เครื่องจัดยาอัตโนมัติโดย AI บริการผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
นวัตกรรมทางการแพทย์จากการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวินิจฉัยโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งบรรเทาภาระทางการสาธารณสุขและของบุคลากรทางแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งบริบทของจีนและโลก กำลังเป็นเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตามอง
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อดูแลสุขภาพแบบครบวงจร หรือ Health Technology (Health Tech) นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้านการตรวจสุขภาพ การวิเคราะห์ วินิจฉัยการค้นคว้าวิจัยทางด้านยาและการแพทย์ แนวทางการนำเทคโนโลยี AI, Machine Learning มาพัฒนาในแวดวงการแพทย์และยารักษาโรคในปัจจุบันและในอนาคต
ในบ้านเราเองตอนนี้ก็มีการนำ AI เข้ามาช่วยเสริมธุรกิจสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการช่วยแพทย์ และพยาบาลดูแลผู้ป่วยตั้งแต่การเริ่มเข้ามารอคิวไปจนถึงการผ่าตัด และการดูแลรักษาตัวระหว่างร่างกายพักฟื้น หากเป็นเมื่อก่อนถ้าเราจะบอกว่าจะมีหุ่นยนต์เข้ามาช่วยดูแลเราร่วมกับคุณหมอคงจะมีในต่างประเทศ แต่เชื่อไหม เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วในประเทศไทย ด้วยการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาของมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์เทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการสุขภาพ และวันนี้เรามีตัวอย่างเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยเหลือในด้านสุขภาพจากฝีมือของคนไทยนี่เอง
ล่าสุดโรงพยาบาลกรุงเทพ ทุ่มลงทุน 100 ล้านบาท นำเครื่องจัดยาอัตโนมัติมาใช้ มุ่งเน้นด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถจัดยาได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ได้ทั้งยาเม็ดเปลือย ยาเป็นแผง ตัดแผงยา นับจำนวนยาได้ด้วยเครื่อง พร้อมระบุวันและเช็กล็อตการผลิตยา บันทึกข้อมูลการจัดยาได้อย่างละเอียด สามารถตรวจสอบเรียกคืนยาจากผู้ป่วยได้
หุ่นยนต์ AI ขนส่งและจ่ายยาอัตโนมัติ
จากปัญหาในแต่ละวันที่ผู้ป่วยต้องเสียเวลารอโรงพยาบาลจ่ายยานานกว่า 1 ชั่วโมง แต่การใช้ AI ในการช่วยจ่ายยาสามารถลดระยะเวลาให้เหลือเพียงแค่ 15 นาที ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และลดความเสี่ยงของเชื้อโรคในการแพร่กระจายได้อย่างดี เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ลดความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการจัดและจ่ายยา ควบคู่กับรถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ (Smart Mobile Medication Cart) ช่วยลดการปนเปื้อน และเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้ป่วยได้รับยาได้ถูกคน ถูกยา และถูกเวลา
โดยปัจจุบัน มีทั้งหมด 3 เครื่อง ในอาคารหลัก คือ รพ.กรุงเทพ และรพ.กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล ใช้ใน 11 หอผู้ป่วยในของโรงพยาบาล รองรับคำสั่งยาของแพทย์ได้มากกว่า 10,000 รายการยา/ต่อวัน
มาถึงตรงนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเทคโนโลยี AI ด้านสุขภาพของประเทศเรามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากแตกต่างจากในอดีตที่เราเป็นเพียงแค่ผู้ตาม และนำเข้าเทคโนโลยีมาใช้ในราคาแพง ๆ ที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะการให้การสนับสนุนจากภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่องทำให้นักวิจัย และน้อง ๆ นักศึกษาที่มีความรู้ ความสามารถด้าน AI ได้สร้างผลงานเพื่อเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกคน นับเป็นเรื่องที่ดีของคนไทยที่เราสามารถมีเทคโนโลยีล้ำอนาคต ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก
ความปลอดภัยของผู้ป่วยสำคัญที่สุด
ในทุก ๆ กระบวนการการรักษา โดยเครื่องจัดยาอัตโนมัติสำหรับผู้ป่วยนอก (OPD) มีประสิทธิภาพสูงสามารถบรรจุยาเม็ดเปลือยได้ถึง 220 รายการ จัดยาอัตโนมัติได้ 15 ช่องพร้อมกัน เป็นระบบปิด ไม่มีการสัมผัส ป้องกันการปนเปื้อนของยาต่างชนิด ใช้เวลาสั้นลง สามารถบริการผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ สำหรับเครื่องจัดยาอัตโนมัติ สำหรับผู้ป่วยใน (IPD) เป็นเครื่องรุ่นใหม่ในประเทศไทย
จุดเด่นที่สุดของเครื่อง คือ สามารถจัดเตรียมยาให้พร้อมใช้ แบบ unit dose ทั้งยาฉีดและยาพ่นขนาดเล็ก Prefilled Syringe ยาเม็ดได้ทั้งยาเม็ดเปลือยและแผง โดยเฉพาะยาเม็ดแผงจะตัดแผงยาแต่ละเม็ดให้อยู่ในพลาสติกเคลือบแผงเดิม (Original Blister) ลงไปถึงแต่ละเม็ดยา และนับจำนวนยา จ่ายยาออกมาเป็นชุดยาเฉพาะผู้ป่วยตามคำสั่งแพทย์ในแต่ละวัน บันทึกข้อมูลการจ่ายยา จำนวนยาที่ใช้ไปแล้วและยาที่คงเหลือจำแนกตามคนไข้ ตามรายการยา
รวมถึงยังมี Barcode ระบุข้อมูลยา ล็อตการผลิต และวันหมดอายุ สามารถระบุวันและเช็กล็อตยาได้ ทำให้ตรวจสอบและเรียกยาคืนกลับมาจากผู้ป่วยในกรณีที่ยามีปัญหาได้อย่างสะดวกและบริหารยา ส่งถึงผู้ป่วยโดยรถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ (Medication Cart) เป็นนวัตกรรม ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับรถเข็นจัดยา เพิ่มระบบยืนยันตัวตนพยาบาลและยืนยันผู้ป่วยก่อนการนำส่งยา ช่วยเพิ่มความแม่นยำ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างปลอดภัย เมื่อมารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
จะเห็นได้ว่า นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ของโลกที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเกิดประโยชน์ เป็นประโยชน์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านสุขภาพเป็นวงกว้าง การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริการ การรักษาพยาบาล และการดูแลผู้ป่วย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนา รวมถึงการป้องกันและควบคุมโรคระบาด COVID-19 ด้วย