Amazon เตรียมปลดพนักงานอีก 10,000 คน หลังประสบปัญหาสภาพคล่องที่ตกต่ำ

Amazon เตรียมปลดพนักงานอีก 10,000 คน หลังประสบปัญหาสภาพคล่องที่ตกต่ำ

Amazon เตรียมปลดพนักงานอีก 10,000 คน หลังประสบปัญหาสภาพคล่องที่ตกต่ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักข่าวต่างประเทศมีการเปิดเผยว่า Amazon บริษัทเทคโนโลยีและ e-commerce รายใหญ่ในสหรัฐฯ อาจจะมีแผนปลดพนักงานกว่า 10,000 คนออกในช่วงสัปดาห์นี้  โดยการประการปลดพนักงานครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัท

โดยพนักงานที่ถูกปลดจะอยู่ในส่วนของบริการจัดการของ Amazon, ฝ่ายค้าปลีก และ ทรัพยากรบุคคล โดยจำนวนแม้จะเยอะมาก แต่ว่าคิดเป็นสัดส่วนของบริษัทเพียง 1% อจงพนักงานทั่วโลก และคิดเป็น 3% ของพนักงานระดับองค์กร

gettyimages-1230537715

ตามรายงานของ Amazon ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2021 พบว่าบริษัทมีพนักงานแบบ Full Time และ Part Time ทั้งหมด 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 102%  ทั้งนี้ตัวเลขของการเลิกจากนั้นก็ยังไม่ตายตัวอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ (สำนักข่าว New York Times กล่าว)

เรียกได้ว่าการตัดสินใจของ Amazon ก็ไม่แตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นเช่น Meta สั่งปลดพนักงานกว่า 11,000 คน, Twitter เลิกจากพนักงานครึ่งของบริษัท เป็นแผนลดค่าใช้จ่ายของ Elon Musk ที่เพิ่งซื้อกิจการนี้มาด้วยมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้าน

ซึ่งนักวิเคราะห์ ได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า การตัดสินใจปลดพนักงานของ Amazon จะเกิดขึ้นส่วนช้อปปิ้งส่งท้ายปี เป็นช่วงที่ Amazon ต้องการทรัพยากรคนมากที่สุด แต่ก็สอดคล้องกับ CEO คนใหม่ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายหวังรักษาสภาพคล่องเงินสดของบริษัทในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวแบบนี้

ก่อนที่ Amazon ออกมาตัดสินใจปลดพนักงานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการรัดเข็มขัดครั้งแรก แต่เราจะเริ่มเห็นตั้งแต่การระงับการจ้างงาน และมีการปิดให้บริการเกี่ยวกับ Telehealth, รวมไปถึงโปรเจคเตอร์วิดีโอคอลสำหรับเด็ก, ปิดศูนย์บริการทางศัพท์ และเลิกใช้หุ่นยนต์สัญจร, ปิดสาขาที่มีผลงานตำและ เลื่อนตำแหน่งคลังสินค้าใหม่

และผลประกอบการของ Amazon ที่ผ่านมาในไตรมาสล่าสุด (ตุลาคม 2022) กพบว่าหุ้นร่วงมากถึง 13% ครั้งแรก ทำให้มูลค่าการตลาดต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ และร่วงมากสุดตั้งแต่การระบาดของไวรัสโควิดที่ผ่านมา

ทั้งนี้ก็มีการวิเคราะห์ว่าในไตรมาส 4 อาจจะกลับมาโตขึ้นเล็กน้อยแต่การประกาศว่าจะปลดพนักงานอีกก็ส่งผลให้หุ้นของ Amazon ลดลงอีก 2.5% เรียกได้ว่าแย่สุดนับตั้งแต่ปี 2008

ส่วนบริษัท e-commerce รายอื่นต้องรอประกาศผลกันต่อไปว่าจะมาสภาพแบบเดียวกับ Amazon หรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook