหัวชาร์จแถมในกล่อง)
- ระบบ Android 11 ครอบด้วย MIUI 13 (Global)
- สี Polar white, Graphite Gray และ Atlantic Blue
- ราคา 10,990 บาท
ต่อกันที่สเปกของ Redmi Note 11 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.2 x 76.1 x 8.1 มิลลิเมตร
- หนัก : 202 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67” ความชัดระดับ FHD+ ที่มาพร้อมกับรีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปบประมวลผล MediaTek Helio G96 หน่วยประมวลผลแบบ Octa-core
- 5G : -
- Hybrid Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
- ความจุ (RAM+ROM) : 8GB+128GB
- กล้องหลังประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัวประกอบไปด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ1.9, 26mm (wide), 1/1.52", 0.7µm, PDAF
- เลนส์อัลตร้าไวลด์ 8ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.2, 118˚ (ultrawide)
- เลนส์มาโคร 2ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.4, (macro)
- เซ็นเซอร์ความลึก 2ล้านพิกเซล ƒ/2.4, (depth)
- กล้องหน้า 16ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒf/2.4, (wide)
- ลำโพง : Super Linear
- ระบบความปลอดภัย
- เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านข้าง
- AI สแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ขนาด : 5,000mAh
- เทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging (มีหัวชาร์จแถมในกล่อง)
- ระบบ Android 11 ครอบด้วย MIUI 13 (Global)
- สี Polar white, Graphite Gray และ Star Blue
- ราคา 8,999 บาท
แกะกล่องสัมผัสแรกกับเรื่องของ Design – การออกแบบ ของ Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro
อย่างที่เราได้เกริ่นกันไปแล้วว่าในรุ่น Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro มาพร้อมกับดีไซน์และสเปกที่ใกล้เคียงกันมากจะมีข้อแตกต่างกันก็เพียงเรื่องของกล้องหลังที่ในรุ่น Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว และ Redmi Note 11 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว และการรองรับ 5G เท่านั้น
ดังนั้นบทความนี้เราจึงก็หยิบเอาเจ้าพี่ใหญ่อย่าง Redmi Note 11 Pro 5G มาเป็นตัวเอกในการรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับ เพราะลูกเล่นอื่น ๆ ของ 2 รุ่นนี้เรียกได้ว่าถอดกันออกมาเหมือนกันแทบจะทั้งหมด
ส่องอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- ตัวเครื่อง Redmi Note 11 Pro 5G
- อแดปเตอร์
- สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส
- คู่มือการประกอบการใช้งาน
- ฟิล์มกันรอย (ติดมาให้เรียบร้อยแล้ว)
Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro มอบประสบการณ์การใช้งานที่พาคุณก้าวผ่านทุกความท้าทายภายใต้คอนเซ็ปต์ “Rise to the challenge” หน้าจอขนาด 6.67” AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่ให้รีเฟรชเรทระดับ 120Hz ขนาดตัวเครื่อง 164.2 x 76.1 x 8.1 มิลลิเมตร และหนักเพียง 202 กรัมเท่านั้น
ส่วนของหน้าจอด้านบนในรุ่นนี้นั้นมันมาพร้อมกับดีไซน์รอยเจาะตรงกลาง เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 16ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.4 และถัดขึ้นไปด้านบนเป็นตำแหน่งของช่องลำโพงเสียง
หน้าจอส่วนล่างเป็นปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่เปิดทำงานไปก่อนหน้านี้, ตรงกลางเป็นปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าจอหลัก (Home Screen) และสุดท้ายกับปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับหลังจากทำงานในก่อนหน้านี้
ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ลำโพงเสียงตัวที่หนึ่ง, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนและยังมี Infrared Sensor (IR Blaster) สำหรับใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันเพื่อสั่งการอุปกรณ์ไฟฟ้า ใน Application ที่มีชื่อว่า Mi Remote
สำหรับตัวเครื่องด้านล่างประกอบไปด้วยถาดใส่ซิม รองรับ NanoSIM ทั้งหมด 2 ช่อง และสามารถเพิ่มความจำผ่าน MicroSD ได้, พอร์ตเชื่อมต่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รวมไปถึงการโอนถ่ายข้อมูลแบบ USB Type-C ตรงกลาง ถัดไปทางขวาเป็นไมโครโฟนและลำโพงเสียงตัวที่สอง
ตัวเครื่องด้านขวาของรุ่นนี้เป็นปุ่มสำหรับการปรับเพิ่ม-ลดความดังระดับเสียง, ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power ใช้สำหรับเปิด-ปิด และล็อคตัวเครื่องรวมถึงเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องรุ่นนี้ไม่มีการใช้งานใดๆ โชว์ความเรียบง่ายของวัสดุตัวเครื่อง
สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับดีไซน์ที่เหมือนกันเกือบทั้งหมด ต่างกันก็แค่เรื่องของกล้องเท่านั้นครับ วัสดุของฝาหลังทำออกมาได้ดูพรีเมียม ผิวสัมผัสแบบด้านป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ยิ่งพอเป็นสีดำ ยิ่งดูหรูหราขึ้นไปอีก จริงๆ ทั้ง 2 รุ่นมีหลายสีนะครับ แต่เราได้แค่สีดำมารีวิวทั้ง 2 เครื่องเลยไม่มีสีเทียบให้ดูความแตกต่าง
โลโก้ Redmi วางในตำแหน่งด้านล่างซ้าย
อย่างที่เราบอกไปข้างต้นแล้วว่า 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องกล้องนั้นคือ Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วยความละเอียดกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตราไวด์ความละเอียด 8ล้านพิกเซล ขยายมุมมองของคุณมากถึง 118 องศา และเลนส์มาโคร ความละเอียด 2ล้านพิกเซล ที่จะช่วยให้คุณเก็บทุกรายละเอียด
ส่วนรุ่น Redmi Note 11 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เลนส์อัลตราไวด์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์มาโคร ความละเอียด 2ล้านพิกเซล และพร้อมด้วยเซ็นเซอร์ความลึก 2ล้านพิกเซล เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับถ่ายภาพบุคคลนั้นเองครับ
ส่วนของเสียงทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับระบบเสียงลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
ลูกเล่นและระบบปฏิบัติการของ Redmi Note 11 Pro Series
จุดเด่นของมือถือ Redmi Note 11 Pro Series คือได้ใช้ MIUI 13 ครอบทับกับ Android 11 ซึ่งถือว่ายังเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สามารถปรับแต่งให้ฟีเจอร์ต่างๆ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบมาได้เรียบง่ายสวยงาม และเล่นง่าย
ที่เชื่อเข้าใจได้ง่ายอยู่ เช่นการปัดซ้ายบนลงมาจะเป็น Notification (การแจ้งเตือนทั้งหมด) ปัดทางขวาลงล่างจะเป็น Quick Setting (การตั้งค่าเร่งด่วน) จุดเด่นคือในเวอร์ชั่นนี้จะมีน้ำหนักเบากว่าและทำให้โหมดได้เร็วมากขึ้น เพราะโปรแกรมรบกวนน้อยลงกว่าเดิม และยังสามารถแบ่ง Multi-Tasking หรือการทำหน้าจอ 2 หน้าจอได้ดีเหมือนเดิม
ลูกเล่นครบ ยังเน้นเรื่องของการใช้งานจริงเช่น เครื่องอัดเสียง, เครื่องอัดภาพหน้าจอ, Mi Remote ไว้สำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องคิดเลข และ Application ของ Google หากไม่พอ สามารถดาวน์โหลดเพิ่มด้วย Google Play Store
การตั้งค่าพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าการแสดงผล, ระดับความสว่าง, โหมดการอ่าน, ขนาดตัวอักษร รวมไปถึงการใช้งานรวมกัย VR ก็สามารถตั้งค่าได้ง่ายๆ แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่นในท้องตลาดครับ
นอกจากนี้ Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 ยังมาพร้อมวอล์เปเปอร์ให้เราได้ปรับเปลี่ยนอีกมากมาย โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า > ภาพพื้นหลัง หรือจะเลือกเป็น > ธีม (Theme)
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ในส่วนของระบบความปลอดภัยของเครื่อง รุ่นนี้มีให้เลือกใช้งานทั้งระบบสแกนใบหน้าและสแกนนิ้วมือที่ปุ่มเปิดปิดทางด้านข้างขวาของตัวเครื่อง
Play Store มีอะไรบ้าง?
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าในมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะมีชื่อแอปพลิเคชันว่า Google Play Store จริงมันก็คือร้านค้าของ Google นั้นเองครับ แน่นอนว่าเราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ได้จากตรงนี้
ประสิทธิภาพของการใช้งานแบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟของ Redmi Note 11 Pro Series
Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh เทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging (มีหัวชาร์จแถมในกล่อง)
สำหรับ Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับการชาร์จระดับเรือธงด้วย 67W turbo charging ที่จะช่วยให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุ 5,000mAh ได้มากกว่า 50% ในเวลาเพียง 15 นาที* การขับเคลื่อนด้วย Snapdragon® 695 ทำให้ Redmi Note 11 Pro 5G มีประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหลและทรงพลัง พร้อมยังรองรับ 5G อีกด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพ
เรามาลองทดลองทดสอบประสิทธิโดยรวมกันหน่อยครับ สำหรับส่วนนี้เดี่ยวเราจะทดสอบให้เห็นทั้ง 2 รุ่นพร้อมกันเลย เริ่มกันที่การทดสอบแรก AnTuTu โดยภาพแรกที่คุณได้เห็นคือคะแนน จาก Redmi Note 11 Pro 5G ทำได้อยู่ที่ 368,860 คะแนน
สำหรับรุ่น Redmi Note 11 Pro ทำคะแนน AnTuTu V 9.3.0 ได้ที่ 314,793 คะแนน
ทดสอบความ Geekbench 5 โปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพ ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 5 ของ Redmi Note 11 Pro 5G ได้คะแนน Single-Core ที่ 688 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,884 คะแนน
ต่อกันที่การทดสอบประสิทธิภาพด้วย 3DMark ผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วย 3DMark เป็นแอปที่เน้นทดสอบประสิทธิภาพด้านกราฟิก กันเบาๆ ครับ พบว่าคะแนนที่เห็นถือว่าเล่นเกมได้หลากหลายแนวนและทำงานจองเครื่องถือว่าโดดเด่น
จากคะแนนที่เห็นอยู่นี้ต้องบอกว่า มีความใกล้เคียงกันอยู่ประมาณหนึ่งเลยครับ แน่นอนว่าถ้านำมาเล่นเกม และใช้งานทั่วไปเรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งาน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch Tester สูงสุด 10 จุด และเป็นแบบนี้ทั้ง 2 รุ่นครับ
กล้องของ Redmi Note 11 Pro ที่ว่าจัดเต็มนั้นดีอย่างไร
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลังสามตัว ที่พร้อมมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่โดนเด่นไร้ขีดจำกัด ความละเอียดกล้องหลัก 108ล้านพิกเซล จะช่วยให้คุณถ่ายทอดภาพถ่ายด้วยสีสันที่สดใส เลนส์อัลตราไวด์ ความละเอียด 8ล้านพิกเซล ขยายมุมมองของคุณมากถึง 118 องศา และเลนส์มาโคร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่จะช่วยให้คุณเก็บทุกรายละเอียด
ทั้งยังมาพร้อมกับกล้องหน้า ความละเอียด 16ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายเซลฟี่ได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ สำหรับกล้องหลักระดับโปร ความละเอียด 108ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ HM2 ที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.52 นิ้ว และรองรับเทคโนโลยีการรวมเม็ดพิกเซลแบบ 9-in-1 รวมทั้ง ISO แบบ dual native เพื่อมอบภาพถ่ายที่น่าหลงใหลในทุกสภาพแสงไปพร้อมกับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งโดยเฉพาะในที่แสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วย Redmi Note 11 Series ในสภาวะแสงต่างๆ
เล่นแล้วเล่าพร้อมความประทับใจที่มีต่อ Redmi Note 11S เหมาะหรือไม่เหมาะสำหรับการเสียเงิน
ส่วนตัวบอกได้คำเดียวว่า...จากจุดเด่นของทั้งสองรุ่นนั้นโดดเด่นเอามากๆ จัดเต็ม แต่ราคาประหยัดกว่าเยอะ เมื่อเทียบกับรุ่นทั่วไป เริ่มกันที่เรื่องของการแสดงผลหน้าจอและระบบเสียง แม้จะเป็นหน้าจอแบบ AMOLED ก็จริงและความละเอียดถือว่าจัดเต็มกับ FHD+ โดยมีขนาดจอใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว ด้วยหน้าจอที่มีค่า Refresh Rate 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz นั่น ทำให้เราดูหนังดูหนังหรือดูอะไรจากหน้าจอได้แบบไม่หงุดหงิด แม้จะดูในบริเวณที่มีแสงมากก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสตอนดูแม้แต่น้อย
ส่วนตัวเท่าที่ลองใช้งานเรื่องสียงก็ทำออกมาได้ดี อาจเป็นเพราะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับลำโพงเป็นแบบ Stereo พร้อมกับระบบเสียง Dolby ATMOS ถือว่าให้คุณภาพเสียงที่ดี และลำโพงเสียงผมว่า ดีระดับต้นๆ ของมือถือกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้ จะฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ก็ฟังได้เพลินๆ ไปเลย
แม้ว่าจะเป็นมือถือที่มีราคาเพียงแค่ช่วงหมื่นต้นๆ และเกือบหมื่น แต่ Redmi Note 11 Pro Series ก็ไม่ได้ลดสเปกหรือปรับอะไรให้ขายได้ในราคานี้เลย เรียกว่า Xiaomi เขาจัดเต็มให้จริงๆ
ราคาและวันวางจำหน่าย
- Redmi Note 11 Pro ราคา 8,999 บาท
- Redmi Note 11 Pro 5G ราคา 10,990 บาท
โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มรวมไปถึงบน
สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ของ Redmi Note 11 Pro 5G ผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ Shopee และ Lazada และ Redmi Note 11 Pro ผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ Shopee และ Lazada
พวกเราทีมงาน Sanook! Hiech หวังว่าหากคุณได้อ่านรีวิวบทความนี้จนจบ สิ่งที่พวกเราทีมงานได้นำมาเล่าและเขียนให้ได้อ่านกันจะมีประโยชน์ในการใช้ประกอบการตัดสินใจของทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยครับ แล้วกลับมาเจอกันได้ใหม่รีวิวชิ้นถัดไป สวัสดีครับ ^^