รีวิว ROG Phone 6 มือถือเล่นเกมรุ่นใหม่ที่สเปกแรงสุด และเย็นสุดๆ
กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้เอาใจคนอยากเล่นเกมตัวจริงกับมือถือ เพื่อคอเกมในตำนานอย่าง ROG Phone 6 Series ที่เรียกว่าจัดเต็ม โดยรอบนี้ทีมได้รับเป็นรุ่นกลางอย่าง ROG Phone 6 สี Phantom Black RAM 16GB / ROM 512GB จะแรงขนาดไหน มารับชมกันเลย
รายละเอียดสเปกเครื่อง ROG Phone 6 / 6 Pro
- ขนาด : 172.84 x 77.26 x 10.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 236 กรัม
- หน้าจอ : ุ6.78 นิ้ว แบบ AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate สูงสุด 165Hz สามารปรับได้ทั้ง 60 / 120 / 144 และ 165 Hz ความสว่าง 1,200 nits ใช่กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปเซ็ต / กราฟิกการ์ด : Snapdragon 8+ Gen 1 / Adreno 730
- RAM 12GB / 16GB (รุ่น Pro จะได้ RAM 18GB)
- ความจำในตัว : 256 / 512GB
- ความจำภายนอก : ไม่รองรับ
- การเชื่อมต่อไร้สาย : 5G, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
- กล้องหน้า : 12 ล้านพิกเซลจาก Sony IMX663
- กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จาก Sony IMX766 พร้อมกับ มุมกว้าง 84.6 องศา
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล 120 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K, 4K 60 FPS, 1080p 120FPS
- ไฟหลังเครื่อง ROG RGB Light
- ไมโครโฟน : 3 จุดรอบตัวเครื่อง
- ลำโพง คู่ด้านบนและล่างมีขนาด 12 x 16 มิลลิเมตร
- ช่องเสียบ : หูฟัง 3.5 มม. USB-C
- แบตเตอรี่ : 6000 mAh
- ระบบชาร์จไฟ : USB-C ระบบ Hyper Charging กำลังสูงสุด 65W และเป็นแบบ PD
- สีสัน : Phantom Black / Storm White (เฉพาะรุ่น Pro ที่จะเป็น Storm White
แกะกล่อง ROG Phone 6 มีอุปกรณ์ดังนี้
- ตัวเครื่อง ROG Phone 6
- คู่มือ / บัตรของ ROG / เคสตัวเครื่อง / เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- สาย USB-C To USB-C
- ปลั๊กสำหรับชาร์จไฟ กำลัง 65W Hyper Charging
นอกจากนี้ยังมีชุดพัดลมระบายอากาศ AeroActive Cooler 6 มาให้อีกกล่อง สำหรับคนที่ซื้อในช่วง 14 - 30 กันยายน นี้จะได้ฟรี
รูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอก
ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ ROG Phone อย่างเหนียวแน่นกับหน้าจอขนาด 6.78 นิ้วถือว่าใหญ่กำลังดีมาพร้อมกับการแสดงผลเป็นแบบ AMOLED Display กับการออกแบบจองมีการเว้นส่วนและล่างชัดเจนเพื่อวางลำโพงคู่ที่ด้านหน้า และหน้าจอมีความละเอียด FHD+ และความสว่างสูงสุด 1200 nits ถือว่าใช้ได้และสู้แสงได้ดี
ส่วนบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K และยังมีลำโพงตัวที่ 2 ที่มีขนาด 12x16 มิลลิเมตรนอกจากไว้สนทนาได้แล้วเวลาเล่นเพลงหรือเปิดเกมเสียงก็จะดัง คมชัดอีกด้วย
ส่วนล่างมีที่อยู่ของลำโพงขนาด 12 x 16 มิลลิเมตร เช่นเดียวกัน พร้อมกับปุ่มกดที่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งรูปแบบของการปัด และการกดแบบปกติ
รอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมสวยงามและเป็นสีดำ ส่วนใครซื้อสีขาวก็จะได้บอดี้ทั้งหมดเป็นสีขาว เริ่มต้นจากฝังซ้ายมีช่องเสียบ USB-C ไว้สำหรับเสียบอุปกรณ์พัดลม AeroActive Cooler 6 ใหม่ที่มีหน้าตาหล่อใช้ได้ พร้อมกับด้านล่างเป็นช่องใส่ซิมการ์ดคู่แบบ Nano SIM
ฝั่งขวามือจะมีปุ่ม Air Trigger ไว้สำหรับเล่นเกม และปรับคำสั่งได้มากถึง 10 อย่างด้วยกัน พร้อมกับปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงและปุ่ม Power
ส่วนบนมีไมโครโฟนเท่านั้น
ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟัง และ USB-C สำหรับชาร์จไฟ และมีไมโครโฟนในตัว
พลิกมาด้านหลังเป็นกระจกทั้งหมด สำหรับในรุ่น ROG Phone 6 จะได้เป็นไฟด้านหลังเป็นแบบ RGB Light แต่ถ้าเป็นรุ่น Pro ส่วนนี้จะเป็นหน้าจอ ROG Vision พร้อมกับกล้องทางด้านบนมีทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน
ภาพรวมในการสัมผัสและถือ
ตัวเครื่องถือว่าใหญ่ให้ประสบการณ์ที่มาพร้อมกับการออกแบบที่สมดุลทำให้น้ำหนักของเครื่องอยู่ที่ 236 กรัมสามารถถือใช้งานได้คล่องแต่ถ้าติดอุปกรณ์เสริมก็อาจจะหนักขึ้นได้เช่นเดียวกันครับ
อุปกรณ์เสริม
ขึ้นชื่อว่ามือถือเล่นเกมก็ต้องมีอุปกรณ์เสริมมากมายขอเริ่มจาก
AeroActive Cooler 6 ที่ไม่สามารถใช้กับรุ่นก่อนได้ เหตุเพราะมันเป็น USB-C นั่นเอง ทั้งนี้ พัดลมมีขนาดใหญ่ทำให้ช่วยในการระบายอากาศได้รวดเร็วผ่านเทคโนโลยี Thermoelectric AI Cooling และมีการติดแผ่นนำความร้อน Peltier Element เมื่อรวมกับเทคโนโลยีระบายอกอากาศที่ออกแบบใหม่หมด ทำให้ลดความร้อนได้มากขึ้นและเย็นสุดที่ 36 องศา
ส่วนอุปกรณ์ที่ก็จะมี ROG Kunai 3 ที่อัปเกรดความสามารถให้เล่นเกมได้ราบรื่น และมีเคสสำหรับใส่กันกระแทก
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
นอกจากหน้าจอจะมีค่า Refresh Rate สูงและการตอบสนองถือว่าดีทันใจแล้ว ยังมาพร้อมกับการแสดงผล Dolby Vision ให้สีสันสวยงามและดูหนังสนุก
ประกอบกับลำโพงคู่ขนาดใหญ่ทำให้เสียงที่ออกมาครบทุกอารมณ์และยังรองรับ Dolby ATMOS และ DTS Sound System พร้อมกับ Hi-Res และ Dirac ด้วย
ประสิทธิภาพ
จากคะแนนที่ได้เห็นขอยกทั้งแบบเสียบพัดลมและไม่ได้เสียบ ผลที่ได้แตกต่างกันราวๆ 15 – 20% ถือว่าไม่ได้ห่างกันมา แต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่ดี
ฟีเจอร์ในการเล่นเกมก็ยังคงใช้ Armony Crate เช่น การปรับประสิทธิภาพอย่าง X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์เครื่องบ้าพลังและสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่เลยครับ แต่ที่เหลือจากภาพทั้ง Dynamic, Ultra Durable และ Advance จะไม่ได้ดึงประสิทธิภาพมากนัก
ส่วนการควบคุมของการเข้าหน้าเกมอย่าง Game Genie ในรอบนี้จะต้องปัดจากด้านมุมซ้ายของหน้าจอ ในเวลาตั้งเป็นแนวนอนเท่านั้น ด้านความสามารถปรับและควบคุมได้แบบครบเครื่องมากเช่น การล็อคความสว่างหน้าจอ, การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU, มีการปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เลงที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน และยังมีฟีเจอร์การกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor เพิ่มเข้ามาคือ Touch Sensor หรือ การสัมผัสด้านหลัง และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ROG Phone 6 และ 6 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 และมีการครอบด้วย ROG UI ที่มีความเรียบง่ายกว่าเดิม แต่เมื่อกดปุ่มเข้า X Mode/X Mode+ ที่เปลี่ยนสีและแสดง Effect ในแบบฉบับของมือถือเล่นเกม
นอกจากฟีเจอร์ของการเล่นเกมไปแล้วก็ยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้
Armoury Crate
มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาแบบใหม่ทั้งหมด แต่ลูกเล่นนั้นยังเหมือนเดิมประกอบด้วย
- ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้
- ค่าความไวของการทัชสกรีน
- การกำหนดความลื่นไหวของการสไลด์
- ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
- การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มด้านหลังเครื่อง / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 5 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้
Motion Sensor
- การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
- ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
- เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
- ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
- เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically)
Ultra Sonic Button
- สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน
ปุ่มที่ AeroActive Cooler 6 สามารถตั้งค่าได้ทั้งแบบ L1, L2 และ R1, R2 แทนการแตะสัมผัสด้านล่างที่กดยากกว่าเดิม และยังสามารถปรับระบบระบายอากาศได้ทั้งหมด 3 รูปแบบทำให้เครื่องเย็นลงได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม
- นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนโหมดประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเครื่องจะมีให้เลือก 4 โหมดได้แก่
- X-Mode / X-Mode+ คือการผลักประสิทธิภาพของเครื่องสูงสุด ถ้าเป็น X-Mode+ จะทำงานร่วมกับพัดลมได้
- Dynamic สามารถปรับให้ทุกอย่างสมดุลเล่นเกมได้ดี
- Ultra Durable ต้องการให้เครื่องอยู่ได้นาน มากขึ้น
- Advance จะสามารถปรับรูปแบบได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ
- Hardcore Tuning ให้แรงขั้นสุดได้
- E-Sport Mode ปิดทุกอย่างในการแจงเตือนและมีการจ่ายไฟเข้าไปในเครื่องโดยตรง
ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
อีกสิ่งที่ ROG Phone 6 มีการเปลี่ยนแปลงคือเรื่องของกล้องในตัวหลักโดยมีรายละเอียดดังนี้
- กล้องหน้า : 12 ล้านพิกเซลจาก Sony IMX663
- กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จาก Sony IMX766 พร้อมกับ มุมกว้าง 84.6 องศา
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล 120 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K, 4K 60 FPS, 1080p 120FPS
เท่ากับเซนเซอร์ของกล้องหลังจะมีคุณภาพและเก็บสีสันได้ดีมากขึ้นแต่จะดีแค่ไหนต้องดูจากภาพตัวอย่างครับ
ฟีเจอร์ของกล้องใน ROG Phone 6
สำหรับลูกเล่นของ ROG Phone 6 คล้ายกับรุ่นที่แล้ว แต่ว่าคราวนี้มีโหมดที่แบ่งระหว่างการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง แต่รอบนี้มีแบ่งเป็นโหมดอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่ม Pro Video, Night Mode และกลางคืน สามารถซูมได้มากสุด 8X
สำหรับวิดีโอ ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS 2 ระดับทั้งแบบมาตรฐานและ Hyper Smooth
มาให้ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น และสามารถซูมได้มากที่สุดแค่ 4X เท่านั้น
ภาพถ่ายจาก ROG Phone 6
ลองถ่ายภาพกล้องหน้าของ ROG Phone 6
แม้จะลดความละเอียดลงแต่ว่าถ่ายวิดีโอได้ความละเอียด 4K พร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหว แบบ EIS มาให้ทั้งนี้ยังมี Beauty Mode มาให้แต่ว่าโหมดที่สามารถปรับเป็นแบบ Beauty จะต้องเลือกเป็น Portrait เท่านั้น
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แบตเตอรี่ของ ROG Phone 6 มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็ว กำลังไฟรวม 6000 mAh เมื่อใช้งานการพบว่าถ้าเล่นเกมได้นานแต่ถ้าเปิดเป็น X Mode+ พบว่า ค่อนข้างกินไฟ เมื่อการทดสอบ Benchmark ผ่าน PC Mark ทำได้ที่
ส่วนระบบชาร์จไฟของ ROG Phone 6 เป็นแบบ USB-C เท่านั้นรองรับกำลังสูงสุด 65W ในแบบ Hyper Charge หรือจะใช้ที่ชาร์จกำลัง 65W ก็ได้
สรุปหลังลองใช้งาน ROG Phone 6 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงของ ROG Phone 6 อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องฟังก์ชั่นให้มากขึ้นแต่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความสามารถในเรื่องระบายความร้อนและการปรับจูนให้เข้ากับสเปกของเครื่องที่ทำให้คนเล่นเกมต้องหลงรักอย่างง่ายและแน่นอนว่าราคาของมือถือรุ่นนี้ก็เป็นที่จับจ้องเช่นเคย โดยมีราคาดังนี้
- ROG Phone 6 RAM 12GB / 256GB = 28,990 บาท
- ROG Phone 6 RAM 16GB / 512GB = 32,990 บาท
- ROG Phone 6 Pro RAM 18GB / 512GB = 39,990 บาท
อุปกรณ์เสริมมีดังนี้
- ROG Areo Active Cooler = 2,990 บาท พิเศษสำหรับคนที่ซื้อ ROG Phone 6 ทุกรุ่นจะได้รับชุดระบายอากาศนี้ฟรีจนถึง 30 กันยายน นี้
- ROG Kunai 3 = 3,990 บาท
- เคสสำหรับ ROG Phone 6 = 990 บาท
เท่ากับมือถือรุ่นนี้ถ้าคุณต้องการมือถือเล่นเกมที่จัดเต็มกับทุกเรื่องและระบายความร้อนดีนี่เป็นอีกมือถือที่ผมว่าใช่สำหรับคุณเลยครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สมดุลและสวย
- ลูกเล่นไฟด้านหลังเยอะมาก
- เคสตัวเครื่องมีให้เลือกหลากหลายแบบทั้งในกล่องเครื่องหรือจะซื้อเสริมก็ได้
- ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีและทำให้เครื่องเย็นเร็วมาก
- กล้องอัปเกรดทำให้ถ่ายภาพดีขึ้น
- แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นชาร์จไฟเร็ว
- ราคาถือว่าไม่แพงเกินไป
ข้อสังเกต
- อุปกรณ์เสริมไม่ได้มีให้เลือกมากเหมือนรุ่นก่อน
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
อัลบั้มภาพ 63 ภาพ