สัมผัสแรกกับ "Apple Watch Series 8" เล่นแล้วเล่า ของใหม่ที่อยากแนะนำ
กลับมาพบกันอีกครั้งกับพวกเราทีมงาน Sanook Hitech กับความรีวิวสินค้าใหม่ๆ ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย
สำหรับคิววันนี้เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด Apple Watch Series 8 รุ่นใหม่ล่าสุดที่แอปเปิลเปิดตัวแต่จริงๆ แล้วมีทั้งหมดถึง 3 รุ่นประกอบไปด้วย Apple Watch Series 8, Apple Watch SE ใหม่ และ Apple Watch Ultra ที่จัดว่าเป็นพี่ใหญ่และไฮไลท์ของรุ่นที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดล้ำพร้อมด้วยความสามารถที่ล้ำสุดๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม
แต่ในบทความที่จะให้แฟนๆ ได้อ่านกันในวันนี้เป็นรุ่น Apple Watch Series 8 ที่ยังคงมามาพร้อมคุณสมบัติด้านสุขภาพชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมสมาร์ทวอทช์เช่นเคย
เริ่มกันที่ส่วนของสเปก Apple Watch Series 8 คร่าวๆ แน่นอนว่าจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.9 นิ้ว รองรับระบบ Touch Screen ความละเอียด 484 x 396 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง : 45 x 38 x 10.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 32 - 42.3 กรัม สำหรับขนาด 41 มิลลิเมตร และ 38.8 - 51.5 กรัม (45 มิลลิเมตร
- ระบบปฏิบัติการ : watchOS 9
- รองรับกับมือถือระบบปฏิบัติการ : iOS เท่านั้น
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 b/g/n Dual Band, Bluetooth 5.3 + NFC / 4G LTE ใส่ซิมแบบ E-SIM (เฉพาะรุ่น GPS + Cellular)
- การบอกตำแหน่ง : GPS, GLONASS, GALILEO, QZSS, BDS
- เซนเซอร์ :
- Accelerometer, gyro
- heart rate รองรับ ECG
- barometer
- always-on altimeter
- compass
- SpO2, VO2max
- temperature วัดอุณหภูมิร่างกาย
- ระบบชาร์จไฟ : Wireless Charge
- แบตเตอรี่ : 308 mAh
- สีสัน : Midnight, Starlight, Silver, Red (อะลูมิเนียม) Graphite, Silver, Gold (วัสดุสแตนเลส สตีล)
สิ่งที่มีมาให้ในกล่อง
- Apple Watch Series 8
- สายนาฬิกาที่สามารถเลือกได้หลายแบบมากมาย
- สายชาร์จไฟแบบ USB-C และแท่นวาง
- เอกสารคู่มือ
- สติ๊กเกอร์ของ Apple เพิ่มความขลัง
ว่าด้วยเรื่องของ Design การออกแบบที่เราสัมผัสได้ใน Apple Watch Series 8
Apple Watch Series 8 มาพร้อมดีไซน์อันเป็นที่รักของสาวกกับดีไซน์ทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม โดยมีขนาดหน้าจอมีขนาด 1.9 นิ้วเท่ากัน แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างคือพอเป็นขนาด 45 มิลลิเมตรทีกว้างขวางมากขึ้น และยังได้ขอบหน้าจอโค้งอยู่แต่ความแข็งแรงยังคงทำได้ดีอยู่
รอบตัวเรือนจะมีให้เลือกระหว่างโลหะแบบอะลูมิเนียม และ สแตนเลส สตีล ฝั่งขวามีปุ่มสำหรับสั่งงาน และ Digtial Crown สามารถมหมุนได้ ถ้าเห็นจุดสีแดงเท่ากับรุ่นนี้จะรองรับกับการใส่ซิมการ์ดแบบ eSIM หรือ Cellular นั่นเอง
อีกฝั่งจะมีลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนาและสามารถเป็นจุดที่น้ำสามารถไหลออกเมื่อลงน้ำ
ส่วนบนและล่างเป็นสายนาฬิกา ใครซื้อขนาดไหน คงต้องเลือกให้ดีเพราะแต่ละแบบทั้งขนาดหน้าปัด 41 - 45 มิลลิเมตรใช้ร่วมกันไม่ได้ แต่ก็มีสายให้เลือกเยอะมาก ทั้งของแท้และของก็อปเกรดเอ
ใต้นาฬิกาจะมีเซนเซอร์วัดชีพจรที่มีขนาดใหญ่และภายในฝั่งระบบชาร์จไฟไร้สาย และใน Heart Rate Sensor ภายในมีเซนเซอร์อันนี้ทำให้การวัดสุขภาพทำได้ดีมากกว่ารุ่นเดิม
น้ำหนักในการสวมใส่
ต้องบอกว่ารุ่นที่ได้รับมาคือ Apple Watch Series 8 ขนาด 45 มิลลิเมตร แบบสแตนเลส ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 51 กรัมโดยประมาณ อาจจะดูไม่หนักสำหรับผู้ใช้ แต่สำหรับผู้หญิงจะหนักพอสมควร ดังนั้นนาฬิการุ่นนี้มีวัสดุหลักๆ ให้เลือก 2 อย่างเท่านั้น
แต่ก็ยังเป็นอีก Smart Watch ที่ยังสวมใส่ง่ายอยู่และมีสีให้เลือกมากมายเช่น ตัวเรือนอะลูมิเนียมสำหรับ Apple Watch Series 8 มาในสีสตาร์ไลท์ สีมิดไนท์ สีเงิน และรุ่น (PRODUCT)RED ในขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีล มาในสีเงิน สีกราไฟต์ และสีทอง
มาตรฐานกันน้ำของ Apple Watch Series 8
สำหรับมาตรฐานกันน้ำของ Apple Watch Series 8 จะมาพร้อมกับกันน้ำแบบ 5ATM สามารถกันน้ำลึกถึง 50 เมตร แถมยังกันฝุ่นได้ด้วยแต่ถ้าต้องลุยออกกำลังกายสาย Outdoor แนะนำ Apple Watch Ultra จะดีกว่า
การใช้งานเบื้องต้นกับหน้าปัด Apple Watch Series 8
Apple Watch Series 8 ยังสามารถใช้งานได้ลงตัวพร้อมกับมีระบบสัมผัสหน้าจอที่แม่นยำรองรับกับการกดตามน้ำหนักหรือ Force Touch มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ WatchOS 9.0 ที่จัดเต็ม โดยเมนูต่างๆ ยังจัดเรียงแบบคุ้นเคยสำหรับคนใช้งาน Apple Watch
แต่ถ้าไม่คุ้นเคยขออธิบายดังนี้
- หน้าแรกจะเป็น Face Watch สามารถเปลี่ยนได้
- กดที่ Digtial Crown จะเป็นเมนูภายในรวมถึง Apps ที่ติดตั้งทั้งหมดในหน้าจอเดียวกันได้
- ปัดจากบนลงล่างเป็น Quick Setting
- กดปุ่มด้านล่างสามารถตั้งฟังก์ชั่นเสริมได้ หรือจะตั้งให้เรียก Siri ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลหน้าปัดได้ตลอดเวลาโดยมีการหรี่แสงลงหรือ Always On Display ได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาสามารถกดได้ที่ Apps Apple Watch บน iPhone ของคุณ
ฟีเจอร์เด็ดที่เป็น Hilight สำคัญของ Apple Watch Series 8 ที่ไม่ควรพลาด
นอกจากฟีเจอร์ปกติที่เล่าไปในข้างบนนี้แล้ว Apple Watch Series 8 ยังมีฟีเจอร์ดูแลสุขภาพแบบจัดเต็มและบางฟีเจอร์คือครั้งแรกเลยก็ว่าได้โดยคุณสมบัตินี้ยังคงได้รับการออกแบบมาให้มีความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกับข้อมูลด้านสุขภาพอื่นๆ ทั้งหมด
เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งวัดอุณหภูมิที่ผิวหนังทั้งหมด 2 จุดที่เพิ่มเข้ามาโดย Apple Watch Series 8 จะสุ่มตัวอย่างอุณหภูมิจากข้อมือทุกๆ 5 วินาทีและวัดการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุดได้ถึง 0.1°C และผู้ใช้สามารถดูความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายในตอนกลางคืนเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาได้ในแอปสุขภาพ ซึ่งอาจเกิดจากการออกกำลังกาย อาการเจ็ตแล็ก หรือแม้แต่การเจ็บป่วย
สามารถคาดคะเนช่วงตกไข่ของผู้หญิงพร้อมกับแสดงผลเรื่องอุณหภูมิและยังสามารถแสดงผลได้ช่วยทำให้เกิดการวางแผนการมีลูก และด้วยการวัดอุณหภูมิที่ทำให้รอบเดือนของผู้ใหญ่ดีและเหมาะสมมากขึ้น
สามารถแสดงผลข้อมูลสุขภาพของคนในบ้านเช่นการแสดงผลเรื่องของไข้ และรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็น
Crash Detection ระบบตรวจจับการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ผ่านการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้มากถึง 256G โดย High G Force Sensor และ 3 Gyroscope และจับได้ตั้งแต่โดนชนด้านหน้า, ด้านหลัง, ด้านข้าง และ พลิกคว่ำ
เมื่อ Apple Watch ตรวจจับได้ว่าเกิดเหตุรถชนอย่างรุนแรง อุปกรณ์จะตรวจสอบกับผู้ใช้และโทรหาบริการฉุกเฉินหากพวกเขาไม่ตอบสนองหลังจากนับถอยหลังเป็นเวลา 10 วินาที ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินจะได้รับตำแหน่งอุปกรณ์ของผู้ใช้ ซึ่งจะแชร์กับรายชื่อติดต่อฉุกเฉินของผู้ใช้ด้วย
ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันบน Apple Watch และ iPhone ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นเพื่อมอบความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อตรวจจับได้ว่าเกิดเหตุรถชนอย่างรุนแรง อินเทอร์เฟซการโทรของบริการฉุกเฉินจะปรากฏบน Apple Watch แต่ถ้าโทรจะแสดงผลไปยัง iPhone แต่คุณสามารถคุยบน Apple Watch ได้ทันที
แอปออกกำลังกาย ใน watchOS 9 มาพร้อมมุมมองใหม่ๆ ในระหว่างเซสชั่น เช่น เซ็กเมนต์ สปลิทส์ และระดับความสูง ซึ่งช่วยมอบข้อมูลการออกกำลังกายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถยกระดับการฝึกซ้อมไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์การออกกำลังกายขั้นสูงที่มีทั้งโซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย และภายในปีนี้ก็จะได้พบกับเส้นทางแข่งขันด้วย
รองรับการออกำลังกายทั้งแบบเบาๆ ไปจนระดับนักกีฬาเช่นกิจกรรมทั้ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือวิ่งต่อเนื่องกันไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง รองรับการทำงานแบบ Multi Sport โดยระบบจะจับการทำงานแบบอัตโนมัติ การวิ่งยังสามารถวัดได้ถึงรูปแบบ ค่าฟอร์มการวิ่งใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มลงในมุมมองขณะออกกำลังกายได้มีทั้งความยาวก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น และการกระเด้งตัวในแนวดิ่ง
ฟีเจอร์ติดตามการนอนแบบใหม่ ที่สามารถวัดจาก อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลระยะของการนอนหลับได้โดยตรงบน Apple Watch ในแอปการนอนหลับและยังดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในแอปสุขภาพบน iPhone และยังมีแผนภูมิ ระยะการนอนแสดงผลได้แบบ Interactive ให้คุณได้เห็นและปรับตามค่าที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังตั้งค่าเกี่ยวกับเรื่องการเตือนให้ทานยาที่ต้องกินประจำ, วิตามิน หรืออาหารเสริมที่จำเป็นโดยกำหนดใน Apps สุขภาพได้เลย
แบตเตอรี่ และ ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Apple Watch Series 8 มีการขยายให้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถใช้งานได้นานสุดทั้งวัน แต่ถ้ากลัวไม่พอแล้ว Apple Watch Series 8 ติดตั้ง Low Power Mode ที่เวลาคุณกดเปิด ระบบจะปิดการทำงานของส่วนที่ไม่จำเป็นและฟีเจอร์บางอย่างชั่วคราว ทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมง
ส่วนการชาร์จไฟนั้นยังรองรับระบบชาร์จไฟไร้สายแบบเดิมของ Apple และที่ชาร์จไฟให้จะมีหน้าตาแบบ MagSafe แต่เล็กกว่ามาก
เล่นแล้วเล่า? กับ 2 เดือนที่ใส่ Apple Watch Series 8 เกือบทุกวัน อยากรู้มั้ยมันเหมาะกับใคร?
เรียกว่าการพัฒนาการมาถึง Apple Watch Series 8 ที่มาพร้อมกับการตกแต่งที่ดูหรูหรา แต่ฟีเจอร์มาแบบครบครันทำให้ในการอัปเกรดกับฟีเจอร์ที่บอกมาทั้งหมดถือว่ายังเป็นตัวเลือกที่ดีในการที่จะนำ Smart Watch ที่จัดว่าขายดีที่สุดในโลกรุ่นหนึ่งมาใช้งาน แม้ว่าข้อที่ยังต้องบอกว่าเป็นข้อสังเกตที่ยังต้องทำใจคือ อยากใช้ก็ต้องใช้มือถืออย่าง iPhone คู่กันเท่านั้นถึงจะเหมาะยังคงเป็นอยู่ แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะให้คนมี iPhone ช่วย ตั้งค่าอุปกรณ์อย่าง Apple Watch ให้คนไม่มี iPhone ใช้ได้แล้วก็ตาม
แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าลูกเล่นการดูแลสุขภาพนั้น ยังคงเป็นอีก Smart Watch ที่ครบเครื่องและให้ทุกอย่างแล้วจริงๆ เรียกว่าไม่ควรมองข้ามถ้าคุณใช้ Apple Watch Series 6 ลงไป แต่ถ้าเป็น Series 7 ถ้าเห็นฟีเจอร์ใหม่แล้วไม่จำเป็น ใช้รุ่นเดิมต่อไปก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นถ้าต้องบอกว่า Apple Watch Series 8 เหมาะกับใคร ก็คงต้องบอกว่า ทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ และอยากได้ Smart Watch ที่ฟีเจอร์ครบเครื่อง ใหม่ล่าสุดและยังเป็นทุกอย่างตั้งแต่สายแฟชั่นไปจนถึงสาย สปอร์ต และต้องเงินถึง เพราะ
ราคาของ Apple Watch Series 8 จะเริ่มต้นที่ 15,900 บาทกับบอดี้แบบอลูมิเนียม และจะแพงขึ้นก็ขึ้นกับการตกแต่งทั้งสายและตัวเรือน
ทั้งนี้การหาซื้อไม่ยากสามารถซื้อได้ทั้ง Apple Store, Apple Online Store จะสามารถสลักลายได้ และช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ