รีวิว Skullcandy Crusher Evo เวอร์ชั่นพิเศษ Budweiser Edition สวยงามกับสีแดงสุดร้อนแรง
![รีวิว Skullcandy Crusher Evo เวอร์ชั่นพิเศษ Budweiser Edition สวยงามกับสีแดงสุดร้อนแรง](http://s.isanook.com/hi/0/ud/310/1552309/review-recovered.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ทีมได้รับหูฟังรุ่นพิเศษจาก Skullcandy ที่จับกับ Budweiser ในรุ่น Crusher Evo นั่นเอง เมื่อเห็นรูปร่างกล่องใหญ่แบบนี้มันเป็นแบบ Headphone มันจะเป็นอย่างไร มาดูกันครับ
แกะกล่อง Skullcandy Crusher Evo โดยเป็นกล่องที่สวยงามคล้ายๆ กับผลิตภัณฑ์ Budweiser จะมาพร้อมกับ
- ตัวหูฟัง Skullcandy Crusher Evo + ซองหนังที่ไว้ใส่เก็บหูฟัง
- คู่มือ
- สายชาร์จไฟ USB-C
- สาย AUX
รูปลักษณ์และการออกแบบของ Skullcandy Crusher Evo
เริ่มต้นกับดีไซน์ด้านหน้า (แต่จะเป็นส่วนด้านข้าง ซ้ายและขวา) จะเป็นผิวมันสัมผัสสีแดงสวยงาม และเป็นสะท้อนแสงที่ดูดีไม่น้อยเลยครับ และมีที่ครอบหูเป็นสีดำ ซึ่งเป็นส่วนหนังจะเป็นสีดำ
ฝั่งซ้ายจะมาพร้อมกับปุ่มทั้งหมด 3 ปุ่มโดย 2 ปุ่มบนล่างคือปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง ส่วนตรงกลางเป็นฟปุ่มฟังก์ชั่นทั่วไปเช่นการสั่งรับสาย, วางสาย, เล่นเพลง หรือหยุดเพลง
ฝั่งขวามีช่องเสียบ AUX, USB-C สำหรับชาร์จไฟและ ตัวปรับแรง Bass ที่เรียกได้ว่าดันตั้งแต่เริ่มจนสุดได้ พร้อมกับปุ่มสำหรับเปิด / ปิด และ Pairing Mode ที่เล็กกว่าใครเพื่อนแต่มีไฟสถานะบอกชัดเจนว่าสามารถเปิดได้หรือมีแบตเตอรี่เท่าไหร่
หันมาอีกด้านจะเป็นนสวมบุนิ่มๆ สีแดงและมีการบอกข้างด้านบนว่าจะเป็นฝั่งซ้ายหรือขวาพร้อมกับโลโก้ของ Budweiser
ความสบายในการสวมใส่
สำหรับหูฟังของ Skullcandy Crusher Evo ด้วยน้ำหนักอยู่ประมาณหนึ่งแต่เนื่องจากนวมของมันนั้นออกแบบให้สวมใส่สบายมากเพราะการออกแบบของหูฟังรุ่นนี้สามารถปรับรูปแบบของความสูงของศีรษะของผู้ฟังได้ดีทำให้ ทำให้เวลาฟังเพลงไม่มีปัญหา แต่ถ้าฟังนานๆ ก็อาจจะมีการปวดหูทางด้านหลังได้
คุณภาพเสียงของ Skullcandy Crusher Evo
สำหรับคนที่คุ้นเคยกับ Skullcandy ที่เป็นรุ่นเล็กพอมาฟังเจ้า Crusher Evo ครั้งแรก ถือว่าให้เสียงที่คมชัดมากอยู่ประมาณนึงแต่ว่าพบว่าช่วงแรกที่ไฟเบสไม่มีเลย ทำให้สงสัยว่าปรับอะไรผิดหรือเปล่า คำตอบคือ มันมีก้านที่ปรับระดับของเบสที่สั่นสะเทือนได้จริงทางข้างขวา แค่ดันขึ้นก็ได้รับเบสที่เหมาะกับการฟังแล้วครับ
แต่ใครที่บอกว่าเบสนั้นน้อยไปจะต้องปรับที่ด้านหลังของหูฟังด้านซ้าย โดยการผลักขึ้นไป โดยผลักจากช่อง USB-C ขึ้นไปเรื่อย จนพอใจ และสามารถปรับได้มากสุดที่
คำสั่งต่างๆ ของหูฟัง Skullcandy Crusher Evo
สำหรับคำสั่งต่างๆ ของ Skullcandy Crusher Pro จะมีอยุ่ไม่กี่อย่างเพราะปุ่มน้อยและเข้าใจง่ายมากประกอบด้วย
- กดปุ่มบน 1 ครั้ง = เพิ่มเสียง
- ปุ่มบนบนค้างไว้ 3 วินาที = เลื่อนไปเพลงถัดไป
- กดปุ่มล่าง 1 ครั้ง = ลดเสียง
- กดปุ่มล่าง ค้างไว้ 3 วินาที =ย้อนไปเพลงถัดไป
- กดปุ่มตรงกลาง = เล่นเพลง / หยุดเพลง / รับสาย / วางสาย
- กดปุ่มตรงกลาง 2 ครั้ง = เรียก Voice Assistant
- ปุ่มฝั่งซ้ายอันเล็ก กดปุ่ม 1 ครั้งเท่ากับ เปิดเครื่อง และถ้ากดค้างต่อคือ Pairing Mode และกดแล้วปล่อยแล้วกดอีกทีเท่ากับปิดหูฟัง
- กดปุ่มเพิ่มลดเสียงค้างไว้ 2 วินาที เท่ากับ Reset หูฟัง ไฟจะขึ้นเป็น LED สีม่วงเท่ากับ การ Reset เสร็จสมบูรณ์
ฟีเจอร์ของ Application Skullcandy
จุดเด่นในเรื่องของหูฟัง Skullcandy ในรุ่นใหม่ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมี Application เพิ่มการควบคุมได้ด้วยในชื่อ Skullcandy ความสามารถของหูฟังรุ่นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่กดสั่งงานต่างๆ คุณสามารถตั้งค่าต่างๆ ผ่าน Apps ที่มีชื่อว่า Skullcandy ได้ โดยใน Apps จะสามารถบอกได้ทั้ง
- ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ เฉพาะตัวหูฟังนะ
- ระดับเสียงของคุณที่ใช้
- Equalizer รูปแบบของเสียงที่กล่าวไปขั้นต้น
- Find With Tile หาหูฟังผ่านระบบของ Tile
- คู่มือการใช้งาน ซึ่งละเอียดเอามากๆ
แต่สำหรับหูฟัง Skullcandy Crusher Evo จะมีจุดเพิ่มขึ้นมาคือจะเป็นการปรับให้เสียงที่หูฟังออกมาเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของการได้ยินของเรา โดยจะวัดทั้งข้างซ้ายและขวาเลยครับ
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
เมื่อน้ำหนักของหูฟังรุ่นนี้จัดว่าไม่เบาเลยครับ แต่ว่าสิ่งที่แลกกันคือ แบตเตอรี่อยู่ได้นานมาก 40 ชั่วโมงเลยครับ แต่ว่าสิ่งที่ดีขึ้นคือการชาร์จไฟผ่าน USB-C สำหรับชาร์จไฟทำให้มันเข้าไฟได้เร็วพอสมควรเลยครับ
สรุปหลังลองฟังเสียงจาก Skullcandy Crusher Evo ที่ตกแต่งพิเศษร่วมกับ Budweiser
ถือว่าเป็นหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับดีไซน์สวยงามกับเรื่องของคุณภาพเสียงที่เรียกได้ว่าครบเครื่องแถมยังสามารถปรับเบสให้มีแรงสั่นสะเทือนทำให้เหมือนกับยกเวทีและโรงภาพยนตร์ไว้ข้างหูเลย และยังสามารถใช้ฟัง, เล่นเกม และใช้ได้นานมากขึ้น โดยราคาของหูฟังรุ่นนี้มีราคา 8,990 บาท (เท่ากับรุ่นปกติ) ถือว่าไม่แตกต่างจากปกติ เท่าไหร่แต่ถ้าอยากได้ต้องรีบหน่อยเพราะมีจำนวนจำกัดครับ และไม่แน่ใจว่าตอนนี้หมดหรือยังด้วยครับ
แต่ถ้าได้ครอบครองต้องบอกว่ามันเป็น Limited Edition พูดเลยว่าเก็บให้ดีมีราคาแน่นอนครับ