รวมมือถือระดับเรือธงที่น่าเลือกซื้อที่สุดประจำต้นปี 2023

รวมมือถือระดับเรือธงที่น่าเลือกซื้อที่สุดประจำต้นปี 2023

รวมมือถือระดับเรือธงที่น่าเลือกซื้อที่สุดประจำต้นปี 2023
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาพบกับการรวมมือถือที่น่าซื้ออีกครั้งสำหรับรอบนี้ทีม Sanook Hitech รับกระแสมือถือเรือธง ที่เราจะรวบรวม 2 ครั้งต่อปี สำหรับรอบต้นปีนี้ใครที่มองหามือถือเรือธงสเปกสดใหม่ ทีมได้รวบรวมรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยในเวลานี้ และเพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกที่คาดว่าจะเข้ามาขายในครึ่งปีแรกมาให้ได้รับชมกัน มาดูกันครับว่ามีรุ่นไหนบ้าง

Samsung Galaxy S23 Series

samsung-galaxy-s23-ultra-5g-1

เริ่มต้นกับมือถือเรือธงที่สุดของปีจาก Samsung จริงๆ อยากยก Ultra มาพูดรุ่นเดียวแต่ไหนๆ ก็พูดรวมๆ เลยดีกว่า แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงกายภาพอาจจะไม่ได้ดูเยอะ แต่ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ที่ปรับปรุงความแรงที่โดดเด่นแรงและเย็น กล้องที่ใช้ AI ทำให้ประมวลผลดีขึ้นทำให้ภาพที่ออกมาดูสวยและลงตัวมากขึ้น และราคาก็แพงขึ้น แต่ว่า ในตอนนี้มีโปรโมชั่นอยู่ก็พอรับได้

แต่ก็ยังเป็นอีกรุ่นที่แก้ไขสิ่งที่รุ่นที่แล้วผิดพลาดได้ดีจนคำว่าน่าใช้ก็ไม่เกินจริงสำหรับเรือธง 3 รุ่นนี้

 รายละเอียดสเปกในแต่ละรุ่นของ Samsung Galaxy S23 Series

Samsung Galaxy S23

  • ขนาด : 146.3 x 70.9 x 7.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 167 กรัม
  • หน้าจอ : ขนาด 6.1 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
  • กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
  • มาตรฐานกันน้ำ : IP68
  • CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
  • GPU : Adreno 740
  • RAM : 8GB
  • ความจำภายใน : 128 / 256GB
  • ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
  • สเปกกล้องหน้า
    • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา, PDAF, Dual Pixel, OIS
  • สเปกกล้อง
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
    • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
    • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
    • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
  • การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและ ไร้สาย
  • ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
  • ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
  • แบตเตอรี่ : 3900 mAh
  • ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 25W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
  • ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
  • สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

Samsung Galaxy S23+

  • ขนาด : 157.8 x 76.2 x 7.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 195 กรัม
  • หน้าจอ : ขนาด 6.6 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
  • กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
  • มาตรฐานกันน้ำ : IP68
  • CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
  • GPU : Adreno 740
  • RAM : 8GB
  • ความจำภายใน : 256 / 512GB
  • ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
  • สเปกกล้องหน้า
    • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF, Dual Pixel, OIS
    • วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
  • สเปกกล้อง
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
    • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
    • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
    • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
  • การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและไร้สาย
  • ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
  • ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
  • แบตเตอรี่ : 4700 mAh
  • ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
  • ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
  • สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

Samsung Galaxy S23 Ultra

  • ขนาด : 163.4 x 78.1 x 8.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 233 กรัม
  • หน้าจอ : ขนาด 6.8 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด QHD+ (3088 x 1440 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 1 – 120Hz แบบ Adaptive รองรับค่าสี DCI-P3 Wide Gamut 100%
  • กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
  • มาตรฐานกันน้ำ : IP68
  • CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
  • GPU : Adreno 740
  • RAM : 8 / 12GB แบบ LPDDR 5X
  • ความจำภายใน : 256 / 512GB และ 1TB แบบ UFS 4.0
  • ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
  • สเปกกล้องหน้า
    • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF เป็นแบบ Dual Pixel, OIS
    • วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
  • สเปกกล้อง
    • กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล จาก Samsung ISOCELL HP2 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3 นิ้ว, 0.6 µm ค่ารูรับแสง F/1.7 ระบบ Dual Pixel, OIS
    • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
    • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
    • กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลซูมได้ 10x แบบ Optical Zoom
    • ครอบทับด้วยกระจก Camera Glass Protection Layer ( Cameras DX)
    • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
  • การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบไร้สายและมีสาย
  • SIM Card : Dual Nano SIM + 1 eSIM
  • ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
  • ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh
  • ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W
  • ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
  • สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

OnePlus 11 5G

oneplus-11-2

เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยต้องอกก่อนว่าราคาสเปกอยู่ระหว่าง 29,990 – 32,990 บาท ถือว่าโหดพอสมควรพอๆ กับสเปกที่ให้ทั้งเซนเซอร์กล้อง IMX890, ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 และมาพร้อมกับ RAM สูงสุด 16GB ถ้ามองว่าสิ่งที่ให้มาก็ยังใช้คำว่า คุ้มอยู่ประมาณหนึ่งแต่อาจจะกลายเป็นการเจอกันตรงๆ กับ S23 Series คงใช้คำว่า ชอบตัวไหนเลือกตัวนั้น จะดีกว่า

รายละเอียดของ OnePlus 11 5G

  • หน้าจอ LTPO3 AMOLED ขนาด 6.7  นิ้วความละเอียดระดับ 1440 x 3216 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 1 - 120Hz  Dolby Vision, HDR10+, 500 nits ความสว่าง 800 – 1,300 nits
  • ขนาดตัวเครื่อง 163.1 x 74.1 x 8.5 มม.
  • น้ำหนัก 205 กรัม
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
  • กราฟิก :Adreno 740
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 12/16GB LPDDR5X
  • หน่วยความจำภายในความจุ 256 - 512GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX/BE หรือ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.2, 5G / 4G
  • ลำโพงStereo ทั้งบนและล่าง รองรับ Dolby Audio
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F/2.5
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
    • กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX891 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
    • กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2 มุมกว้าง 115 องศา
    • กล้องTelephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.0 รองรับการซูมแบบ Optical 2x
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP64
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว SuperVOOC กำลัง 100W(แบบสาย), ไม่รองรับระบบไร้สาย
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13
  • สี Titan Black, Eternal Green

iQOO 11 5G

vivo-iqoo11-

ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมือถือระดับ Flagship แต่ขุมพลังนั้นถือว่าน่าจับตาเพราะมันคือมือถือรุ่นแรกที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 2 ตัวแรกในประเทศไทย ออกแบบระบบระบายความร้อนได้ดีและยังมาพร้อมกับจุดเด่นที่สามารถต่ออุปกรณ์เสริมทำให้เล่นเกมได้ดีแถมด้านหลังสวย กล้องสเปกมาแน่นๆ แต่ไม่ได้เน้นมากเท่ากับ X80 Pro แต่ก็ยังไว้ใจได้อยู่

รายละเอียดสเปกของ iQOO 11

  • ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 164.9 x 77.1 x 8.4 มม.
  • น้ำหนัก 205 - 208 กรัม
  • หน้าจอ OLED LTPO4 ขนาด 6.78 นิ้วความละเอียดระดับ 1440x3200 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 144Hz รองรับ HDR 10+
  • ชนิดกระจกกันรอย Gorilla Glass
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
  • กราฟิก : Adreno 740
  •  RAM ขนาด 16GB แบบ LPDDR5x
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : UFS4.0 ขนาด 256GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.2, 4G, 5G, A-GPS, GPS
  • ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า
    • ตัวหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F/2.5
    • วิดีโอ : 4K@30fps, 1080p@30fps
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
    • กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ รูรับแสง F/1.9 PDAF, Laser AF, OIS
    • มุมกว้างความ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 150 องศา
    • เลนส์กล้องซูม 13 ล้านพิกเซล PDAF Optical Zoom 2x
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K@30fps, 1080p@30/60/1, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
    • LED Flash
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น : ไม่ระบุ
  • ระบบปลดล็อค ระบบสแกนนิ้วมือในหน้าจอ / ระบบสแกนใบหน้า
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 120W แบบสาย
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + FunTouch OS 13
  • สี ขาว Legend White

HONOR Magic 4 Pro

honor-magic4-pro-1

มาถึง Honor กันบ้างสายซูมต้องชอบแน่นอนมือถือรุ่นนี้ซูมได้ 100 เท่าและมีดีไซน์ที่โดดเด่นไม่น้อย และมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ชวยคุณได้เยอะ และราคากำลังไม่แรงเกินไป และไปดูร้านดีๆ ของแถมเยอะๆ รุ่นนี้ถือว่าจัดได้

รายละเอียดสเปกของ HONOR Magic 4 Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 163.6 x 74.7 x 9.1มม.
  • น้ำหนัก 209 - 215 กรัม
  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.81 นิ้วความละเอียดระดับ 1312 x 2848 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz รองรับ HDR 10 รองรับ IMAX Enhancement
  • ชนิดกระจกกันรอย Aluminosilicate glass
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 4G
  • กราฟิก : Adreno 730
  •  RAM ขนาด 8GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.2, 4G, 5G, A-GPS, GPS (L1+L5), GLONASS (L1), BDS (B1I+B1c+B2a), GALILEO (E1+E5a)
  • ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า
    • ตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF เป็น Ultra Wide 100 องศา
    • พร้อมกับ 3D TOF สามารถวัดความลึกและเป็นระบบสแกนใบหน้าได้
    • วิดีโอ : 4K@30fps, 1080p@30fps
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
    • กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ รูรับแสง F/1.8 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS
    • มุมกว้างความ 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 122 องศา
    • เลนส์กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล แบบ 90 มิลลิเมตร PDAF + OIS ระยะซูม Optical 3.5x, Hybrid Zoom 10x ซูมสูงสุด 100x
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 4K@30/60fps, 1080p@30/60/1, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
    • LED Flash
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68 %
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ความจุ 4600mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 100W (HONOR Super Charge) + Wireless Charge กำลัง 100W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 + Magic 6
  • สี ดำ, เงิน (ออกเขียว)

OPPO Find X5 Pro

oppo-find-x5-pro-1

อีกผลงานหนึ่งจาก OPPO กับสเปกที่ใช้คำว่าสุดและยังไม่มีทีท่ารุ่นแทนจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ใครอยากที่ มือถือที่เน้นการถ่ายภาพบุคคล และการจับโฟกัสภาพที่ดี อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการซูมนัก ก็ยังสามารถเลือกตัวนี้ได้ในงบเริ่มต้นก็ถูกกว่าตอนเปิดตัวพอสมควร

รายละเอียดสเปกของ OPPO Find X5 Pro

  • หน้าจอ LTPO2 AMOLED ขนาด 6.7  นิ้วความละเอียดระดับ 3216x1440 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 1 - 120Hz 
  • ขนาดตัวเครื่อง 163.7 x 73.9 x 8.5มม.
  • น้ำหนัก 218 กรัม
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
  • กราฟิก :Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB LPDDR5 3200MHz
  • หน่วยความจำภายในความจุ 256GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, 5G / 4G
  • ลำโพงStereo ทั้งบนและล่าง รองรับ Dolby Audio
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
    • กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
    • กล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2
    • กล้องTelephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 รองรับการซูมแบบ Optical 2x, Hybrid Zoom 5x และ ซูมไกลสุด Digital Zoom 20x
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว SuperVOOC กำลัง 80W(แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย AirVOOC Wireless กำลัง 50W จ่ายไฟออก หรือ Power Share กำลัง 10W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วยColor OS 12.1
  • สี Ceramic White, Glaze Black

iPhone 14 Pro Max

apple-iphone-14-pro-max-1

นอกจากมือถือเรือธงฝั่ง Android แล้วยังมีสเปกของ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ก็ถือว่ายังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจแม้ว่าเรือธงฝั่งของ Android จะน่ากลัว แต่ถ้าคุณชอบถ่ายวิดีโอ นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน

รายละเอียดของ iPhone 14 Pro Max

  • ขนาดตัวเครื่อง 160.7 x 77.6 x 7.9 มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 240 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1290 x 2796 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut พร้อมเทคโนโลยี Promotion 1-120Hz ความสว่าง 1-120 Hz ความสว่างสูงสุด 2,000 nits ถ้าเป็น HDR จะเหลือ 1,600 nits
  • กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68  กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิปเซ็ต : Apple A16 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 5 Core 
  • RAM: 6GB LPDDR5
  • ความจำในตัว :128 / 256 /512GB และ 1TB
  • เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage   
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.3 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM      
  • ระบบเสียง 
    • ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
    • กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.78 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Time lapse ทั้งกลางวันและกลางคืน Dual Pixel, Sensor Shift
    • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.2 มุมมอง 120 องศาขนาดเซนเซอร์ 1/3.5
    • กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่าแบบ Optical PDAF พร้อมกับ OIS
    • LiDAR Sensor
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  พร้อมกับระบบ Auto Focus
  • แบตเตอรี่ 4323 mAh แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (20W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : Space Black, Silver, Gold, Deep Purple

Vivo X80 Pro

ก่อนที่รุ่นใหม่มาแทนที่สำหรับที่ที่รอคอยซื้อ X80 Pro ในราคาที่ดีรุ่นนี้ก็ยังน่าเล่นกับจุดเด่นในเรื่องระบบกันสั่น โดยเฉพาะ Gimbal ที่เป็นมือถือเพียงยี่ห้อเดียวที่ติดตั้งมาให้ แต่ว่าการอัปเดต Android 13 ต้องลุ้นกว่าเพื่อนอยู่

รายละเอียดสเปกของ vivo X80 Pro

  • สัดส่วน(ยาว x กว้าง x หนา) : 157 x 75.3 x 9.1 มม.           
  • น้ำหนัก:219 กรัม           
  • หน้าจอ:AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว  
  • ความละเอียดหน้าจอ3200 x 1440 พิกเซล Refresh Rate 120Hz 
  • ชิปเซ็ตQualcomm Snapdragon 8 Gen 1  + Adreno 730
  • การเชื่อมต่อ: 5G / 4G LTE (Nano SIM 2 Slot) WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 Dual Band, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS    
  • ความจำภายใน: 256GB     
  • แรม(RAM) : 12 GB                 
  • ความจำภายนอก:  ไม่รองรับ
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 + FunTouch OS 12
  • ระบบความปลอดภัย
    • ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 2 มิติ
    • ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    • กล้องหลักความละเอียด50 ล้านพิกเซล F/1.75 + OIS เซนเซอร์ GNV
    • กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด48 ล้านพิกเซล (Ultra Wide) 
    • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด12 ล้านพิกเซล Protrait (telephoto) 50 mm.
    • กล้องตัวที่ 4 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Periscope Telephoto 5x ซูมได้ 60 เท่า
    • LED Flash
  • กล้องหน้า:32 ล้านพิกเซล (f2.45)       
  • แบตเตอรี่: 4,700 mAh + Fast Charge 80W + Wireless Charge 50W
  • ลำโพงเฉพาะด้านล่าง
  • ช่องเสียบ: USB-C
  • การป้องกันน้ำและฝุ่น: IP68
  • สี:ดำ Cosmic Black

Xiaomi 13 Series

ปิดท้ายกับเรือธงที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ Xiaomi 13 Series เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยสดๆ ร้อนๆ กับเทคโนโลยีการถ่ายภาพชื่อที่หลายคนจำได้กับ Leica มาอยู่กับรุ่นนี้ สเปกอัดแน่นมากพอสมควร ยังมาพร้อมกับ 2 ขนาดให้เลือกทั้งรุ่นเล็ก ว่าเด็ดจับบง่าย แต่รุ่น Pro กับการขยายเซนเซอร์หลัก 1 นิ้วตัวเดียวกับ Xiaomi 12S Ultra ที่หลายคนอยากสัมผัส ทั้งนี้บทความนี้ให้คุณดูที่สเปกก่อน ส่วนราคานั้น ไว้ติดตามในรีวิวจากทีม Sanook Hitech นะครับ

รายละเอียดสเปกของ Xiaomi 13 

  • ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 152.8 x 71.5 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก 189 กรัม
  • หน้าจอ AMOLED  ขนาด 36 นิ้ว หน้าจอ E6 OLED Materials ความละเอียด 2400 x 1080 Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive Sync ค่าสี TrueColor display, JNCD≈0.32, Delta E≈0.36, HDR 10+, HLG,Dolby Vsion Adaptive Reading Mode และ Sunlight Mode ความสว่างสูงสุด 1,900 nits
  • ชนิดกระจกกันรอย ไม่ได้ระบุแต่คาดว่า Gorilla Glass 5
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
  • กราฟิก : Adreno 740
  •  RAM ขนาด 12GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.3, 4G, 5G, A-GPS, GPS
  • ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า
    • ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Super Pixel 4-in-1 F.2.0 รองรับ Dynamic Frameing (0.8 – 1x)
    • วิดีโอ : 1080p@30fps
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว เลือกใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.8-2.2/15-75 ASPH. ประกอบด้วย
    • กล้องหลังความละเอียด 54/50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ IMX 800 รองรับ Super Pixel 4-in-1 รูรับแสง F/1.8 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS (HyperOIS) ระยะเลนส์ 23 มิลลิเมตร พร้อม One-Click AI Cinema
    • มุมกว้างความ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 120 องศา หรือเลนส์ระยะ 15 มิลลิเมตร
    • เลนส์ซูมระยะ 75 มิลลิเมตร หรือ 3.2x Optical ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.0
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K@30FPS / 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120fps Slowmotion ช้าสุด 1,920FPS , HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
    • LED Flash
    • ปรับค่าสีได้ทั้ง Leica Authentic Look & Leica Vibrant Look และฟิลเตอร์ จาก Leica ทั้งหมด 5 รูปแบบ
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 67W แบบ Turbo Charge / 50W แบบ Wireless Turbo Charge / 10W Reverse Wireless Charge
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
  • สี Black, White, Flora Green

รายละเอียดสเปกของ Xiaomi 13 Pro 

  •  ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 162.9 x 74.6 x 8.38 มม.
  • น้ำหนัก 229 กรัม
  • หน้าจอ AMOLED  ขนาด 73 นิ้ว หน้าจอ E6 OLED Materials ความละเอียด 3200 x 1440 Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive Sync Pro ระหว่าง 1 – 120Hz ค่าสี TrueColor display, JNCD≈0.21, Delta E≈0.28, HDR 10+, HLG,Dolby Vsion Adaptive Reading Mode และ Sunlight Mode ความสว่างสูงสุด 1,900 nits พร้อมด้วย 1920 PWM dimming และ SGS Eye Care Display
  • ชนิดกระจกกันรอย ไม่ได้ระบุแต่คาดว่า Gorilla Glass Victus
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
  • กราฟิก : Adreno 740
  •  RAM ขนาด 12GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 512GB
  • พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.3, 4G, 5G, A-GPS, GPS
  • ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า
    • ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Super Pixel 4-in-1 F.2.0 รองรับ Dynamic Frameing (0.8 – 1x)
    • วิดีโอ : 1080p@30fps
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว เลือกใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/14-75 ASPH. ประกอบด้วย
    • กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ IMX 989 ขนาด 1 นิ้ว รองรับ Super Pixel 4-in-1 รูรับแสง F/1.9 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS (HyperOIS) ระยะเลนส์ 23 มิลลิเมตร พร้อม One-Click AI Cinema , Xiaomi Pro Focus, Portrait Night Mode
    • มุมกว้างความ 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 115 องศา หรือเลนส์ระยะ 14 มิลลิเมตร
    • เลนส์ซูมระยะ 75 มิลลิเมตร หรือ 3.2x Optical ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/2.0 + OIS ซูมได้ 70 เท่า Xiaomi ProFocus และ Portrait Night mode
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K @30 FPS / 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120fps Slowmotion ช้าสุด 1,920FPS , HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
    • LED Flash
    • ปรับค่าสีได้ทั้ง Leica Authentic Look & Leica Vibrant Look และฟิลเตอร์ จาก Leica ทั้งหมด 5 รูปแบบ
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ความจุ 4820mAh
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 6120W แบบ HyperCharge / 50W แบบ Wireless Turbo Charge / 10W Reverse Wireless Charge
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
  • สี Ceramic Black, Ceramic White

สำหรับในครั้งต่อไปจะมีมือถือและ Gadget กลุ่มไหนที่ทีม Sanook Hitech ที่นี้ในโอกาสต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook