FCC ปฏิเสธให้เงินอุดหนุน Starlink มูลค่า 30,000 ล้านบาท ในการขยายเน็ตดาวเทียมสู่ชนบท
กสทช. สหรัฐฯ (FCC) ได้ปฏิเสธให้เงินอุดหนุนแก่สตาร์ลิงก์ (Starlink) ของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) มูลค่า 885.5 ล้านเหรียญ (30,000 ล้านบาท) ในการช่วยขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมไปยังพื้นที่ชนบทของสหรัฐฯ ในโครงการกองทุนโอกาสดิจิทัลเพื่อชนบท (RDOF) โดยให้เหตุผลว่าสตาร์ลิงก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถให้บริการตามสัญญาที่ตกลงไว้
เดือนธันวาคม 2020 กองทุน RDOF ได้เปิดประมูลในเฟสที่ 1 เพื่อจัดสรรเงินทุน 9,200 ล้านเหรียญ (323,196 ล้านบาท) ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปยังคนชนบทกว่า 10 ล้านคนใน 49 รัฐและหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ซึ่งพื้นที่ในชนบทส่วนใหญ่จะได้รับอินเทอร์เน็ตความเร็วอย่างน้อย 100/20 เมกะบิตต่อวินาทีและโดยส่วนใหญ่มากกว่า 85% จะได้รับความเร็วในระดับกิกะบิต ทั้งนี้สตาร์ลิงก์ได้รับสัญญาให้บริการเน็ตผ่านดาวเทียมไปยังพื้นที่ 642,925 แห่งใน 35 รัฐของสหรัฐฯ โดยจะได้รับเงินทุนที่ทยอยจ่ายเป็นรายเดือนไปตลอดในช่วง 10 ปีข้างหน้า
เจสสิก้า โรเซนวอร์เซล (Jessica Rosenworcel) ประธาน FCC เผยว่าสตาร์ลิงก์ได้รับสัญญาก็จริง แต่ FCC ไม่มีเหตุผลอันควรที่จะให้เงินอุดหนุน 10 ปี สำหรับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาต่อสาธารณะ ซึ่งผู้ใช้จะต้องใช้เงินซื้อจานรับสัญญาณราคา 600 เหรียญ (21,084 บาท) พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้องใช้เงินทุนที่หายากส่วนใหญ่สำหรับการขยายบรอดแบนด์ และไม่สามารถจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่บริษัทที่ไม่สามารถส่งมอบความเร็วเน็ตตามที่สัญญาเอาไว้หรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
FCC ได้อ้างถึงข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งบ่งบอกว่าความเร็วของอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงก์ได้ลดลงมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 มาจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 และความเร็วในการอัปโหลดลดลงต่ำกว่า 20 Mbps (ไม่ตรงตามข้อกำหนด)
นอกจากสตาร์ลิงก์ของสเปซเอ็กซ์แล้ว ยังมีบริษัท LTD Broadband ผู้ให้บริการไร้สายในตำแหน่งที่ตายตัว ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐฯ ซึ่งได้เงินอุดหนุนจากโครงการนี้กว่า 1,300 ล้านเหรียญ (45,747 ล้านบาท) ก็ได้ถูก FCC ปฏิเสธให้เงินอุดหนุนในวันเดียวกัน ด้วยเหตุผลไม่มีความสามารถที่เหมาะสมตามข้อกำหนด