รีวิว Nokia X10 5G มือถือจอใหญ่รักษ์โลกกับความสามารถเกินราคา
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง สำหรับในครั้งนี้มาพบกับรีวิวมือถือค่ายที่หลายคนคิดถึงอย่าง Nokia โดยรอบนี้เป็นรุ่น X10 5G ซึ่งมือถือรุ่นนี้ได้ทั้งหน้าจอใหญ่ขุมพลังกำลังเหมาะกับ Snapdragon 480 และที่สำคัญมีเคสแบบดีๆ ให้ในกล้องกับราคาพูดเลยว่าเซอร์ไพรส์ใครหลายคน และรวมถึงผู้เขียนเพียง 5,999 บาท มันโดดเด่นตรงไหนเรามารับชมกัน
รายละเอียดสเปก Nokia X10 5G
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 168.9 x 79.7 x 9.1 มม.
- น้ำหนัก 210 กรัม
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้วความละเอียดระดับ 1080x2400 พิกเซล ความสว่าง 450 nits
- ชนิดกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 480
- กราฟิก : Adreno 619
- RAM ขนาด 6GB
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : 128GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : MicroSD
- การเชื่อมต่อ 5G / 4G LTE, Wi-Fi AC (Wi-Fi 5) Bluetooth 5.0
- ลำโพง : เฉพาะด้านล่าง
- Port การเชื่อมต่อ : ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm / USB-C
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ตัวหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมกับ PDAF
- กล้องถ่ายมุมกว้างความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 1080P 30/60 FPS, Slowmotion 120FPS และ Timelapse
- LED Flash
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :ทำได้แค่ Splash Proof
- ระบบปลดล็อค : สแกนนิ้วมือด้านข้าง, ระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ความจุ 4470mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 18W แบบ USB-C
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 (Android One)
- สี ขาว (Snow), เขียว (Forest)
เปิดกล่อง Nokia X10 ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Nokia X10
- ปลั๊กชาร์จไฟ 2 หัว กำลัง 10W
- สายชาร์จไฟ USB-C to USB-A
- คู่มือ
- เคสแบบ Reuse แต่แข็งแรงและตามสีเครื่อง
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Nokia X10 5G
เริ่มต้นกับด้านหน้าสังเกตว่ากระจกออกแบบเรียบ และโค้งลงแบบ 2.5D ขนาด 6.67 นิ้วความละเอียดระดับ 1080x2400 พิกเซล ความสว่าง 450 nits และมีการติดตั้งฟิล์มกันรอยมาให้ 1 แผ่นด้วยกัน
ส่วนบนมีกล้องขนาดใหญ่ถึง 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับลำโพงสนทนาแบบฝังและมีเซนเซอร์เมื่อโทรหน้าจอจะปิดนั่นเอง
ด้านล่างมีปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบปัดหรือเป็นปุ่มหลัก 3 ปุ่มพร้อมกับโลโก้ Nokia ด้านล่าง
รอบตัวเครื่องโค้งมนและดูดีไม่น้อยเมื่อเห็นแบบนี้แล้วหลายคนบอกว่าเครื่องอ้วนอยู่เหมือนกันใช่ครับ มันอ้วน และโค้งรับกับมือด้วย ฝั่งซ้ายมือจะมีช่องใส่ NanoSIM และ Hybrid Slot สลับได้ทั้ง MicroSD และ Nano SIM ส่วนปุ่มข้างๆ นอกจากจะเป็นปุ่ม Assistant Key เรียก Google Assistant ยังสามารถใช้เป็น Walkie Talkie ได้ด้วย
ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่ม เปิด / ปิดเครื่อง (Power Button) โดยปุ่มจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างมาให้
ส่วนบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ส่วนล่างมาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อทั้งช่องเสียบ 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเสียบ USB-C สำหรับเชื่อมต่อ Data และ ชาร์จไฟกำลังสูงสุด 18W และ ลำโพงของตัวเครื่อง
พลิกมาด้านหลัง จะเห็นกล้องทรงกลมที่เด่นชัดตามสไตล์ของ Nokia และมีโลโก้ Nokia ในแนวนอน แผ่นด้านหลังเป็นโพลีคาร์บอเนต มีเรื่องเตือนเล็กๆ คือ อย่าไปถูกับพื้นบ่อยๆ เพราะอาจจะเป็นรอยได้ครับ
ความรู้สึกที่ได้สัมผัส / น้ำหนัก / สีสัน
การออกแบบของ Nokia ดูรักโลกก็จริงแต่วัสดุแบบโพลีคาร์บอนเนตแบบลื่นๆ อยู่ แม้ว่าเครื่องจะกว้างและจับง่ายในความรู้สึกแต่ว่าการเลือกใช้วัสดุแบนี้ก็ส่งผลเรื่องของความลื่นมาก ดังนั้นควรที่จะใส่เคสดีกว่าครับ
น้ำหนักเครื่องจัดว่าไม่ได้มากไปหรือน้อยเกินไปทำให้พกพาได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนสีสันมีให้เลือกทั้งสีขาว Snow ที่ทีมได้รับมา โดยส่วนออกแบบได้สวยงามและขาวเหมือนกับหิมะ และอีกสีคือเขียว Forest จะออกดำกว่าและสามารถสะท้อนระหว่างสีเขียวเข้มและสีดำได้
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
หน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.67 นิ้ว เมื่อทดลองใช้งานทั้งในร่มก็แสดงผลได้ดี และสีสันถือว่าใช้ได้แต่อาจจะไม่ได้สดใสแบบจอ OLED แต่ระดับราคานี้ ผมว่าเหลือๆ แล้วครับ
สำหรับระบบเสียงที่ออกจากลำโพงเดียวด้านล่าง อย่าคิดว่าเสียงไม่ดังนะครับ เพราะจากที่ได้ทดลองมานั้นถ้าเป็นสถานะที่กลางแจ้งค่อนข้างปล่อยเสียงได้ดังพอสมควร
ประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
คะแนนประสิทธิภาพจาก AnTuTu = 335,910 คะแนน
คะแนนประสิทธิภาพจาก Geekbench 5 = 505 คะแนน (Single Core) | 1,584 คะแนน (Multi Core)
คะแนนกราฟิก 3DMark
เมื่อเห็นภาพทั้งหมดแล้วต้องบอกว่าความแรงไม่ได้มากนัก แต่เมื่อทดลองเล่นเกมถือว่าเล่นได้ อาจจะไม่ได้กระตุกมากนัก นอกจากนี้เราสามารถใช้งานแบบ 2 หน้าจอได้กับบาง Apps ครับ
การเชื่อมต่อไร้สาย
การเชื่อมต่อของมือถือรุ่นนี้รองรับทั้ง 5G, Wi-Fi 5 (Wi-Fi AC), Bluetooth 5.1 การนำทางผ่าน GPS และ A-GPS ทำได้แม่นยำครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
Nokia X10 5G มาพร้อมกับ Android 13 และเป็น Android One ใช้ความว่า เพียวสนิท ไม่มีอะไรผสมสักนิด ยกเว้น Apps ที่ติดตั้งเกี่ยวกับการดูแลเครื่องและยังสามารถแบ่งหน้าจอบนล่างได้แต่ว่าการทำงานแบบ Popup ยังทำไม่ได้ สามารถอัปเดตได้นานสุด 3 ปี และการอัปเดต Patch ความปลอดภัย 4 ปี
เครื่องมือทั่วไปถือว่ามีแบบพื้นฐานครบทั้งวิทยุ, เครื่องคิดเลขและ Google Apps
และระบบความปลอดภัยของเครื่องมีระบบสแกนใบหน้า และ สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง นอกจากนี้มือถือรุ่นนี้ยังได้ระบบ Security Patch ระยะเวลาถึง 4 ปี
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ตัวหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมกับ PDAF
- กล้องถ่ายมุมกว้างความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 1080P 30/60 FPS, Slowmotion 120FPS และ Timelapse
- LED Flash
ฟีเจอร์ภายในของกล้อง
สำหรับฟีเจอร์ของ Nokia X10 มีการเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีประสิทธิภาพกล้องสูงโดยใช้นวัตกรรม AI ทำให้ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นทำได้ดีแล้วก็มีการใช้เรื่องของเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพสูงจนทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างดี รวมถึงมี Night Mode ยังสามารถใช้งานได้
ส่วนวิดีโอ รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 1080p 30/60 FPS สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเรื่องของลูกเล่นต่างๆที่มีมาให้ครบไม่ว่าจะเป็นในการถ่ายภาพแบบสโลโมชั่น, Timelapse, Speedwarp ( การผสมระหว่างวีดีโอในรูปแบบของการย่นเวลาและความเป็นจริงผสมกัน), รวมไปถึงหมดภาพยนตร์ที่จะมีฟิลเตอร์ต่างๆมาให้เลือกใช้บริการมากมายและยังสามารถเล่นกับหมวดแบบ Manual ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ลองใช้กล้องหน้า Selfie แล้วเป็นอย่างไร
สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p 30 FPS เท่านั้น และไม่ได้มีโหมดละลายหลังถือว่าน่าเสียดายเหมือนกัน
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะ Nokia X10 ให้แบตเตอรี่แค่ 4470 mAh เมื่อเทียบกับขนาดเครื่องถือว่าพอใช้ได้ แต่ด้วยการที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรในเครื่องเลยปล่อย Pure ไปเลยทำให้การใช้งานยาวนานพอสมควร โดยถ้าไม่ได้เล่นเกม ใช้งานได้ เกิน 1 วันมานิดๆ แต่ถ้าเล่นเกม หรือการจำลองด้วยการรัน PC Mark จะอยู่ได้ที่ 19:47 ชั่วโมง ถือว่านานเอาเรื่องเลยครับ
สำหรับระบบชาร์จไฟของ Nokia X10 แม้ว่าในกล่องจะให้แค่ 10W เท่านั้น แต่คุณสามารถเอาที่ชาร์จที่มีกำลังมากกว่าชาร์จไฟมือถือรุ่นนี้ได้ โดยทีมได้ทดลองกับที่ชาร์จกำลัง 65W และ 100W โดยเอาสาย USB ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 100W พบว่าไฟสามารถเข้าเครื่องได้มากสุดที่ 18W ทำให้การชาร์จไฟจาก 18% จะได้ไฟเต็มภายในเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
สรุปหลังทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน Nokia X10 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากทดลองใช้ Nokia X10 5G มาพักหนึ่งต้องบอกว่าถ้ายังไม่บอกราคาก็ยังคงจัดว่าเป็นมือถือระดับ Mid-Range ที่ได้สเปกดีและน่าใช้งานอีกระดับหนึ่งโดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 ใหม่ล่าสุด และมาพร้อมกับ ฟีเจอร์ที่พอเพียง และงานประกอบ แน่นหนาตามสไตล์ Nokia
สำหรับราคาของ Nokia X10 จะอยู่ที่ 5,999 บาท จัดว่าคุ้มค่าและน่าซื้อเหมือนกัน สำหรับผู้ที่กำลังดูมือถืองบไม่เกิน 6,000 และจัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่ามอง
สุดท้ายนี่เป็นอีกมือถือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ Android One สายอัปเดตนานไม่ควรพลาดและต้องรัก Brand นี้จริงเพราะถ้าไม่ใช่แฟนคลับค่ายนี้อาจจะมองว่ามันเรียบเกินไป
จุดเด่น
- ของในกล่องครบ
- สเปกเครื่องถือว่าแรงสมตัวอยู่
- กล้องหลังได้ของดีและผลงานออกมาดี
- ระบบเสียงของไมโครโฟนคมชัด
- เคสให้ดีมาก
- ระบบปฏิบัติการมีการอัปเดตยาวนาน
- ราคาสมเหตุสมผล
- แบตเตอรี่อึดมาก
ข้อสังเกต
- ไม่ได้ระบุมาตรฐานกันน้ำ
- การหาฟิล์มติดค่อนข้างยาก
- ขุมพลังอาจจะไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมอย่างหนัก
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ