แกะกล่องลองเล่น Motorola EDGE 30 Pro มือถือสเปกจัดเต็ม แต่ราคาแค่ 2 หมื่นต้น
สวัสดีครับ กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จาก Sanook Hitech กันอีกครั้งหนึ่งสำหรับในบทความนี้ใครมองหามือถือสเปกเรือธงที่ได้ทั้งแรง อเนกประสงค์ ถ่ายภาพก็ดี วันนี้ผมมีมือถือรุ่นหนึ่งมาแนะนำ นั่นคือ Motorola EDGE 30 Pro เรามาดูและเจาะลึกกับมือถือรุ่นนี้กันว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและมันมีดีแค่ไหน
รายละเอียดสเปกของ Motorola EDGE 30 Pro
- หน้าจอ OLED พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้วความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 144Hz
- ขนาดตัวเครื่อง 163.1 x 76 x 8.8 มม.
- น้ำหนัก 196 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa Core (1x3.00 GHz Cortex-X2 & 3x2.50 GHz Cortex-A710 & 4x1.80 GHz Cortex-A510)
- กราฟิก : Adreno 730
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB (เพิ่มในรูปแบบการแปลงความจำได้ 3GB)
- หน่วยความจำภายในความจุ 256GB
- หน่วยความจำภายนอก ไม่รองรับ
- การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (Wi-Fi 6E), Bluetooth 5.2, 4G /5G
- ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่าง
- กล้องหน้าความละเอียด 60 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- ตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล multi-directional PDAF, รูรับแสง F/1.8
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล Ultrawide ให้มุมมองกว้าง 114 องศา
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล Macro
- LED Flash 2 ดวง
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K / 4K 30 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Slowmotion 960 FPS, Timelapse, Dual Recording บันทึกภาพได้ 2 กล้องหน้าหลัง
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ ไม่ได้ระบุ
- ระบบปลดล็อค : สแกนใบหน้า Face Recognition + สแกนนิ้วมือด้านข้าง
- แบตเตอรี่ความจุ 4800 mAh
- รองรับ เทคโนโลยี Turbo Charge 68W (แบบสาย) / ชาร์จไฟร้สาย 15W และ Reverse Wireless Charge ให้อุปกรณ์อื่นได้ 5W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12
- สี : ฟ้า Cosmos Blue
แกะกล่อง Motorola EDGE 30 Pro จะมีอุปกรณ์ดังนี้
- ตัวเครื่อง Motorola EDGE 30 Pro
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
- คู่มือ
- สาย USB-C to USB-C
- Adapter กำลัง 68W
- เคสซิลิโคนใส
รูปลักษณ์ดีไซน์
เริ่มต้นกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วเป็นแบบ OLED ที่ให้สีสันสวยขอบค่อนข้างห่างประมาณหนึ่งแต่ถือว่ารับได้กับการแสดงผลแบบนี้ และยังมีส่วนประกอบต่างๆ ได้แก่
ส่วนบนของหน้าจอจะมาพร้อมกับกล้อง, การแจ้งเตือนต่าง, และมีลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา รุ่นนี้ไม่ได้เป็นลำโพงแบบ Stereo ครับ
ส่วนล่างจะมาพร้อมกับปุ่มกดสำหรับสั่งงานระบบปฏิบัติการ Android แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ มันสามารถเปลี่ยนได้ โดยเลือกได้ที่ ตั้งค่า (Setting) > ระบบ (System) > การนำทาง สามารถเปลี่ยนได้ทั้ง
- ปุ่มกดปกติ ของ Android
- การสั่งงานด้วยการปัด ที่เปลี่ยนตำแหน่งปุ่มได้ด้วย
รอบตัวเครื่องยังคงออกแบบให้รับกับมือได้อย่างดีอาจจะหนาขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ยังคงให้ขอบที่สวยงามและเป็นสีดำเข้ามและเงาวับ ในฝั่งซ้ายไม่มีการให้ปุ่ม Google Assistant อีกต่อไป
อีกฝั่งจะมีปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง และ Power Button ที่สามารถใช้เป็นระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างด้วยครับ
ส่วนบนของเครื่องจะมาพร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ซึ่งข้างบนถือว่าเป็นไมโครโฟนตัวที่ 2
ส่วนล่างมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM รองรับทั้งหมด 2 ซิมพร้อมกัน, USB-C, ไมโครโฟน สำหรับใช้สนทนา และ ลำโพงของเครื่องที่มีจุดเดียวเท่านั้นเอง
พลิกมาด้านหลังจะออกแบบคล้ายกับ EDGE 20 Pro แต่มีการเปลี่ยนโลโก้ M รอบนี้เกือบจะพิมพ์ติดกับฝาหลัง กล้องหลังทั้งหมด เรียบขึ้น และมี LED Flash และมีไมโครโฟนอีกตำแหน่งเท่ากับมือถือรุ่นนี้
น้ำหนัก / การทดลองถือ / สีสัน
ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องที่ 196 กรัม นับว่าไม่ได้หนักอะไรเมื่อเทียบกับการใช้งานจริงทั้งหมดของเครื่องก็พูดเลยว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ความรู้สึกในการถือ คล่องมือดีและเรียบง่ายแต่ถ้ากลัวจับไม่อยู่แนะนำใส่เคสที่กล่องแถมมาจะดีกว่า และสีมีให้เลือกแค่ Cosmic Blue สีเดียวเท่านั้น
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม
คะแนนประสิทธิภาพจาก AnTuTu = 951,972 คะแนน
คะแนนประสิทธิภาพจาก Geekbench 5 = 1182 คะแนน (Single Core) | 3324 คะแนน (Muiti Core)
ผลการทดสอบ 3DMark
แน่นอนครับเมื่อมือถือรุ่นนี้ใช้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 1 ถือว่าแรงมากจนเรียกได้ว่าในการเล่นเกมและทำงานต่างๆ ถือว่าผ่าน แต่สิ่งที่ยังรู้สึกว่าต้องปรับปรุงคือเรื่องความร้อน เพราะมือถือที่ใช้ขุมพลังตัวนี้มักจะร้อนทุกครั้งโดยเฉพาะด้านหลัง ถ้าเกิดความร้อนสะสมนานๆ แนะนำว่า หยุดพักสักหน่อยให้เครื่องเย็นลงแล้วใช้ต่อก็ได้ครับ และยังมีฟีเจอร์ในส่วนของการเล่นเกมอย่าง Gametime ก็ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องสูงในเวลาเล่นเกมยามจำเป็นและจากการตอบสนองของเครื่องในฟีเจอร์นี้ก็เพิ่มเติมจนเรียกได้ว่าเล่นสนุกทุกเกมเลยครับ
การเชื่อมต่อของมือถือรุ่นนี้
การเชื่อมต่อของมือถือรุ่นนี้แบบสายใช้ USB-C และรองรับกับฟีเจอร์ Ready For โยนข้อมูลภาพและปรับมือถือเป็น Desktop Mode ให้เข้าทำงานได้ นอกจากนี้การใช้นำทางต่างๆ ยังบอกพิกัดได้ดี ต่อเชื่อมได้ทั้ง 5G, 4G, Wi-Fi 802.11 AX แบบ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.2
การแสดงผลภาพ / ระบบเสียง
สำหรับหน้าจอ OLED ของ Motorola แม้ว่าจะไม่ได้แสดงผลระดับ 4K ได้แต่ว่าสีสันออกมาทำได้คมชัด การสัมผัสหน้าจอเนื่องจากเป็นแบบจอ 144 Hz ที่ใช้ใน Gaming Smart Phone ในหลายๆ รุ่นช่วนทำให้การตอบสนองของเครื่องทำได้รวดเร็ว
ส่วนระบบเสียงให้ลำโพงบนล่างที่มีคุณภาพเสียงที่ดังใช้ได้ได้โดยมีลำโพงขนาดใหญ่ช่วยทำให้เสียงนั้นดูก้องกังวานมากขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับระบบ Dolby ATMOS ที่สามารถปรับเสียงในรูปแบบได้หลากหลายทั้ง Smart, Movie, Music, Game, Podcast แต่ไม่สามารถปรับเองได้
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายในตัวเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
Motorola EDGE 30 Pro เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 รอบนี้ไม่มีการครอบทับอะไรเช่นเคย รูปแบบของ Android 12 สามารถปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้ง่ายอยู่แล้ว และจัดระเบียบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับการอัปเกรดได้อีก 2 – 3 รุ่นด้วยกันครับ รองรับการใช้งาน Multi Window ได้เช่นเคย
ลูกเล่นที่โดดเด่นของ Motorola EDGE 30 Pro มีดังนี้
- Gesture Control ลูกเล่นที่สามารถใช้งานได้ดี
- เปิดกล้อง = พลิกเครื่องไปมา ฟีเจอร์นี้สามารถเปลี่ยนจากกล้องหลังมากล้องหน้าได้โดยทำท่าเดียวกัน
- การเปิด/ปิดไฟฉาย = เขย่า 2 ครั้ง
- การ Capture หน้าจอ = แตะ 3 นิ้วค้างไว้ที่หน้าจอจะมีเสียงเก็บภาพ
- การยกเครื่องเพื่อปลดล็อก
- การพลิกเครื่องเพื่อเข้า Do Not Disturb
- หยิบเพื่อปิดเสียง / ระบบเสียง
- ใช้นิ้วกวาดแยกเพื่อแบ่งหน้าจอ
Ready For จะมีฟีเจอร์ต่างๆ แบบครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น
- PC Mode เมื่อเชื่อมต่อกับ Keyboard และ Mouse เพื่อใช้สั่งงานได้ง่าย
- TV สามารถเชื่อมต่อแสดงผล
- Game Mode หากลองเข้าเกมจะแสดงผลออกหน้าจอเลย และสั่งควบคุมผ่านมือถือ เทียบกับมือถือ จะเป็นเล่นผ่านและแสดงผลมือถือ
- การประชุมออนไลน์
ระบบความปลอดภัยของเครื่องจะมาพร้อมกับ สแกนลายนิ้วมือด้านข้างของเครื่อบ และมาพร้อมกับสแกนใบหน้า ทั้งนี้สามารถในเรื่องของ Android Security Patch ที่อัปเดตให้กลับมาเสมอ
เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ Motorola EDGE 30 Pro
สำหรับกล้องของ Motorola EDGE 30 Pro จะมีดังนี้
- กล้องหน้าความละเอียด 60 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- ตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล multi-directional PDAF, รูรับแสง F/1.8
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล Ultrawide ให้มุมมองกว้าง 114 องศา
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล Macro
- LED Flash 2 ดวง
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K / 4K 30 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Slowmotion 960 FPS, Timelapse, Dual Recording บันทึกภาพได้ 2 กล้องหน้าหลัง
ฟีเจอร์ของกล้อง Motorola EDGE 30 Pro
ในส่วนของฟีเจอร์กล้อง Motorola EDGE 30 Pro ยังคงมีโหมดการทำงานที่ไม่ได้แตกต่างจาก Motorola EDGE 20 Pro สักเท่าไหร่ โดยสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์ซูมภาพ หรือ Macro จากปุ่มกด และยังมีโหมดให้เลือกสะดวกสบายครั้งวิดีโอและภาพนิ่ง
เช่นโหมดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์จริงๆ คือ Spot Color สามารถเลือกจุดสีของภาพแล้วเปลี่ยจจุดอื่นเป็นขาวดำได้ และยังมีการถ่ายวิดีโอแบบ Dual Recording ทำให้บันทึกพร้อมกันได้ทั้งหน้าและหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Motorola EDGE 30 Pro
ภาพกลางวัน / สภาพแสงปกติ
ภาพกลางคืน / สภาพแสงน้อย
ภาพรูปแบบอื่นๆ
ลองถ่ายด้วยกล้องหน้าของ Motorola EDGE 30 Pro
สำหรับกล้องหน้าของของ Motorola EDGE 30 Pro จะมีความละเอียดสูงสุด 60 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าเยอะมากๆ เลยครับนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการถ่ายวิดีโอได้ในระดับ 4K ถือว่าเยอะแล้วสำหรับมือถือรุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมีการรวมเซนเซอร์ทำใหเกิดการถ่ายภาพกลางคืนได้ แต่ไม่รวมกับโหมด Night Vision นะครับ
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้มาในขนาด 4800 mAh ฟังดูแล้วไม่เยอะเท่ากับชาวบ้านเขา แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ทั้งวันถ้าไม่ได้ใช้งานอะไรหนัก แต่ถ้าเล่นเกม จะอยู่ได้ราวๆ 8 ชั่วโมง แบบต่อเนื่องแต่ถ้าเป็นการทดสอบด้วย PCMark ปล่อยให้เครื่องทำงานจะอยู่ที่ 13 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ทั้งช่วยควบคุมในการชาร์จไฟให้เหมาะสมกับเวลาที่คุณต้องการ, ไม่ปล่อยให้ชาร์จไฟข้ามขึ้นโดยจะล็อคไว้ที่ 80% และยังมีระบบจัดการพลังงานที่เหมาะสมอีกด้วย
สำหรับระบบชาร์จไฟนั้นรองรับกำลังสูงสุดที่ 68W โดยมีที่ชาร์จนี้ติดตั้งให้ในกล่องมาให้ด้วยและเป็นแบบ USB-C to USB-C ดังนั้น หมดห่วงเรื่องชาร์จไฟได้ และยังรองรับ Wireless Charge กำลัง 15W และ Reverse Power Share จ่ายไฟย้อนกลับให้อุปกรณ์อื่นในกำลัง 5W
สรุปหลังจากทดลองใช้ Motorola EDGE 30 Pro มาสักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของมือถือเรือธงที่แท้จริงของ Motorola หลังจากหายกันไปนาน ที่เพียบพร้อมทั้งสเปกจัดเต็ม ระบบปฏิบัติการให้ อัปเกรดได้ และยังมาพร้อมกับลูกเล่นพอสมควรที่คุณได้ใช้ทั้งหมด
ทั้งหมดนี้มาในราคาแค่ 22,990 บาท เรียกได้ว่า รุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ แทบจะต้องตกใจกันไปข้างเลยและทำให้การบ้านของรุ่นอื่นที่ออกตามหลังคิดหนักเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีโปรโมชั่นพิเศษที่ทำให้คุณได้เป็นเจ้าของเครื่องรุ่นนี้ในราคาถูกและรวมถึงผู้ให้บริการเช่นเดียวกัน
ดังนั้นถ้าใครต้องการมือถือสเปกท็อปและใช้งานได้จริงลูกเล่น เพียวๆ เน้นความลื่นและไม่ค้างแต่ต้องรับได้กับความร้อนเวลาใช้งานหนัก รุ่นนี้ยังคงตอบโจทย์อยู่ครับ
จุดเด่น
- เป็นอีกมือถือรุ่หหนึ่งที่เปิดราคามาได้คุ้มมาก
- สเปกของเครื่องแรงจัด
- หน้าจอสวยคมชัดนและมีการตอบสนองไว
- การเชื่อมต่อทำได้หลากหลายและครบ
- กล้องมีระบบกันภาพสั่นไหวและการทำงานไว
- กล้องหน้าความละเอียดสูงเก็บภาพได้คมชัดไม่กลัวแดด
ข้อสังเกต
- การคายความร้อนของเครื่องทำได้ไม่เร็วนัก
- ไม่ติดตั้งกล้องที่ทำให้ซูมได้เยอะมาให้
- มาตรฐานกันน้ำทำได้แค่ IP52 แต่ไม่ได้ระบุในสเปกนะ
อัลบั้มภาพ 43 ภาพ