รวมเทคโนโลยีบนมือถือที่ Apple เพิ่งใส่ให้ iPhone หลังชาวบ้านมีมานานแล้ว
ตั้งแต่การเปิดตัว iPhone 5 ในเดือนกันยายน 2012 ถือว่าเป็นครบรอบ 10 ปีที่ Apple ได้ตัดขาดจากช่องเสียบ 30 pin สุดโบราณมาเป็น Lightning Port จนเรียกได้ว่าล้ำหน้ามือถือในยุคเดียวกัน เพียงแต่ว่าในเรื่องของเทคโนโลยีที่ปรากฏใน iPhone ที่ผ่านมาวันนี้เราจะมาดูว่าอะไรที่มีช้ากว่าชาวบ้านไปแล้ว มาดูกัน
USB-C : ระยะเวลา 8 ปี
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าในเรื่องของการกำหนดมาตรฐานของ Port ที่บังคับให้อุปกรณ์พกพาเลือกเป็น USB-C โดยจะเริ่มต้นในปี 2023 เพื่อให้ทันก่อนปี 2024 แต่ก็มีกระแสว่าเรื่องการเปลี่ยน Port ชาร์จไฟอีกครั้งจะเริ่มต้นก่อนปี 2024 คาดว่ามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงการเปิดตัว iPhone 15 นั่นเอง
อย่างไรก็ตามถ้าตัดภาพยังระบบปฏิบัติการอื่นเขามีตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะมือถือรุ่นแรกที่เลือกใช้อย่าง LeTV One Max และ Apple เองก็มีสินค้าอื่นที่เปลี่ยนมาใช้ Port แบบ USB-C เช่น iPad มีการเปลี่ยนมาใช้ USB-C ตั้งแต่ปี 2018 ใน iPad Pro นั่นเอง และ MacBook ในปี 2014
เทคโนโลยีรวมพิกเซล Quad Bayer Sensor : ระยะเวลารอ 4 ปี
ภายหลังจากที่ iPhone ใช้กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซลมาสักพักใหญ่ จนล่าสุดใน iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ที่มีการอัปเกรดขนาด 48 ล้านพิกเซล แต่มันไม่ได้มีดีแค่พิกเซลจำนวนมาก แต่มันคือมีการรวมพิกเซล หรือ Quad Bayer Sensor ที่ Apple เรียกได้ Quad Pixel
แต่จริงๆ แล้วเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เป็นรุ่นใหม่เพราะว่าจริงๆ แล้ว Nokia ได้เปิดตัว Nokia 808 PureView mมีความละเอียด 41 ล้านพิกเซลเมื่อปี 2018 และ Huawei P20, Mate 20 ก็มีพิกเซลรวมกว่า 40 ล้านพิกเซล แถมยังมีเทคโนโลยี Quad Bayer Sensor เช่นเดียวกันทำให้มันรวมพิกเซลได้แต่ว่าของ Nokia จะเน้นเรื่องการซูมที่มีการเสียความละเอียดน้อย แถมขนาดเซนเซอร์ถือว่าใหญ่พอสมควร
5G ระยะเวลารอคอย 1.5 ปี
iPhone 11 Series ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019 แต่ในเวลานั้นรองรับแค่ 4G เท่านั้นกว่าจะมี 5G ต้องรอปี 2020 อย่าง iPhone 12 เป็นต้นมาถือว่าทำได้ดีอยู่ แต่ว่าดูจากคู่แข่งแล้ว Samsung Galaxy S10- 5G ได้เปิดตัวในปี 2019 และมาในช่วงต้นปีเท่ากับ iPhone มี 5G ช้ากว่า ค่ายอื่นเล็กน้อยเท่านั้น
Always On Display ระยะรอคอย 6 ปี
Apple ได้เปิดตัวหน้าจอ LTPO ที่มีการใช้พลังงานน้อยลง ทำให้สามารถใส่ฟีเจอร์ Always On Display เป็นต้น จริงๆ มีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ได้ใช้ฟีเจอร์นี้ก่อนอย่าง Apple Watch จุดเด่นของฟีเจอร์นี้คุณสามารถดูเวลาและข้อมูลที่จำเป็น เวลา, วันที่, นัดหมายและการแจ้งเตือน และ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max เพิ่งจะมี
แต่ถ้าย้อนกลับไปว่า ไปดูมือถือรุ่นที่มีตั้งแต่ปี 2016 เช่น Galaxy S7, LG G5 แต่ฟความสามารถไม่เหมือนกัน โดยมีผลต่อการใช้พลังงานแต่เมื่อมีแล้วกพัฒนาให้ดีขึ้น และไปล้ำสุดที่ LG V10 ที่มี 2 หน้าจอทางด้านบน
ระบบชาร์จไฟไร้สาย : ระยะเวลารอคอย 8 ปี
นอกจาก Always On Display ที่ว่านานแล้วมาดูระบบชาร์จไฟไร้สายกันดีว่าเพราะฟีเจอร์นี้มีครั้งแรกใน Apple Watch และครั้งแรกคือ Palm Pre ที่เปิดตัวปี 2009 ส่วนมือถือระบบปฏิบัติการอื่นเช่น Nokia ก็มีตั้งแต่ปี 2012 ในรุ่น Lumia 920 และ Nexus 4 ใน Android ที่เกิดในปีเดียวกัน
อย่างไรก็ตามดี iPhone กว่าจะมีระบบชาร์จไฟไร้สายขึ้นมาก็ต้องรอไปถึงปี 2017 ใน iPhone 8 และ iPhone X จนถึงปี 2020 ก็มีระบบ MagSafe ให้เลือกใช้นั่นเอง
ติ่ง หรือ Notch : ระยะเวลารอคอย 3 เดือน
และอีกสิ่งที่ iPhone X มีตั้งแต่เปิดตัวและเป็นเรื่องที่พูดถึงอย่างมากคือ Notch หรือคนไทยจะเรียกว่าติ่งนั้นเอง แต่ว่าถ้าย้อนไปถึงมือถือที่มีลักษณเดียวกันคงตีกันคือ Sharp Aquos S2 ที่เปิดตัวก่อน โดยเลือกวันเปิดตัวคือ 14 สิงหาคม แลรวมไปถึง Essential Phone ที่ติ่งเล็กกว่านี้ จนกว่าจะเปลี่ยนให้เล็กนั้นคือ Dynamic Island ก็ต้องรอถึง iPhone 14 นั่นเอง
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีมันก็จะมีเร็วมีช้าบ้างขึ้นอยู่กับการพัฒนาและเวลาที่เหมาะสมอย่างที่ Apple เลือกเปิดตัวเทคโนโลยีต่างๆ อาจจะดูช้าแต่เน้นความชัวร์และเสถียรมากกว่า