รีวิว "iPhone 14" น้องเล็กสุดของรุ่น ที่อยากให้คุณหันมองสักครั้ง
การเปิดตัว iPhone 14 Series มีแต่คนพูดถึงแต่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max อยู่มากพอสมควรเพราะการเปลี่ยนแปลงเยอะจริง แต่ว่าในรุ่น iPhone 14 ปกติ และ 14 Plus อาจจะดูหมองๆ ไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วมันหมองจริงหรือเปล่า
วันนี้ทีม Sanook Hitech จะมารีวิวหลังใช้งานมาแล้ว 2 สัปดาห์ และให้คำตอบว่ามันน่ามองจริงไหม
รายละเอียดของ iPhone 14
- ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 172 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
- ความละเอียดหน้าจอ : 1170 x 2532 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut ความสว่าง 1,300 nits
- กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
- มาตรฐานการกันน้ำ IP68 กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
- ชิปเซ็ต : Apple A15 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 5 Core
- RAM: 6GB LPDDR4X
- ความจำในตัว :128 / 256 / 512GB
- เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
- การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.3 NFC และรองรับ Lightning Port
- รองรับ eSIM และ Nano SIM
- ระบบเสียง
- ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.5 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelapse ทั้งกลางวันและกลางคืน sensor-shift OIS
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา
- กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
- แบตเตอรี่ 3279 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ (20W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
- ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
- สี : Midnight, Purple, Starlight, Blue, Red
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ iPhone 14
สิ่งแรกที่เห็นชัดเจนของ iPhone 14 คือ การออกแบบตัวเครื่องนั้นไม่ได้แตกต่างจาก iPhone 13 เดิม โดยหน้าจอมีขนาด 6.1 นิ้วเท่าเดิม ความละเอียดเท่าเดิม ความสว่างก็เท่าเดิม และยังคงใช้ Ceramic Shield เหมือนกัน ทางด้านบนก็มีติ่งเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างแต่อาจจะไม่เห็นคือกล้องหน้าของ iPhone 14 จะมีระบบ Auto Focus ซึ่งจะมาบอกเล่ากันต่อไปว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน ส่วนล่างมีส่วนที่สามารถปัดเพื่อกลับหน้าแรกได้
รอบตัวเครื่องเป็นบอดี้แบบอลูมิเนียมผิวด้านทนรอยประมาณหนึ่ง ฝั่งซ่ายมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง, ปรับเปลี่ยน Profile ของระบบเสียง และ ถาดใส่ซิมการ์ด
อีกฝั่งจะมาพร้อมกับปุ่ม Power และสามารถกดเพื่อปลุก Siri ขึ้นมาได้
ส่วนบนไม่มีปุ่มอะไร และด้านล่างจะมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง, ช่องเสียบ Lightning และ ไมโครโฟนตัวเครื่อง
พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่สังเกตว่าถ้าดูด้านข้างแล้วความหนาของกล้อง iPhone 14 แอบหนากว่าเล็กน้อยเท่านั้น
น้ำหนักการถือ
หากเปรียบเทียบกับดีๆ แล้วจะพบว่าน้ำหนักของ iPhone 14 ปกตินั้นเบากว่า iPhone 13 รุ่นปกติ เพียงแค่ 2 กรัมเท่านั้น จะเรียกได้ว่าไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ฉะนั้นใครที่อยากได้รุ่นใหม่และอัปเกรดบางเรื่องก็ถือว่ายังเป็นมือถือที่สะดวกพก การที่ไม่เปลี่ยนกระจกเลย สามารถใช้ฟิล์มเดิมได้ง่ายไม่ต้องหาเพิ่มเลยครับ
ส่วนเคสที่ลองใช้งานมาแล้ว แม้ว่าจะใส่รุ่นเดิมได้แต่ว่าข้อสังเกตถ้าดูจากภาพนี้ จะพบส่วนของกล้องใน iPhone 14 จะหนากว่า iPhone 13 เล็กน้อย ดังนั้น มันก็จะต้องระวังถ้าคุณจะเอาเคส iPhone 13 มาใส่กับ iPhone 14 นะ ส่วนเมื่อเทียบกับ iPhone 14 Pro ก็พบว่าน้ำหนักของ iPhone 14 เบากว่าพอสมควร เพราะการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปนั่นเอง
นอกจากสีม่วงที่ทีมได้รับมาทดลองแล้ว iPhone 14 รวมไปถึง iPhone 14 Plus มีให้เลือกมากมายดังภาพที่เห็นดังนี้
ประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
จากคะแนนที่เห็นนั้นถือว่าใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro เพราะสเปกของเรียกได้ว่าใกล้เคียงทั้ง A15 Bionic + GPU ทั้งหมด 6 แกน และมาพร้อมกับ RAM 6GB แบบ LPDDR4X ดังนั้น ถ้าใครอยากกระโดดมาจาก iPhone 12 มารุ่นนี้ ยังคงคบหาได้อยู่ครับ แต่ถ้าใครมาจาก iPhone 13 อาจจะไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่
การเชื่อมต่อไร้สาย / การใช้นำทาง
การเชื่อมต่อไร้สายรองรับทั้ง Wi-Fi AX, 5G, 4G, Bluetooth 5.3 และยังรองรับ GPS, A-GPS ทำให้นำทางบอกได้ดี แต่อาจจะมีกระโดดบ้างต้องรออัปเดตแก้ปัญหากันต่อไป และตัวเครื่องรุ่นนี้มีฟีเจอร์ ขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม แต่ยังไม่สามารถใช้งานกับประเทศไทยได้
เสริมอีกนิดกับเรื่องซิม ประเทศไทยยังรองรับซิมการ์ดเป็นใบ และ eSIM มาให้ด้วยใส่ eSIM ได้ทั้งหมด 5 ใบ แต่ใส่ได้พร้อมกันได้ 2 SIM ถ้าใส่ซิมการ์ดแบบปกติไปแล้วจะทำให้ eSIM ทำงานได้ 1 SIM ถ้าต้องการให้ eSIM ทำงานได้ 2 SIM จะต้องไม่ใส่ซิมการ์ดแบบปกติเท่านั้น
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
การแสดงผลของ iPhone 14 ยังมาพร้อมกับ Super Retina XDR แต่ว่า Refresh Rate 60Hz เท่านั้นอาจจะต้องทำใจเมื่อเทียบกับ รุ่น Pro ที่เปลี่ยนเยอะ แต่ถามว่าเพียงพอต่อการใช้งานไหม พอแล้วนะ
ส่วนระบบเสียงยังคงมาพร้อมกับจัดเต็ม ทั้งด้านบนและล่าง เหมือนเดิม
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ต่างๆ / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ iPhone 14 ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับ iOS 16 ที่อัปเกรดใหม่ล่าสุดอยู่เรื่อยๆ โดยเน้นเรื่องของการความเป็นส่วนรตัว และมีฟีเจอร์ Lock Screen แบบใหม่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากพอสมควร ทั้งนี้ ภาพรวมของระบบปฏิบัติการก็จะมีฟีเจอร์ที่เห็นความแตกต่างชัดเจนเช่น
- ใน Gallery เราสามารถกดค้างที่วัตถุ หรือบุคคล สามารถแยกเป็นภาพภายนอกและตัดแปะผ่านโปรแกรมแต่งภาพได้
- การตรวจจับ การใช้ AirPods ปลอม
- การแปลภาษาไทยเป็นภาษาอื่นๆ
- การแสดงแบตเตอรี่เป็นแบบเปอร์เซนต์
- ฟีเจอร์ SharePlay ส่งเพลงหรือหนังที่คุณดูให้เพื่อนคุณดูได้ และมีการโต้ตอบผ่าน Emoji
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ รวมถึงฟีเจอร์ลับก็อ่านได้ที่นี่ ส่วนระบบความปลอดภัยคือ Face ID ที่รองรับการใส่หน้ากากแล้วแต่ต้องเปิดฟีเจอร์ให้สามารถสแกนใบหน้าเมื่อใส่หน้ากากอนามัยได้นะ
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องของ iPhone 14 นั้นแบ่งออกเป็นดังนี้
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.5 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelapse ทั้งกลางวันและกลางคืน sensor-shift OIS
- ทำงานผ่านชิปประมวลผล Photonic Engine
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา
- กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
ฟีเจอร์กล้องของ iPhone 14
ฟีเจอร์ของกล้องนั้นยังคงเหมือนกับรุ่น 13 ยังคงเก็บรายละเอียดได้ดี แต่จากที่ได้ทดลองในการถ่ายภาพบว่าการทำงานเร็วขึ้น ถ่ายภาพได้สนุกมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และสีสันที่ออกมาคมและเปลี่ยนแนวภาพได้ น่าเสียดายที่ยังไม่มี Macro Mode มาให้ จริงๆ ควรใส่ได้แล้วนะ
ส่วนวิดีโอด้านกล้องหลังยังมีฟีเจอร์ที่พัฒนาจากเดิมคือ การเพิ่ม Action Mode วิธีการทำงานคือการ Crop เลนส์มุมกว้างให้ภาพนั่นนิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับ OIS นอกจากนี้ยังมี Cinematics มาให้แต่ไม่รองรับ ProRES เป็นต้น
ภาพตัวอย่าง iPhone 14 Series
กลางวัน
กลางคืน
อื่นๆ
ทดลองถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของ iPhone 14
สำหรับกล้องหน้าของ iPhone 14 Series รวมไปถึง iPhone 14 Pro / 14 Pro Max คือ 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับระบบ Auto Focus ทำให้การถ่ายภาพดีขึ้น ส่วนวิดีโอทำได้สูงสุด 4K 30 FPS
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 3279 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวันได้สบายแต่ถ้าเล่นเกม หรือใช้กล้องหนักอาจจะเรียกได้ว่า พอเอาตัวรอดครับ แต่ถ้าปล่อย Standby พูดเลยว่า 2 วันยังเอาอยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณด้วยนะ ถ้าเล่นเกมเยอะก็จะหมดไว
ส่วนชาร์จไฟของมือถือรุ่นนี้จะมาพร้อมกับเสียบสายกำลัง 20W และชาร์จไฟไร้สายแบบ MagSafe กำลังสูงสุด 15W
สรุปหลังจากทดลองใช้งาน iPhone 14 มาสักพักใหญ่ ประทับใจแค่ไหน
จากที่ได้ลองสักพักหนึ่งต้องบอกว่าถ้าคุณไม่เคยใช้รุ่นที่แล้วอย่าง iPhone 13 นั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เยอะและก้าวกระโดดเหมือนกัน สีสันของเครื่องและรายละเอียดลก้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นพอสมควร ทั้งกล้องที่มีลูกเล่นเพิ่ม, iOS 16 ที่ทำให้ได้เหมือนได้เครื่องใหม่ และสเปก ยกจาก iPhone 13 Pro มาใช้เลยถือว่าดีและมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นเช่น Crash Detection เป็นต้น
แต่ด้วยราคาที่เห็นว่าแพงกว่าเดิมเกินไปจนทำให้หลายคนบอกว่าลดไปเอารุ่น 13 ก็ได้ หรือ จะเพิ่มเป็นเอา 14 Pro ก็ดีกว่าทำให้รู้สึกว่า การตั้งราคาของ iPhone 14 นั้น ดูจะผิดพลาดสักหน่อย เพราะเริ่มต้น 32,900 บาท ไปจนถึง 45,900 บาท
อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้ iPhone รุ่นเก่าและไม่มีงบไปซื้อ iPhone 14 Pro Series รุ่นนี้ถือว่ายังเป็นคำตอบที่ดีและเหมาะกับคุณอยู่เช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้วถ้าไม่แน่ใจก็ลองไปเล่นๆ ดูที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้แน่ใจก่อนจ่ายเงินอีกครั้ง ส่วนรุ่น Plus ขอยังไม่พูดถึง แต่มันคือ 14 ที่จอใหญ่ขึ้นและแบตฯ ใหญ่แต่จะดีจริงไหมต้องรอติดตามรีวิวในโอกาสถัดไป (ถ้าเขาส่งมานะ)
จุดเด่น
- พกง่ายสีสันเยอะ
- สเปกถือว่าตอบสนองลื่นไหล
- กล้องมีการเพิ่มชิปทำให้เก็บรายละเอียดได้ดี
- มีฟีเจอร์ Crash Detection มาให้แล้วและทำงานได้จริง
- การถ่ายวิดีโอ Action Mode นิ่งดีใช้ได้ (แต่ไม่มีระบบโฟกัสที่ไวนะ)
- กล้องหน้าใส่ Auto Focus ซะที!!!
- แบตเตอรี่ยังอึดเหมือนเดิม
ข้อสังเกต
- การเปลี่ยนแปลงจาก iPhone 13 น้อยมาก
- ราคาแพงเกินไป
อัลบั้มภาพ 75 ภาพ