รวมเรื่องเข้าใจผิดของ Smart Watch ที่คนใช้อยากให้มี แต่กลับไม่เคยเกิดขึ้นจริง
สมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) เป็นอีก Gadget ที่เกิดมาในไม่นานแต่ก็มีหลายคนเลือกใช้งานเพราะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย และดูแลสุขภาพของเราได้ แต่ก็มีเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดว่าสิ่งเหล่านี้ที่ Smart Watch ทำได้ แต่กลับไม่เคยเกิดขึ้นจริง จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
ระบบปฏิบัติการใน Smart Watch ต้องเหมือนมือถือ เครื่องหนึ่ง
สิ่งที่คนเข้าใจผิดอย่างรุนแรงคือ ระบบปฏิบัติการของ Smart Watch เองแม้ว่าจะมีพื้นฐานบางอย่างเหมือนกับมือถือเช่น Wear OS คือระบบปฏิบัติการของ Google สำหรับ Smart Watch หรือ WatchOS ระบบปฏิบัติการของ Apple Watch ก็ตาม จะต้องทำงานเหมือนกับมือถือ แต่จริงๆ แล้วถ้าคุณเข้าไปดู Store ในการควบคุมแล้วมันมีแค่โปรแกรมที่สามารถทำงานได้รวดเร็วเท่านั้น ที่ทำงานบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเปิดมือถือก็ได้ เท่านั้น ดังนั้นการที่จะให้เหมือนกับ Smart Phone แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ดูหนังบน Smart Watch
จริงอยู่ที่เมื่อย้อนกลับไปยุค 80 ที่เราจะเห็นนวัตกรรมของ นาฬิกาที่มีการแสดงผลทีวีหรือจูนคลื่นทีวีเพื่อมารับชมได้ แต่ปัญหาหลักๆ คือ คุณต้องพกอุปกรณ์ที่เหมือนกับเสาอากาศทีวีและแบตเตอรี่ของนาฬิกาจะใหญ่มาก เพื่อรองรับการแสดงผลภาพบนหน้าปัด พอตัดภาพมาที่ยุคของ Smart Watch หลายเรือนแล้วที่แสดงผลคมชัด (แต่ไม่ถึง 1 ล้านพิกเซลหรอกถ้าคูณดีๆ )
จึงเป็นเรื่องยากที่คุณจะรับชมภาพยนตร์ หรือ YouTube ใน Smart Watch ได้ หรือต่อให้รับชมได้ เวลาเชื่อมต่อซิมการ์ด (eSIM) ก็จะมีการใช้แบตเตอรี่จำนวนมาก ลำพังว่าใช้งาน 1 วันก็แทบจะชาร์จไฟรายวันอยู่แล้ว ถ้าต้องมาดูหนังให้ภาพเคลื่อนไหว จะกินไฟขนาดไหน
อีกเรื่องคือค่าบริการของ eSIM เริ่มต้นเดือนละ 199 – 399 บาท แล้วแต่ผู้ให้บริการ พอเห็นแบบนี้ก็แทบเห็นผู้คนจำนวนน้อยมากที่เปิดบริการ eSIM มาใช้งานกันครับ
แสดงแผนที่แบบเต็มบน Smart Watch
ต่อมาคือถ้าคุณคิดว่าจะให้การแสดงผลแผนที่บน Smart Watch อาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากมากเพราะขนาดของภาพของแผนที่มันยากที่จะกดได้ ทำให้ฟีเจอร์การแสดงผลการกดเลือกสถานที่ไป (Pin To Maps) เป็นไปได้ยากมาก แต่ปัญหานี้ถูกแก้ไขด้วย ผู้ช่วยอัจฉริยะ สั่งให้บอกพิกัด หรือ จะกดผ่านมือถือให้ Smart Watch บอกพื้นที่ลักษณะเดียวกับภาพด้านบนได้เลยครับ
Smart Watch ทุกรุ่นต้องลงดำน้ำได้
สิ่งหนึ่งที่หลายผู้ผลิต Smart Watch ให้มาเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานคือ มาตรฐานกันน้ำนั่นเอง ถ้าคุณเห็นว่ามันกันน้ำทั้ง IP68 หรือ 5ATM เท่ากับลงน้ำได้ราวๆ 1 เมตร หรือ 50 เมตร บางรุ่นก็อาจจะลงได้มากกว่านั้น ใช่ว่าทุกเรือนจะลงน้ำแบบลึกได้ ฉะนั้นต้องศึกษาคู่มือและรายละเอียดของ Smart Watch รุ่นนั้นว่าจริงๆ แล้วสามารถลงน้ำได้ลึกจริงหรือเปล่า
การควบคุมเล่นเกมแทนมือถือ
อีกเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดคือ Smart Phone นั้นมีเซนเซอร์ตั้งเยอะ ต่อมือถือได้ต้องสามารถควบคุมการเล่นเกมผ่านมือถือได้สิ แต่จริงๆ เซนเซอร์เหล่านั้นไม่สามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ของการเชื่อมต่อ Bluetooth ของ Smart Watch ได้ ไม่มีโปรแกรมควบคุมที่ลึกขนาดนั้นครับ ดังนั้นถ้าใครอยากเล่นเกมและมีตัวควบคุม อุปกรณ์ที่คุณต้องการคือ Joy Stick ครับไม่ใช่ Smart Watch
สรุปสั้นๆ หน้าที่หลักๆ ของ Smart Watch คือการอำนวยความสะดวกเช่น ออกห่างจากมือถือต้องการรับสายหรืออ่านข้อความรวมถึงการใช้ดูแลสุขภาพหรือพูดสั่งงานให้มือถือช่วยเหลือทำโน้นทำนี่มากกว่าที่จะเป็นอุปกรณ์หลักที่จะใช้งานแทน Smart phone หรือ Tablet มากกว่า ดังนั้น ถ้าจะเลือกซื้อขอให้คิดถึงข้อจำกัด ที่มันเป็นด้วยเหตุผลคือ ผมตัวแค่นี้ พี่จะให้ผมเป็นทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ไว้ด้วยคุณจะมีความสุขและใช้ Smart Watch ที่มีราคาหลักร้อนไปจนถึงหลักหมื่นได้เต็มที่และมีความสุขครับ
