5 เทคนิคเลือกจอเกมมิ่ง ปี 2022 ไม่อยากซื้อผิด ต้องดู

5 เทคนิคเลือกจอเกมมิ่ง ปี 2022 ไม่อยากซื้อผิด ต้องดู

5 เทคนิคเลือกจอเกมมิ่ง ปี 2022 ไม่อยากซื้อผิด ต้องดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับเกมเมอร์แล้ว ต้องยอมว่ามิเตอร์ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราเห็นผลลัพธ์ของคอมพิวเตอร์ที่เราซื้อมา เพราะหากจัดสเปคแรง ๆ มาแล้วใช่กับจอ 60 Hz ที่ไม่มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ ภายใน ก็คงไม่ใช่แหละเนอะ

untitled-3

บทความนี้ขอแนะนำสั้น ๆ ในการเลือกซื้อจอเกมมิ่งในปี 2022 และในงาน Commart Comverse ที่กำลังจะถึงนี้กันครับ

1. เลือกความละเอียดที่ต้องการ

ปัจจุบันจอภาพความละเอียดที่ Full HD หรือ 1080p ส่วนตัวคิดว่าก็เพียงพอต่อการเล่นเกมแล้ว แต่สำหรับบางคนที่เป็นสายขั้นสุด ก็อาจต้องกำหนดสเปคสูง ๆ ไว้เพื่อรองรับกับการเล่นเกมในระดับ 2K หรือ 4K แต่ว่า และยิ่งเป็นจอเกมมิ่งที่มีพิกเซลมากขึ้น ราคาก็จะมากขึ้นไปด้วย เพราะมันต้องอิงกับองค์ประกอบอย่างอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Panel อัตรารีเฟรช และเทคโนโลยีภายในครับ ฉะนั้นเมื่อเลือกความละเอียดได้แล้ว ไปดูกันที่หัวข้อต่อไปเลย

untitled-4

2. อัตราการรีเฟรช

เป็รค่าที่บอกว่า จอสามารถแสดงภาพได้กี่ภาพ (เฟรม) ภายใน 1 วินาที ซึ่งหากต่ำ เวลาเล่นเกมที่ฉากมี่การเปลี่ยนรวดเร็วเกินไป ก็จะทำให้อาการภาพขาดครับ อัตรารีเฟรชที่เหมาะสมสำหรับจอเกมมิ่งควรเริ่มต้นที่ 144 Hz ครับ

3. เทคโนโลยีแผงควบคุม หรือ Panel

ปัจจุบันจอที่ขายอยู่บ้านเราจะมี Panel 3 อย่างหลัก ๆ คือ IPS , VA และ TN  โดย Panel  TN เป็นจอราคาถูกที่สุดเนื่องจากคุณภาพของภาพที่ดรอปลง หากเรามองจากมุมด้านข้าง ส่วน IPS เป็น Panel ที่เน้นความคมชัด และความสว่าง ส่วน VA มีจุดเด่นที่มีค่า Contrast สูงที่สุดครับ และมีราคากลาาง ๆ

ซิ่งหากเราเลือกซื้อจอ IPS 144 Hz ขึ้น ราคาก็จะสูง ๆ หน่อย แต่ถ้าเลือก TN 144 Hz ราคาก็จะเข้าถึงได้ง่ายกว่าครับ ส่วน VA 144 Hz ราคาจะพอ ๆ กับ IPS เลย อันนี้อยู่ที่ความชอบแล้วล่ะ…

4. Response times หรือ เวลาการตอบสนอง

Response times ของจอ จะมีผลเมื่อเน้นใช้เล่นเกมอย่างมาก มันจะบอกเราว่าจอภาพใช้เวลานานเพียงใดในการเปลี่ยนพิกเซลแต่ละพิกเซลจากสีดำเป็นสีขาวหรือเป็นสีอื่น ๆ ซึ่ง Monitor ส่วนใหญ่จะมีค่า Response times ไม่เกิน 5 ms (มิลลิวินาที)  แต่หากเป็นจอสำหรับใช้เล่นเกม  Response times ไม่ควรเกิน 1 ms หรือ 1 มิลลิวินาที  ไม่งั้นอาจเกิดอาการภาพเบลอเพราะมีการเปลี่ยนสีที่เร็วเกินไปได้ครับ

untitled-5

5. เทคโนโลยีภายในอย่าง Gsync และ Freesync

เวลาไปจอ คนขายมักเชียร์ว่า นี่น้อง อันนี้มี Gsync อันนี้มี Freesync  แต่น้อยคนที่จะบอกเทคโนโลยีสองอย่างนี้มันคืออะไร ซึ่งเทคโนโยทั้งสองอย่างนี้ จะมีในจอที่ถูกสร้างมาเล่นเกมโดยเฉพาะ  ซึ่งฝั่ง  G-Sync จะเป็นของ Nvidia ที่ใช้สำหรับการ์ดจอของ Nvidia เท่านั้น  และ FreeSync  จะเป็นของฝั่ง AMD ที่ใช้สำหรับการ์ดจอของ AMD เท่านั้น
โดยทั้งสองเป็นเทคโนโลยีเพื่อที่ทำมาเพื่อลดภาพฉีกขาด (Tearing) และภาพซ้ำ (Stuttering) ช่วยให้ภาพของเกมสมูทมากขึ้น

แล้วอะไรถูกกว่ากัน จอที่มีเทคโนโลยี Freesync  จะมีราคาถูกกว่า G-Sync เพราะว่า FreeSync นั้นใช้ซอฟต์แวร์ในการควบคุม แต่ G-Sync จะใช้ชิปใส่เข้าไปเพิ่ม ทำให้ต้นทุนจอราคาสูงขึ้น มันจึงมีราคาแพงกว่าครับ

สรุปคือ จะเลือกซื้อจอเกมมิ่ง ก็คงต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีและดูเหตุผลในการนำมาใช้งานครับ ยิ่งกำหนดสเปคสูงเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook