AWS เปิดให้บริการ AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ
Amazon Web Services, Inc. (AWS) ประกาศเปิดตัวการให้บริการ AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ, ประเทศไทย AWS Local Zones คือประเภทของการบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่นำการประมวลผล, จัดเก็บข้อมูล, ระบบฐานข้อมูล และบริการอื่น ๆ ของ AWS ที่ประมวลผลบนคลาวด์ มาให้บริการใกล้กับต้นทางข้อมูลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งภาคส่วนประชากร ภาคอุตสาหกรรม
และ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศขนาดใหญ่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ลูกค้าสามารถใช้งาน Application ที่ต้องการ latency ในระดับความเร็วเป็นหนักหน่วยของมิลลิวินาทีร่วมกับผู้ใช้งานใน On-premise datacenter ได้ ลูกค้าสามารถเข้าทำการใช้งาน (workloads) ประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการ latency ที่ต่ำบน AWS Local Zones ในขณะที่ยังเชื่อมต่อกับ workloads อีกส่วนที่ใช้งานอยู่ใน AWS Regions ได้อย่างราบรื่น
ปัจจุบัน AWS มีให้บริการ AWS Local Zones อยู่ 29 แห่งทั่วโลกรวมถึงกรุงเทพฯ และยังได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัวการให้บริการอีก 23 แห่งทั่วโลก หากต้องการเริ่มต้นใช้งาน AWS Local Zones โปรดเข้าไปยังลิงค์นี้ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure/localzones/locations
สำหรับ Application ซึ่งต้องการ latency ที่ต่ำ ๆ เพียงหลักหน่วยของมิลลิวินาทีนั้น การวางที่ตั้งของโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์นั้นมีความสำคัญมาก ปริมาณงานของลูกค้าส่วนใหญ่อยู่บน AWS Region ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มก้อนของศูนย์ข้อมูลของ AWS เพื่อให้บริการลูกค้า อย่างไรก็ตาม เมื่อ Region ไม่อยู่ใกล้เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการ latency ที่ต่ำหรือเรื่องถิ่นที่อยู่ของข้อมูล (data residency)
ลูกค้าจึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ที่ใกล้กับแหล่งข้อมูลหรือผู้ใช้ปลายทางของตนมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ ยังคงจำเป็นต้องดูแล workloads บน on-premise ซึ่งคำนึงถึงที่ตั้ง หรือการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล ทั้งนี้เป็นไปตามการจัดหา ดำเนินการ และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตนเอง และใช้กลุ่มชุด API และเครื่องมือต่าง ๆ ที่แตกต่างสำหรับศูนย์ข้อมูลแบบ on-premises และ AWS
การเปิดตัว AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับใช้แอปพลิเคชัน (Application) ที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้ปลายทางในพื้นที่เมืองขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย การมี AWS Local Zones ใกล้กับพื้นที่เมืองใหญ่ที่มีจำนวนประชากรหนาแน่น ช่วยให้ลูกค้าตอบสนองความต้องการ latency ต่ำๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานในกรณีต่าง ๆ เช่น การเล่นเกมออนไลน์ การสตรีมสด และ AR/VR นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลูกค้าในกลุ่มธุรกิจภาคส่วนที่มีการควบคุม
อย่างเช่น กลุ่มการดูแลสุขภาพ (healthcare) กลุ่มบริการทางการเงิน และภาครัฐ ที่อาจมีข้อกำหนดในการเก็บข้อมูลภายในขอบเขตพื้นที่ที่กำหนด AWS จัดการและดูแล AWS Local Zones ซึ่งหมายความว่าลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายและลำบากในการจัดหา ดำเนินการ และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานในเมืองต่าง ๆ
เพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ latency ต่ำมาก ๆ AWS Local Zones ยังสามารถช่วยองค์กรในการโยกย้ายปริมาณงานมายัง AWS ซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์การย้ายข้อมูลเพื่อเป็นระบบคลาวด์แบบไฮบริด และทําให้การดําเนินงานด้านไอทีง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับ AWS Local Zones ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือใช้ AWS Direct Connect เพื่อการเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัว (Private Network) กับ AWS Local Zone และ AWS Region ได้อย่างปลอดภัย
“ด้วยการเปิดตัว AWS Local Zone ใหม่ในกรุงเทพฯ วันนี้ เรารู้สึกยินดีที่ได้นำระบบคลาวด์มาใกล้ลูกค้า AWS มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับใช้ปริมาณงานต่าง ๆ ที่ต้องการ latency ต่ำ ซึ่งช่วยให้การให้บริการผู้ใช้ปลายทางนั้นดียิ่งขึ้น” คอเนอร์ แมคนามารา กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอาเซียน อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าว
“เราได้ออกแบบ AWS Local Zones เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มแอปพลิเคชันเทรดดิ้ง (Trading Application) ที่ต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อความผันผวนของตลาด ไปจนถึงการรองรับงานอีเว้นซ์ถ่ายทอดสด และการตอบสนองประสบการณ์การใช้งานกลุ่ม Gaming การเปิดตัว AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ นับเป็นการลงทุนอย่างต่อเนื่องของ AWS เพื่อให้บริการทุกประเภทงานของลูกค้า โดยการนําโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัย ครอบคลุม และเชื่อถือได้มากที่สุดมายังพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยมากขึ้น”
บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ เป็นการต่อยอดบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีให้บริการในประเทศไทยก่อนหน้านี้ ได้แก่ Amazon CloudFront 10 แห่ง, AWS Outposts, และ AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ที่กำลังจะมาถึง
ลูกค้าและคู่ค้าของ AWS ตอบรับการเปิดให้บริการ AWS Local Zone ใหม่ในกรุงเทพฯ
eCloudvalley เป็น AWS Premier Consulting Partner รายแรกในเอเชียแปซิฟิกของ AWS ให้บริการด้านไอทีและเป็นที่ปรึกษาด้านระบบคลาวด์ให้แก่ลูกค้าทั่วเอเชียแปซิฟิกที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์ “เมื่อลูกค้าเปลี่ยนการใช้งานมาสู่ดิจิทัล การลด latency จึงเป็นการช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงการทำงาน (performance) ของแอปพลิเคชัน สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้นเพื่อขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึก และเพิ่มประสิทธิภาพ”
อมรินทร์ บุรินทร์กุล กรรมการผู้จัดการของ eCloudvalley ประเทศไทย กล่าว “การเปิดตัว AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ ช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกม สื่อและความบันเทิง และบริการทางการเงินได้มากขึ้น ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ต้องการ latency ที่ต่ำ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ปลายทางในประเทศไทย”
Expsystem เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนําของไทยที่ให้บริการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนมือถือแก่ลูกค้าในประเทศไทยและทั่วโลก พวกเขาเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจาก SMS2PRO ผู้ให้บริการส่งข้อความ SMS ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดยได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
“ด้วยการเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการส่งข้อความต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัย รวดเร็ว และเชื่อถือได้ให้กับลูกค้าของพวกเขา”
สกลวิทย์ มุงคำภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EXP system กล่าว “AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ ทําให้ระบบคลาวด์อยู่ใกล้กับผู้ใช้ปลายทางของเรามากขึ้น และช่วยให้เราได้รับประโยชน์จาก latency ที่ต่ำ ทําให้มั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันที่ใช้การ SMS เช่น การยืนยันแบบสองขั้นตอน และการแจ้งเตือนธุรกรรม จะสามารถจัดส่งได้เร็วขึ้นและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น”
National Telecom (NT) เป็นบริษัทโทรคมนาคมของทางภาครัฐ และเป็นพันธมิตรภาครัฐของ AWS “เราร่วมมือกับ AWS ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อกระตุ้นและผลักดัน Digital Transformation ของภาครัฐของประเทศไทย” ดร. วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานดิจิทัล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด มหาชน กล่าว
“ด้วยการใช้บริการและโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของ AWS เราได้ช่วยหน่วยงานภาครัฐกว่า 14 แห่งสร้างรากฐานทางดิจิทัลเพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแก่ประชาชน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศและแก้ปัญหาสังคมที่สำคัญ AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ จะทำให้ National Telecom มีโอกาสมากขึ้นในการให้บริการโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าภาครัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ (Compliance) และถิ่นที่อยู่ของข้อมูล (Data Residency) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาครัฐในการย้ายปริมาณงานมายังระบบคลาวด์”
บริษัท ไนซ์ แอพพาเรล จำกัด (ไนซ์แอพพาเรล) เป็นผู้ผลิดเสื้อผ้ากีฬาชั้นนำและผู้ส่งออกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีสำนักงาน 8 แห่งอยู่ในกัมพูชา จีน และไทย “ความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในการจัดการซัพพลายเชนคือ ตัวหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของเรา”
ประภากร สิทธิชัยเกษม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลของ Nice Apparel กล่าว “เราวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จาก AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ เพื่อเร่งการเปลี่ยนไปสู่ระบบคลาวด์โดยการย้ายระบบดิจิทัลหลักของเราไปยัง AWS ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากคลาวด์ที่ครอบคลุมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในโลก”