Apple Watch SE 2 vs. Apple Watch Series 8 รุ่นไหนเหมาะกับใคร?
ในงาน Apple Event "Far out" ที่ผ่านมาทาง Apple ได้เผยโฉม Apple Watch SE 2 และ Apple Watch Series 8 อย่างเป็นทางการไปพร้อมกับการเปิดตัว iPhone 14 series และแน่นอนว่า Apple Watch SE นั้นเป็นตัวเลือกที่มีราคาประหยัดที่มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมายของ Apple Watch ที่ควรจะมีและได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ส่วน Apple Watch Series 8 มอบประสบการณ์การใช้งานฟีเจอร์มากมายพร้อมความสามารถในการตรวจสอบสุขภาพเพิ่มเติมอีกมามายมายเช่นกัน
สิ่งทีทั้ง Apple Watch SE และ Apple Watch Series 8 มาพร้อมชิป S8, การตรวจจับการชน, การกันน้ำ, เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล, อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 18 ชั่วโมง และอื่นๆ แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันจะมีฟีเจอร์ที่มีความแตกต่างและสำคัญมากระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองรุ่นนี้อยู่เหมือนกันครับ ^^
แต่ด้วยราคาที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะ Apple Watch Series 8 เริ่มต้น 399 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประเทศไทยเริ่มต้น 15,900 บาท) ส่วน Apple Watch SE รุ่นใหม่เริ่มต้นที่ 249 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (หรือราคาในประเทศไทย 9,900 บาท) จะเลือกรุ่นไหนดีที่สุด
คำถามเรื่องนี้เรามีข้อตอบผ่านทางเว็บไซต์ข้อมูล Apple ชื่อดังอย่าง MacRumors ได้มีการถามตอบเกี่ยวกับข้อมูลสำคัญของ Apple Watch ทั้ง 2 รุ่นว่าคุณเหมาะสมกับรุ่นไหนมากที่สุด พร้อมมาเริ่มกันเลย
Apple Watch SE
- ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม
- กระจกหน้า Ion-X
- เคสหลังคอมโพสิตไนลอนสีเข้ากัน
- ขนาดตัวเรือนมีให้เลือกทั้งขนาด 44 มม. และ 40 มม.
- จอภาพเรตินา 324 x 394 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 759 ตร.ม. (40 มม.) และ 368 x 448 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 977 ตร.ม. (44 มม.)
- เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่สอง
- ความสามารถในการวัดรอบรอบเดือน
- มีให้เลือกใน Midnight, Starlight และ Silver
- เริ่มต้นที่ $249 (ราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 9,900 บาท)
Apple Watch Series 8
- ปลอกอลูมิเนียมหรือสแตนเลส
- กระจกหน้า Ion-X (อะลูมิเนียม) หรือคริสตัลแซฟไฟร์ (สแตนเลส)
- ฝาหลังเซรามิก ขนาดตัวเรือน 45 มม. หรือ 41 มม. พร้อมจอแสดงผลแบบขอบจรดขอบ (พื้นที่หน้าจอมากกว่า Apple Watch SE เกือบ 20%)
- จอภาพ Retina แบบเปิดตลอดเวลา 352 x 430 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 904 ตร.ม. (41 มม.) หรือ 396 x 484 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 1143 ตร.ม. (45 มม.)
- เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่สาม
- เซ็นเซอร์ออกซิเจนในเลือดและแอปออกซิเจนในเลือด
- เซ็นเซอร์หัวใจไฟฟ้าและแอพ ECG การวัดอุณหภูมิ
- การติดตามวัฏจักรด้วยการประมาณการการตกไข่ย้อนหลัง (สำหรับผู้หญิง)
- เพิ่มชิป U1
- ชาร์จเร็วขึ้น
- มีสี Midnight, Starlight, Silver และ PRODUCT(RED) (อะลูมิเนียม) หรือ Silver, Graphite หรือ Gold (สแตนเลส)
- เริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์ (อลูมิเนียม) และ 699 ดอลลาร์ (สแตนเลส) หรือตั้งแต่ 15,900 – 63,900 บาท
เมื่อเห็นรายละเอียดทั้งหมดแล้วขอสรุปสั้นๆ ได้ใจความดังนี้
Apple Watch Series 8 คือการปรับปรุงจากรุ่น Series 7 ที่ไม่ได้มากมายนัก เช่นการเพิ่มฟีเจอร์ Crash Detection, วัดอุณหภูมิที่ผิวหนังหนัง เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 8 และ Apple Watch SE รุ่นใหม่ก็มีความสามารถในขั้นสูงที่พอๆ กัน แต่จะ Apple Watch Series8 จะเด่นที่ ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น คุณสมบัติการตรวจสอบสุขภาพขั้นสูง และวัสดุที่เลือกได้หลากหลายและโดดเด่นที่ชาร์จไฟเร็วกว่ารวมไปถึง ฟีเจอร์ Always On Display ที่มีในรุ่นนี้และ Apple Watch Ultra เท่านั้น
ดังนั้นถ้าคุณรับได้กับงบประมาณที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตกับดีไซน์ที่แตกต่าง Apple Watch Series 8 ยังเป็ตัวเลือกที่คุณเลือกซื้อได้
ถ้าคุณคิดว่าฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ได้จำเป็นและงบของคุณมีจำกัด การเลือก Apple Watch SE รุ่นใหม่ยังคงเป็นรุ่นที่เหมาะสมกับคุณเพราะหลายๆ ฟีเจอร์ใน Apple Watch Series 8 ก็ได้มาอยู่ในนี้เกือบทั้งหมด แค่ไม่มีชาร์จไฟเร็ว, Always On Display และวัดสุขภาพในบางเรื่อง แต่คุณจะได้ Apple Watch สเปกดีในราคาถูกกว่า และยังเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณจะซื้อ Apple Watch SE ให้กับบุตรหลาย หรือกลุ่มสูงวัย ของคุณที่ไม่มี iPhone
เพราะคุณสามารถตั้งค่าผ่าน Family Setup ผ่าน iPhone ของคุณไปยังอุปกรณ์อย่าง Apple Watch รุ่นต่างๆ ให้สามารถพร้อมใช้ทันที รวมไปถึงคนที่ต้องการอัปเกรด Apple Watch รุ่นเก่าในแบบไม่ต้องจ่ายหนักเกินไป Apple Watch SE ก็ยังเป็นคำตอบที่ดีและคุ้มค่าที่สุดอยู่ดี
ทั้งนี้ Apple Watch SE รุ่นใหม่และ Apple Watch Series 8 จะวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ