รวมคดีดังคริปโตในสหรัฐฯ

รวมคดีดังคริปโตในสหรัฐฯ

รวมคดีดังคริปโตในสหรัฐฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอยเตอร์รวบรวมคดีที่เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตในสหรัฐฯ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แซม แบงค์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโต FTX ถูกจับกุมที่บาฮามาส ในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ

istock-1356804795

บิตไฟเนกซ์ (Bitfinex)

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สามีภรรยาคู่หนึ่งถูกตั้งข้อหาโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฐานสมรู้ร่วมคิดฟอกบิตคอยน์ที่ถูกขโมยมาจำนวน 119,754 เหรียญ หลังแฮคเกอร์เจาะแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล บิตไฟเนกซ์ (Bitfinex) เมื่อปี 2016 และทำการโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตกว่า 2,000 ครั้ง บันทึกศาลระบุว่า สามีภรรยาคู่นี้กำลังหารือกับอัยการเพื่อขอตอบกลับข้อหาดังกล่าว

บิตเม็กซ์ (BitMEX)

ผู้ก่อตั้งและลูกจ้างของแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโต บิตเมกซ์ (BitMEX) ยอมรับผิดข้อหาบกพร่องต่อการสร้าง ใช้งาน และรักษาโปรแกรมเพื่อป้องกันการฟอกเงินในแพลตฟอร์มได้

ผู้ร่วมก่อตั้งบิตเมกซ์ยอมรับผิดในศาลรัฐบาลกลางรัฐนิวยอร์ก และตกลงจ่ายค่าปรับคนละ 10 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ลูกจ้างอีกคนของบิตเมกซ์ยอมรับผิดเช่นกัน และตกลงจ่ายค่าปรับ 150,000 ดอลลาร์

อัยการรัฐบาลกลางตั้งข้อหาอาญาต่อคดีดังกล่าวเมื่อปี 2020 ก่อนที่ในปีถัดมา บิตเมกซ์จะตกลงจ่ายค่าปรับทางแพ่งเพื่อยุติอีกคดีต่างหาก โดยเป็นคดีกับคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ หรือ CTFC และเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐฯ หรือ FinCEN ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ

ทั้งนี้ โฆษกของบิตเมกซ์ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นต่อคดีของอดีตลูกจ้างของตน

บล็อคไฟ (BlockFi)

บริษัทกู้ยืมเงินดิจิทัล บล็อคไฟ (BlockFi) ตกลงจ่ายค่าปรับ 100 ล้านดอลลาร์ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือ SEC และหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ เพื่อยุติคดีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กู้ยืมเงินที่บริษัทเสนอให้นักลงทุนเกือบ 600,000 คน

บันทึกศาลระบุว่า บล็อคไฟยื่นล้มละลายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน และยังคงค้างค่าปรับ 30 ล้านดอลลาร์กับ SEC

โฆษกของบล็อคไฟไม่ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม บล็อคไฟระบุในแถลงการณ์ว่า การยุติคดีนี้เป็นตัวอย่างของ “ความพยายาม (ของบริษัท) ในการรักษาความชัดเจนทางกฎระเบียบเพื่ออุตสาหกรรมในวงกว้างและเพื่อลูกค้าของเรา”

คอยน์เบส (Coinbase)

อดีตผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์ของบริษัทซื้อขายเงินคริปโต คอยน์เบส (Coinbase) น้องชายและเพื่อนของเขา เผชิญข้อหาใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขาย โดยสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตแมนฮัตตัน และ SEC ซึ่งถือเป็นข้อหาลักษณะดังกล่าวต่อการทำธุรกรรมเงินคริปโตเป็นครั้งแรก

อดีตลูกจ้างของคอยน์เบสไม่ยอมรับผิดต่อข้อหาดังกล่าว ขณะที่น้องชายของเขาขอยอมรับผิดผ่านข้อตกลงกับอัยการ ขณะที่จำเลยคนที่สามหลบหนีคดี

ขณะเดียวกัน คอยน์เบสระบุว่า ทางบริษัทจะหาช่องทาง “บังคับใช้กฎระเบียบ” เพื่อตอบโต้ข้อหาดังกล่าว

วันคอยน์ (OneCoin)

เมื่อปี 2019 ทางการสหรัฐฯ ตั้งข้อหากลุ่มผู้นำเครือข่ายธุรกิจแบบพีระมิดมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการใช้สกุลเงินคริปโตเท็จ OneCoin โดยหนึ่งในแกนนำยังคงหลบหนี ขณะที่แกนนำคนอื่น ๆ ไม่ยอมรับผิด

โอเพนซี (OpenSea)

เมื่อเดือนมิถุนายน อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของโอเพนซี (OpenSea) แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ของสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว (non-fungible token หรือ NFT) ถูกเอาผิดเรื่องใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขาย โดยอัยการรัฐบาลกลางในแมนฮัตตัน

คดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีข้อหาลักษณะนี้ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นครั้งแรก โดยอัยการระบุว่า อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ผู้นี้ซื้อ NFT โดยอาศัยข้อมูลลับที่ว่า สินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวจะปรากฏในเว็บไซต์หน้าแรกของโอเพนซีในอีกไม่ช้า

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โอเพนซีอ้างอิงแถลงการณ์ฉบับก่อนว่า ได้เริ่มสืบสวนข้อหาดังกล่าวและขอให้อดีตพนักงานคนดังกล่าวออกจากบริษัทไป

ริพเพิล แลบส์ (Ripple Labs)

เมื่อเดือนธันวาคม 2020 หน่วยงาน SEC ได้ฟ้องร้องบริษัทพัฒนาเครือข่ายชำระและซื้อขายสินทรัพย์ ริพเพิล แลบส์ (Ripple Labs) และผู้บริหารสองคน โดยกล่าวหาว่า บริษัทและผู้บริหารได้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน คิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์

ริพเพิล แลบส์ สร้างเงินคริปโตสกุลเงิน XRP ขึ้นมาในปี 2012 โดยทางบริษัทต่อสู้คดีกับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐมานานหลายปี

ริพเพิลขอให้ผู้พิพากษาตัดสินว่า เงินคริปโต XRP ไม่ได้เป็นสินทรัพย์ และไม่ควรถูกตรวจสอบโดย SEC ซึ่งคดีดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลกระทบทางกฎหมายตามมาต่ออุตสาหกรรมเงินคริปโต ที่ยังคงอยู่ในพื้นที่คลุมเครือทางกฎระเบียบในสหรัฐฯ

ทางด้านโฆษกของริพเพิลยังไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติม

เทเลแกรม (Telegram)

เมื่อเดือนตุลาคม 2019 หน่วยงาน SEC ระงับเหรียญดิจิทัลที่ไม่ได้ลงทะเบียนมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์ ที่เสนอโดยบริษัทให้บริการส่งข้อความ เทเลแกรม (Telegram) และ TON Issuer ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยหลังต่อสู้ในศาลหกเดือน เทเลแกรมตกลงจ่ายค่าปรับ 18.5 ล้านดออลาร์ และคืนเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์ให้นักลงทุน

ทางฝั่งเทเลแกรมไม่ยอมรับหรือปฏิเสธผลการสืบสวนของ SEC และไม่ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook