Galaxy Buds2 Pro กับ Galaxy Buds2 : คุณว่าอะไรคือความแตกต่าง?
อย่างที่ทราบกันดีว่า Samsung เพิ่งเปิดตัว Galaxy Buds2 Pro ซึ่งทำให้ตัวเลือกหูฟังไร้สายของค่ายนี้เพิ่มมากขึ้นมาเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งรุ่น
ตอนนี้ทาง Samsung มีหูฟังไร้สายในตระกูล Buds ในตลาดอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น Buds รุ่นเริ่มต้น, Buds Pro หรือรุ่น Buds Live และบทความนี้จะมาบอกคุณว่าคุณควรซื้อรุ่นไหน หรือจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดไปเลย
และที่สำคัญไปกว่านั้น ความแตกต่างระหว่าง Galaxy Buds2 Pro ใหม่กับ Galaxy Buds2 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 จะมีความแตกต่างกันอย่างไรในแบบภาพรวม มาเริ่มกันเลย
ราคา
การเปิดตัวหูฟังสเปกท๊อปสุดของ Samsung นั้นเคาะออกมาที่ 230 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ ประเทศไทยคือราคา 6,990 บาท แต่ในรุ่น Galaxy Buds 2 วางจำหน่ายเมื่อ สิงหาคม 2021 ในราคา 150 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือในประเทศไทยเพียง 3,990 บาท เห็นว่าราคานั้นห่างกันครึ่งต่อครึ่งกันเลยทีเดียว ถ้ามองเรื่องราคา ยังไง Galaxy Buds 2 ก็จะได้เปรียบกว่า
การออกแบบและสีสัน
ถ้าคุณนำ Galaxy Buds 2 Pro และ Galaxy Buds 2 มาวางข้างกันจะพบว่ากล่องภายนอกแทบจะเหมือนกันเลย อาจจะต้องนำสีสันเข้ามาตัดสินว่าคืออะไร โดยสิ่งที่เห็นว่าเหมือนกันคือตำแหน่งไฟ LED ที่อยู่ด้านหน้าและมี USB-C เหมือนกันที่ด้านหลัง แต่ถ้าจะแตกต่างกันไปเลยคือวัสดุของ Galaxy Buds 2 จะเป็นแบบเงา (Glossy) แต่ Galaxy Buds 2 Pro จะเป็นผิวด้านนั่นเอง
ส่วนหูฟังนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยสังเกตว่า Galaxy Buds2 Pro จะมีส่วนประกอบที่เด่นชัดกว่าเช่นตะแกรงสีดำที่อยู่ด้านข้าง ดูสะดุดตากว่า Galaxy Buds 2 ที่จะไม่มีอะไรและผิวสัมผัสของ Galaxy Buds 2 จะเป็นแบบมันวาวและลื่น แต่ Galaxy Buds 2 Pro จะเป็นผิวด้านนั่นเอง
การออกแบบนี้จะทำให้เวลาการจับ Buds 2 Pro จะรู้สึกดีกว่า แต่ด้วยพลาสติกด้านในทำให้ผู้เขียนรู้สึกไม่คืนประทับใจแต่บางคนอาจจะชอบวัสดุแบบนี้ก็เป็นไปได้
สิ่งสำคัญคือการออกแบบของหูฟังทั้งคู่ เน้นดูสวยและมีสไตล์แบบ มินิมอล ใส่แล้วสบายหู และมี Eartips สำรองให้เลือกใช้ด้วย แถมยังมีขนาดสะดวกพกเพราะกล่องชาร์จอันเล็กน่ารักน่าพกพา
สำหรับสี Buds 2 Pro ใหม่มีวางจำหน่าย
- Graphite
- White
- Bora Purple
ดังที่คุณเห็นจากภาพถ่ายของเราเจ้าสี Bora Purple ดูค่อนข้างดี
Buds 2 มีสีให้เลือกดังนี้:
- Graphite
- White
- Lavender
- Olive
สิ่งที่สังเกตได้เลยเกี่ยวกับเคสอีกข้อคือ ไม่ว่าจะเลือก Buds 2 รุ่นไหนกล่องด้านนอกจะเป็นสีขาวทั้งหมด ในทุกสีแต่ Galaxy Buds 2 Pro จะได้สีตามที่คุณเลือก
คุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC)
เรื่องหนึ่งที่ผู้ใช้งานให้ความสำคัญคือ คุณภาพเสียง ทุกวันนี้หูฟังนี้ก็มีการใส่เทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี ANC หรือ Active Noise Cancellation ว่าทำได้ดีเพียงใด การทดสอบครั้งนี้จะมีการเล่นเพลงและเปิด ANC ให้เหมือนกันทั้งคู่
ผลที่ออกมานั้น Samsung Galaxy Buds 2 Pro กลับทำเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่า โดยเฉพาะเพลงแนว แดนซ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่หรือฮิปฮอป เนื่องจากมีเสียงที่เรียบและค่อนข้างเรียบ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี) พร้อมซับเบสที่หนักแน่นและหนักแน่น จนไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
ส่วน Galaxy Buds 2 ยังเน้นเรื่องเบสที่แน่น แต่ว่าไม่ลึกเท่า ส่วนความครอบคลุมความถี่ที่สูงนั้นทำได้ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงกลางและสูงอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก และตามความจริงต่างกันมาก แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ให้เสียงที่ออกมาได้ยอดเยี่ยมพอกัน
การใช้งาน ANC ตามสถานการณ์ต่างๆ
สิ่งหนึ่งใน Galaxy Buds 2 Pro ได้ปรับจนดีผิดหูผิดตาคือระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ทำได้น่าประทับใจ และเรียกได้ว่า ตาม Samsung ทันแล้วก้ว่าได้ เท่ากับย่านความถี่สูงตามสถาพแวดล้อมของคุณจะถูก ANC ปิดกั้นไม่ให้เสียงเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่น คุณกำลังเดินทางอยู่บนเครื่องบิน รถประจำทางที่แออัด หรืออยู่ในที่ทำงานที่พลุกพล่าน คุณไม่ควรกังวลกับเสียงรบกวนรอบตัวคุณ และยิ่งเล่นเพลงก็จะทำเสียงที่ออกมาในระดับกลางและสูงทำได้ดี
ขณะเดียวกัน Galaxy Buds 2 ก็มีระบบ ANC มาให้เหมือนกัน แต่ว่าการตัดเสียงนั้นอาจจะยังไม่ได้รองรับกับความถี่สูงได้ดีเท่ากับรุ่น Pro เช่นการปิดกั้นเสียงความถี่สูงเช่นเสียงลมที่พัดใส่หน้าคุณ ดังนั้น ราคาที่สูงกว่าของ Galaxy Buds 2 Pro อาจจะไม่ได้มีดีแค่เสียง ถ้าคุณดูรายละเอียดที่แตกต่างก็จะเข้าใจได้
มาเจาะสเปกความแตกต่างของ Galaxy Buds2 Pro และ Galaxy Buds2 กัน
สเปคเด่นของ Galaxy Buds2 Pro:
- มาพร้อม บลูทูธ เวอร์ชัน 5.3
- เสียงแบบ 360 ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว
- Hi-Fi 24 บิต (ต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของ Galaxy)
- ANC ในแบบ อัจฉริยะ
- การกันน้ำระดับ IPX7 (เฉพาะหูฟังเอียร์บัด ไม่ใช่ตัวเคส)
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่: สูงสุด 29 ชม. พร้อมเคส (ในโหมด ANC Off)
- เคสชาร์จไร้สาย + USB-C
สเปคเด่นของ Galaxy Buds2 :
- บลูทูธ เวอร์ชัน 5.2
- 360 เสียง
- Hi-Fi 16 บิต
- ANC
- ไม่ได้ระบุว่ากันน้ำระดับเท่าไหร่
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่: สูงสุด 20 ชม. พร้อมเคส (ในโหมด ANC Off)
- เคสชาร์จไร้สาย + USB-C
ดังนั้นถ้าคุณอ่านผ่านๆ และสนใจในเรื่องคุณภาพเสียงที่มีคุณภาพสูงระดับ 24bit (หรือระดับ Hi-Res) อาจจะต้องไปจบกับรุ่นโปรเท่านั้น แต่ก็มีข้อจำกัดคือ สามารถใช้งานได้กับมือถือ และ Tablet ของ Samsung Galaxy รวมไปถึง Apps Streaming ได้บาง Apps เท่านั้น
ส่วนมาตรฐานกันน้ำ Buds2 Pro ทำได้ที่หูฟังเท่านั้น ดังนั้นการใช้งานจะเหมาะกับการใส่แล้วลุยฝนหรือออกกำลังกายที่มีเหงื่อมากกว่าที่จะลงน้ำ และแบตเตอรี่ของ Galaxy Buds2 Pro จะอยู่ได้นานกว่า Galaxy Buds 2
การควบคุมหูฟัง
ทั้ง Galaxy Buds2 Pro และ Galaxy Buds2 รุ่นเก่ามีระบบควบคุมแบบสัมผัสที่เหมือนกันทุกประการ ด้านข้างของหูฟังเอียร์บัดไวต่อการสัมผัส และการแตะหนึ่งครั้งหรือหลายครั้งจะทำสิ่งต่อไปนี้...
- กดค้างไว้ – สลับระหว่าง ANC และ Ambient sound
- แตะครั้งเดียว - เล่นหรือหยุดชั่วคราว
- แตะสองครั้ง – เพลงถัดไป
- แตะสามครั้ง – เพลงก่อนหน้า
ทั้งนี้ยังไม่รวมกับฟีเจอร์ Labs ที่สามารถสั่งงานที่ขอบเพื่อเพิ่มลดเสียงอีกด้วย
คำตอบสุดท้าย : ควรซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน
ผู้เขียนบทความนี้อย่าง Rado Minkov จากเว็บไซต์ Phonearena.com ได้มีความเห็นว่า Galaxy Buds2 Pro นั้นถือว่าเป็นหูฟังที่ออกแบบให้ดูดีกับวัสดุผิวด้าน พร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาว เสียงดีชัดเจน พร้อมกับ ซับเบสที่ดี ระบบ ANC ที่ถือว่าดี และกันน้ำได้ดี กับคุณภาพเสียงแบบ 24 bit ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีแต่ใช้ได้กับอุปกรณ์อย่าง Galaxy เท่านั้น
ส่วน Galaxy Buds2 รุ่นเล็กที่มีดีไซน์ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวในเวลาเดียวกัน อายุแบตเตอรี่อาจจะไม่ได้ยาวมาก แต่ก็ถือว่าเหมาะสม เสียงถือว่าทำได้เกือบจะดีในภาพรวม แถมมี ANC อาจจะไม่กันน้ำ แต่รองรับ Hi-Fi 16 Bit จริงๆ ด้วยราคาที่ห่างกันมากพอสมควร การเลือกหูฟังรุ่นนี้ก็ไม่ผิดอะไร
ดังนั้นคำตอบจึงออกมาว่า ถ้าคุณต้องการประสบการณ์เสียงที่ถือว่าใช้ได้ แต่ประหยัดเงินกว่า Galaxy Buds2 คือคำตอบที่ดี
แต่ถ้าหากคุณอยากรับประสบการณ์เสียงแบบ 24-bit และคุณใช้อุปกรณ์ของ Samsung Galaxy อยู่แล้ว และคุณสมัครบริการการฟังเพลงระดับ 24-bit อยู่แล้วด้วย คำตอบของคุณจะเป็น Galaxy Buds2 Pro ในทันที
ทั้งนี้บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด สิ่งที่คุณจะต้องไปลองทำต่อคือการทดลองฟังว่าคุณเหมาะกับหูฟังรุ่นไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ