ทำไม Apple ถึงเลิกขาย iPhone mini แค่ยอดขายไม่ดีจริงหรือไม่?
การมาถึงของ iPhone 14 ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือเรือธงรุ่นใหม่จาก Apple นับเป็นซีรีส์แรกในรอบหลายปีที่ไม่มีรุ่นขนาดหน้าจอต่ำกว่า 6 นิ้ว จากเดิมเมื่อครั้งที่มีการเปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 13 จะมีรุ่น mini ที่เป็นรุ่นเล็กสุด มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.4 นิ้ว แต่การเปิดตัวในรุ่นใหม่คงเหลือขนาดหน้าจอไว้ให้เลือกอยู่แค่เพียง 2 ขนาด ได้แก่ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว โดยมีโมเดล Plus (6.7 นิ้ว) ขึ้นมาเป็นตัวเลือกทดแทน หลายคนคงเกิดคำถามอยู่ในใจ เพราะอะไรแอปเปิ้ลถึงยกเลิกการวางจำหน่าย iPhone mini ไป
Apple เปิดตัว iPhone mini ครั้งแรกใน iPhone 12 mini เมื่อปี 2020 ตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ ที่ต้องการ iPhone หน้าจอขนาดเล็ก ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า iPhone หน้าจอขนาดเล็กน่าจะไปได้อีกหลายปี แต่แล้วก็ยุติการพัฒนาต่อใน iPhone 14 ที่ดันไปจอใหญ่ทั้งหมด
อย่างที่หลาย ๆ คนได้ยินข่าวคือ iPhone 12 mini ทำยอดขายได้ไม่ดีนัก ในปี 2020 ทำยอดขายได้เพียง 6% จากยอดขาย iPhone 12 ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา (ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) อ้างอิงข้อมูลจาก CIRP นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก Counterpoint Research ที่รายงานในทิศทางเดียวกันว่า iPhone 12 mini ทำยอดขายได้เพียง 5% จาก iPhone 12 ทั้งหมด
Morgan Stanley เชื่อว่า Apple ลดการผลิต iPhone 12 mini ลงถึง 2 ล้านเครื่อง เพื่อเพิ่มกำลังผลิตให้ iPhone 12 Pro ที่ได้รับความนิยมมากกว่าแทน โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ได้รับความนิยมสูงมากจน Apple ต้องตอบรับกระแสแทน
JP Morgan Chase รายงานว่า Apple ได้สั่งหยุดผลิต iPhone 12 mini อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 เนื่องจากยอดขายส่อแววแย่ลงเรื่อย ๆ แต่เนื่องจาก Apple เป็นบริษัทที่วางแผนการผลิตและซัปพลายเชนล่วงหน้า ทำให้บริษัทต้องทำ iPhone 13 mini แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในเดือนเมษายน 2022 ข้อมูลจาก CIRP เผยว่า iPhone 13 mini มียอดขายเพียง 3% จาก iPhone 13 หรือเพียงครึ่งเดียวของ iPhone 12 mini เท่านั้น เป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่าตอนนี้ได้หมดยุคหน้าจอเล็กไปแล้วครับ