รู้จัก Refresh Rate ค่ายิ่งเยอะมันดีกว่าอย่างไร
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าการเลือกซื้ออุปกรณ์การแสดงผลเช่นหน้าจอ , Tablet , Notebook หรือ มือถือเองก็มีเรื่องค่าความเร็วของหน้าจอ หรือรุ่นนี้ใช้ Refresh Rate ที่เท่าไหร่ ค่าต่างๆ ทั้ง 60Hz , 120Hz , 144Hz ไปจนถึง 300Hz มันคืออะไร วันนี้ทีม Sanook Hitech มีคำตอบและเผยวิธีเลือกซื้อให้กระจ่างขึ้นครับ
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักค่า Refresh Rate กันก่อน
Refresh Rate คืออัตราการเคลื่อนไหวของหน้าจอ โดยมากแล้วจอแบบ LCD และ LED จะมีค่ามาตรฐานที่ 60Hz โดยคิดเป็น การแสดงผลภาพภายใน 1 วินาทีต่อเฟรม (Frame Rate Per Second หรือ FPS) นั่นคือ 1 วินาทีนั้นภาพจะแสดงผลได้ที่ 60 ภาพ และยิ่งตัวเลขค่า Hz (เฮิรตซ์) ยิ่งมากก็แสดงผลว่าจะแสดงผลภาพนิ่งได้มากกว่า เช่นหน้าจอ 144Hz จะแสดงผลภาพ 144 FPS
Refresh Rate มากนั้นมีผลดีอย่างไร
เมื่อหน้าจอมีค่า Refresh Rate ที่มากเท่ากับการแสดงภาพจะดูลื่นไหล สบายตา การตอบสนองทำได้ทันใจกว่า และเหมาะกับคนที่เน้นเล่นเกมแนวยิง (Shooting) เพื่อให้ตัวละครนั้นขยับทันมากขึ้น และภาพไม่ฉีกขาด ทั้งนี้ใช่ว่าการเลือกหน้าจอที่มี Refresh Rate สูงๆ แล้วคอมพิวเตอร์หรือมือถือจะรับได้ทั้งหมด มันต้องขึ้นกับ Hardware โดยเฉพาะการ์ดจอ จะต้องรับให้ทันด้วย
Refresh Rate กับ Touch Sampling Rate ต้องสอดคล้องกันหรือไม่
เมื่อไม่นานมานี้ก็มีการพูดถึง Touch Sampling Rate ตามมาด้วยโดยมักจะอยู่กับหน้าจอสัมผัส ซึ่งค่านี้ก็มีการสอดคล้องกับ Refresh Rate และอัตราส่วนของหน้าจอเช่นเดียวกัน โดย Touch Sampling Rate คือค่าความไวในการสัมผัสหน้าจอ ซึ่งหน้าจอที่ไวระดับ 120Hz มักจะมีค่า Touch Sampling Rate ที่ 240Hz ถ้าใครมองภาพแล้วไวแต่กดสัมผัสหน้าจอแล้วหันช้า ก็ให้รู้ว่าค่าสัมผัสหน้าจอมือถือของคุณช้านั่นเอง
ผลเสียของค่า Refresh Rate สูงๆ กับอุปกรณ์อย่างมือถือ
เห็นพูดมาถึงเรื่องประโยชน์กันไปเยอะแล้ว มาพูดเรื่องผลเสียงของการตั้งค่า Refresh Rate ของหน้าจอสูงกันสักหน่อย ดีกว่า นั่นคือการใช้พลังงานสูงเกินไป เช่น Facebook เป็นโปรแกรมที่มีแค่ 60 Hz ก็เพียงพอ การเปิดไปที่ 120 – 144Hz ถือว่าลื่นกว่าก็จริงแต่แบตเตอรี่ก็จะลดลงไวด้วย ทั้งนี้หลายรุ่นก็จะมีฟีเจอร์เรียกว่า Adaptive Refresh Rate ก็ออกมาแก้ปัญหาเรื่องนี้
สุดท้ายเราควรเลือกจอแบบไหน
ดังนั้นการเลือกอุปกรณ์ไม่จะเป็น Game Console, PC สเปกเล่นเกม เพื่อจะให้รองรับกับหน้าจอแบบไหนก็ต้องดูความพอใจว่าคุณต้องการให้ภาพออกมาไวแค่ไหน ถ้าเป็นสายแข่งเกมคงต้องให้ความสำคัญกับ Refresh Rate หรือ response Time สักหน่อย แต่ถ้าคุณเล่นเกมธรรมดาเสียบกับทีวี เน้นความละเอียด 4K / 60Hz ก็เพียงพอแล้วครับ ส่วน Notebook, Tablet และ มือถือ เลือกให้สอดคล้องกับงบประมาณและสเปกเหมือนเดิมที่เคยเป็นมาจะดีกว่า