รวมมือถือระดับเรือธงที่น่าเลือกซื้อที่สุดประจำต้นปี 2023
กลับมาพบกับการรวมมือถือที่น่าซื้ออีกครั้งสำหรับรอบนี้ทีม Sanook Hitech รับกระแสมือถือเรือธง ที่เราจะรวบรวม 2 ครั้งต่อปี สำหรับรอบต้นปีนี้ใครที่มองหามือถือเรือธงสเปกสดใหม่ ทีมได้รวบรวมรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยในเวลานี้ และเพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกที่คาดว่าจะเข้ามาขายในครึ่งปีแรกมาให้ได้รับชมกัน มาดูกันครับว่ามีรุ่นไหนบ้าง
Samsung Galaxy S23 Series
เริ่มต้นกับมือถือเรือธงที่สุดของปีจาก Samsung จริงๆ อยากยก Ultra มาพูดรุ่นเดียวแต่ไหนๆ ก็พูดรวมๆ เลยดีกว่า แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงกายภาพอาจจะไม่ได้ดูเยอะ แต่ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ที่ปรับปรุงความแรงที่โดดเด่นแรงและเย็น กล้องที่ใช้ AI ทำให้ประมวลผลดีขึ้นทำให้ภาพที่ออกมาดูสวยและลงตัวมากขึ้น และราคาก็แพงขึ้น แต่ว่า ในตอนนี้มีโปรโมชั่นอยู่ก็พอรับได้
แต่ก็ยังเป็นอีกรุ่นที่แก้ไขสิ่งที่รุ่นที่แล้วผิดพลาดได้ดีจนคำว่าน่าใช้ก็ไม่เกินจริงสำหรับเรือธง 3 รุ่นนี้
รายละเอียดสเปกในแต่ละรุ่นของ Samsung Galaxy S23 Series
Samsung Galaxy S23
- ขนาด : 146.3 x 70.9 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 167 กรัม
- หน้าจอ : ขนาด 6.1 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
- กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
- มาตรฐานกันน้ำ : IP68
- CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
- GPU : Adreno 740
- RAM : 8GB
- ความจำภายใน : 128 / 256GB
- ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
- สเปกกล้องหน้า
- ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา, PDAF, Dual Pixel, OIS
- สเปกกล้อง
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
- วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
- การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและ ไร้สาย
- ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
- ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
- พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
- แบตเตอรี่ : 3900 mAh
- ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 25W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
- ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
- สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime
Samsung Galaxy S23+
- ขนาด : 157.8 x 76.2 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 195 กรัม
- หน้าจอ : ขนาด 6.6 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
- กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
- มาตรฐานกันน้ำ : IP68
- CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
- GPU : Adreno 740
- RAM : 8GB
- ความจำภายใน : 256 / 512GB
- ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
- สเปกกล้องหน้า
- ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF, Dual Pixel, OIS
- วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
- สเปกกล้อง
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
- วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
- การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและไร้สาย
- ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
- ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
- พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
- แบตเตอรี่ : 4700 mAh
- ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
- ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
- สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime
Samsung Galaxy S23 Ultra
- ขนาด : 163.4 x 78.1 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 233 กรัม
- หน้าจอ : ขนาด 6.8 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด QHD+ (3088 x 1440 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 1 – 120Hz แบบ Adaptive รองรับค่าสี DCI-P3 Wide Gamut 100%
- กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
- มาตรฐานกันน้ำ : IP68
- CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
- GPU : Adreno 740
- RAM : 8 / 12GB แบบ LPDDR 5X
- ความจำภายใน : 256 / 512GB และ 1TB แบบ UFS 4.0
- ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
- สเปกกล้องหน้า
- ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF เป็นแบบ Dual Pixel, OIS
- วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
- สเปกกล้อง
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล จาก Samsung ISOCELL HP2 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3 นิ้ว, 0.6 µm ค่ารูรับแสง F/1.7 ระบบ Dual Pixel, OIS
- กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลซูมได้ 10x แบบ Optical Zoom
- ครอบทับด้วยกระจก Camera Glass Protection Layer ( Cameras DX)
- วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
- การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบไร้สายและมีสาย
- SIM Card : Dual Nano SIM + 1 eSIM
- ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
- ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
- พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
- แบตเตอรี่ : 5000 mAh
- ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W
- ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
- สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime
OnePlus 11 5G
เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยต้องอกก่อนว่าราคาสเปกอยู่ระหว่าง 29,990 – 32,990 บาท ถือว่าโหดพอสมควรพอๆ กับสเปกที่ให้ทั้งเซนเซอร์กล้อง IMX890, ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 และมาพร้อมกับ RAM สูงสุด 16GB ถ้ามองว่าสิ่งที่ให้มาก็ยังใช้คำว่า คุ้มอยู่ประมาณหนึ่งแต่อาจจะกลายเป็นการเจอกันตรงๆ กับ S23 Series คงใช้คำว่า ชอบตัวไหนเลือกตัวนั้น จะดีกว่า
รายละเอียดของ OnePlus 11 5G
- หน้าจอ LTPO3 AMOLED ขนาด 6.7 นิ้วความละเอียดระดับ 1440 x 3216 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 1 - 120Hz Dolby Vision, HDR10+, 500 nits ความสว่าง 800 – 1,300 nits
- ขนาดตัวเครื่อง 163.1 x 74.1 x 8.5 มม.
- น้ำหนัก 205 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- กราฟิก :Adreno 740
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12/16GB LPDDR5X
- หน่วยความจำภายในความจุ 256 - 512GB
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX/BE หรือ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.2, 5G / 4G
- ลำโพงStereo ทั้งบนและล่าง รองรับ Dolby Audio
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F/2.5
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX891 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
- กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2 มุมกว้าง 115 องศา
- กล้องTelephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.0 รองรับการซูมแบบ Optical 2x
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP64
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว SuperVOOC กำลัง 100W(แบบสาย), ไม่รองรับระบบไร้สาย
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13
- สี Titan Black, Eternal Green
iQOO 11 5G
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมือถือระดับ Flagship แต่ขุมพลังนั้นถือว่าน่าจับตาเพราะมันคือมือถือรุ่นแรกที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 2 ตัวแรกในประเทศไทย ออกแบบระบบระบายความร้อนได้ดีและยังมาพร้อมกับจุดเด่นที่สามารถต่ออุปกรณ์เสริมทำให้เล่นเกมได้ดีแถมด้านหลังสวย กล้องสเปกมาแน่นๆ แต่ไม่ได้เน้นมากเท่ากับ X80 Pro แต่ก็ยังไว้ใจได้อยู่
รายละเอียดสเปกของ iQOO 11
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 164.9 x 77.1 x 8.4 มม.
- น้ำหนัก 205 - 208 กรัม
- หน้าจอ OLED LTPO4 ขนาด 6.78 นิ้วความละเอียดระดับ 1440x3200 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 144Hz รองรับ HDR 10+
- ชนิดกระจกกันรอย Gorilla Glass
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- กราฟิก : Adreno 740
- RAM ขนาด 16GB แบบ LPDDR5x
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : UFS4.0 ขนาด 256GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.2, 4G, 5G, A-GPS, GPS
- ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ตัวหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F/2.5
- วิดีโอ : 4K@30fps, 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ รูรับแสง F/1.9 PDAF, Laser AF, OIS
- มุมกว้างความ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 150 องศา
- เลนส์กล้องซูม 13 ล้านพิกเซล PDAF Optical Zoom 2x
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K@30fps, 1080p@30/60/1, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
- LED Flash
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น : ไม่ระบุ
- ระบบปลดล็อค ระบบสแกนนิ้วมือในหน้าจอ / ระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 120W แบบสาย
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + FunTouch OS 13
- สี ขาว Legend White
HONOR Magic 4 Pro
มาถึง Honor กันบ้างสายซูมต้องชอบแน่นอนมือถือรุ่นนี้ซูมได้ 100 เท่าและมีดีไซน์ที่โดดเด่นไม่น้อย และมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ชวยคุณได้เยอะ และราคากำลังไม่แรงเกินไป และไปดูร้านดีๆ ของแถมเยอะๆ รุ่นนี้ถือว่าจัดได้
รายละเอียดสเปกของ HONOR Magic 4 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 163.6 x 74.7 x 9.1มม.
- น้ำหนัก 209 - 215 กรัม
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.81 นิ้วความละเอียดระดับ 1312 x 2848 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz รองรับ HDR 10 รองรับ IMAX Enhancement
- ชนิดกระจกกันรอย Aluminosilicate glass
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 4G
- กราฟิก : Adreno 730
- RAM ขนาด 8GB
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.2, 4G, 5G, A-GPS, GPS (L1+L5), GLONASS (L1), BDS (B1I+B1c+B2a), GALILEO (E1+E5a)
- ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF เป็น Ultra Wide 100 องศา
- พร้อมกับ 3D TOF สามารถวัดความลึกและเป็นระบบสแกนใบหน้าได้
- วิดีโอ : 4K@30fps, 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ รูรับแสง F/1.8 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS
- มุมกว้างความ 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 122 องศา
- เลนส์กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล แบบ 90 มิลลิเมตร PDAF + OIS ระยะซูม Optical 3.5x, Hybrid Zoom 10x ซูมสูงสุด 100x
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 4K@30/60fps, 1080p@30/60/1, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
- LED Flash
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68 %
- ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 4600mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 100W (HONOR Super Charge) + Wireless Charge กำลัง 100W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 + Magic 6
- สี ดำ, เงิน (ออกเขียว)
OPPO Find X5 Pro
อีกผลงานหนึ่งจาก OPPO กับสเปกที่ใช้คำว่าสุดและยังไม่มีทีท่ารุ่นแทนจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ใครอยากที่ มือถือที่เน้นการถ่ายภาพบุคคล และการจับโฟกัสภาพที่ดี อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการซูมนัก ก็ยังสามารถเลือกตัวนี้ได้ในงบเริ่มต้นก็ถูกกว่าตอนเปิดตัวพอสมควร
รายละเอียดสเปกของ OPPO Find X5 Pro
- หน้าจอ LTPO2 AMOLED ขนาด 6.7 นิ้วความละเอียดระดับ 3216x1440 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 1 - 120Hz
- ขนาดตัวเครื่อง 163.7 x 73.9 x 8.5มม.
- น้ำหนัก 218 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
- กราฟิก :Adreno 730
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB LPDDR5 3200MHz
- หน่วยความจำภายในความจุ 256GB
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, 5G / 4G
- ลำโพงStereo ทั้งบนและล่าง รองรับ Dolby Audio
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
- กล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2
- กล้องTelephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 รองรับการซูมแบบ Optical 2x, Hybrid Zoom 5x และ ซูมไกลสุด Digital Zoom 20x
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว SuperVOOC กำลัง 80W(แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย AirVOOC Wireless กำลัง 50W จ่ายไฟออก หรือ Power Share กำลัง 10W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วยColor OS 12.1
- สี Ceramic White, Glaze Black
iPhone 14 Pro Max
นอกจากมือถือเรือธงฝั่ง Android แล้วยังมีสเปกของ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ก็ถือว่ายังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจแม้ว่าเรือธงฝั่งของ Android จะน่ากลัว แต่ถ้าคุณชอบถ่ายวิดีโอ นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน
รายละเอียดของ iPhone 14 Pro Max
- ขนาดตัวเครื่อง 160.7 x 77.6 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 240 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
- ความละเอียดหน้าจอ : 1290 x 2796 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut พร้อมเทคโนโลยี Promotion 1-120Hz ความสว่าง 1-120 Hz ความสว่างสูงสุด 2,000 nits ถ้าเป็น HDR จะเหลือ 1,600 nits
- กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
- มาตรฐานการกันน้ำ IP68 กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
- ชิปเซ็ต : Apple A16 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 5 Core
- RAM: 6GB LPDDR5
- ความจำในตัว :128 / 256 /512GB และ 1TB
- เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
- การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.3 NFC และรองรับ Lightning Port
- รองรับ eSIM และ Nano SIM
- ระบบเสียง
- ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.78 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Time lapse ทั้งกลางวันและกลางคืน Dual Pixel, Sensor Shift
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.2 มุมมอง 120 องศาขนาดเซนเซอร์ 1/3.5
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่าแบบ Optical PDAF พร้อมกับ OIS
- LiDAR Sensor
- กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับระบบ Auto Focus
- แบตเตอรี่ 4323 mAh แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (20W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
- ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
- สี : Space Black, Silver, Gold, Deep Purple
Vivo X80 Pro
ก่อนที่รุ่นใหม่มาแทนที่สำหรับที่ที่รอคอยซื้อ X80 Pro ในราคาที่ดีรุ่นนี้ก็ยังน่าเล่นกับจุดเด่นในเรื่องระบบกันสั่น โดยเฉพาะ Gimbal ที่เป็นมือถือเพียงยี่ห้อเดียวที่ติดตั้งมาให้ แต่ว่าการอัปเดต Android 13 ต้องลุ้นกว่าเพื่อนอยู่
รายละเอียดสเปกของ vivo X80 Pro
- สัดส่วน(ยาว x กว้าง x หนา) : 157 x 75.3 x 9.1 มม.
- น้ำหนัก:219 กรัม
- หน้าจอ:AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ3200 x 1440 พิกเซล Refresh Rate 120Hz
- ชิปเซ็ตQualcomm Snapdragon 8 Gen 1 + Adreno 730
- การเชื่อมต่อ: 5G / 4G LTE (Nano SIM 2 Slot) WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 Dual Band, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
- ความจำภายใน: 256GB
- แรม(RAM) : 12 GB
- ความจำภายนอก: ไม่รองรับ
- ระบบปฏิบัติการ: Android 12 + FunTouch OS 12
- ระบบความปลอดภัย
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 2 มิติ
- ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด50 ล้านพิกเซล F/1.75 + OIS เซนเซอร์ GNV
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด48 ล้านพิกเซล (Ultra Wide)
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด12 ล้านพิกเซล Protrait (telephoto) 50 mm.
- กล้องตัวที่ 4 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Periscope Telephoto 5x ซูมได้ 60 เท่า
- LED Flash
- กล้องหน้า:32 ล้านพิกเซล (f2.45)
- แบตเตอรี่: 4,700 mAh + Fast Charge 80W + Wireless Charge 50W
- ลำโพงเฉพาะด้านล่าง
- ช่องเสียบ: USB-C
- การป้องกันน้ำและฝุ่น: IP68
- สี:ดำ Cosmic Black
Xiaomi 13 Series
ปิดท้ายกับเรือธงที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ Xiaomi 13 Series เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยสดๆ ร้อนๆ กับเทคโนโลยีการถ่ายภาพชื่อที่หลายคนจำได้กับ Leica มาอยู่กับรุ่นนี้ สเปกอัดแน่นมากพอสมควร ยังมาพร้อมกับ 2 ขนาดให้เลือกทั้งรุ่นเล็ก ว่าเด็ดจับบง่าย แต่รุ่น Pro กับการขยายเซนเซอร์หลัก 1 นิ้วตัวเดียวกับ Xiaomi 12S Ultra ที่หลายคนอยากสัมผัส ทั้งนี้บทความนี้ให้คุณดูที่สเปกก่อน ส่วนราคานั้น ไว้ติดตามในรีวิวจากทีม Sanook Hitech นะครับ
รายละเอียดสเปกของ Xiaomi 13
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 152.8 x 71.5 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 189 กรัม
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 36 นิ้ว หน้าจอ E6 OLED Materials ความละเอียด 2400 x 1080 Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive Sync ค่าสี TrueColor display, JNCD≈0.32, Delta E≈0.36, HDR 10+, HLG,Dolby Vsion Adaptive Reading Mode และ Sunlight Mode ความสว่างสูงสุด 1,900 nits
- ชนิดกระจกกันรอย ไม่ได้ระบุแต่คาดว่า Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- กราฟิก : Adreno 740
- RAM ขนาด 12GB
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.3, 4G, 5G, A-GPS, GPS
- ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Super Pixel 4-in-1 F.2.0 รองรับ Dynamic Frameing (0.8 – 1x)
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว เลือกใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.8-2.2/15-75 ASPH. ประกอบด้วย
- กล้องหลังความละเอียด 54/50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ IMX 800 รองรับ Super Pixel 4-in-1 รูรับแสง F/1.8 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS (HyperOIS) ระยะเลนส์ 23 มิลลิเมตร พร้อม One-Click AI Cinema
- มุมกว้างความ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 120 องศา หรือเลนส์ระยะ 15 มิลลิเมตร
- เลนส์ซูมระยะ 75 มิลลิเมตร หรือ 3.2x Optical ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.0
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K@30FPS / 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120fps Slowmotion ช้าสุด 1,920FPS , HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
- LED Flash
- ปรับค่าสีได้ทั้ง Leica Authentic Look & Leica Vibrant Look และฟิลเตอร์ จาก Leica ทั้งหมด 5 รูปแบบ
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 67W แบบ Turbo Charge / 50W แบบ Wireless Turbo Charge / 10W Reverse Wireless Charge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
- สี Black, White, Flora Green
รายละเอียดสเปกของ Xiaomi 13 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 162.9 x 74.6 x 8.38 มม.
- น้ำหนัก 229 กรัม
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 73 นิ้ว หน้าจอ E6 OLED Materials ความละเอียด 3200 x 1440 Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive Sync Pro ระหว่าง 1 – 120Hz ค่าสี TrueColor display, JNCD≈0.21, Delta E≈0.28, HDR 10+, HLG,Dolby Vsion Adaptive Reading Mode และ Sunlight Mode ความสว่างสูงสุด 1,900 nits พร้อมด้วย 1920 PWM dimming และ SGS Eye Care Display
- ชนิดกระจกกันรอย ไม่ได้ระบุแต่คาดว่า Gorilla Glass Victus
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- กราฟิก : Adreno 740
- RAM ขนาด 12GB
- พื้นที่จัดเก็บภายใน : 512GB
- พื้นที่จัดเก็บภายนอก : ไม่สามารถเพิ่มได้
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.3, 4G, 5G, A-GPS, GPS
- ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า
- ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Super Pixel 4-in-1 F.2.0 รองรับ Dynamic Frameing (0.8 – 1x)
- วิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว เลือกใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/14-75 ASPH. ประกอบด้วย
- กล้องหลังความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ IMX 989 ขนาด 1 นิ้ว รองรับ Super Pixel 4-in-1 รูรับแสง F/1.9 พร้อม multi-directional PDAF, Laser AF, OIS (HyperOIS) ระยะเลนส์ 23 มิลลิเมตร พร้อม One-Click AI Cinema , Xiaomi Pro Focus, Portrait Night Mode
- มุมกว้างความ 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 พร้อมกับมุมกว้าง 115 องศา หรือเลนส์ระยะ 14 มิลลิเมตร
- เลนส์ซูมระยะ 75 มิลลิเมตร หรือ 3.2x Optical ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/2.0 + OIS ซูมได้ 70 เท่า Xiaomi ProFocus และ Portrait Night mode
- วิดีโอถ่ายได้ที่ 8K @30 FPS / 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120fps Slowmotion ช้าสุด 1,920FPS , HDR, gyro-EIS, สีแบบ 10-bit
- LED Flash
- ปรับค่าสีได้ทั้ง Leica Authentic Look & Leica Vibrant Look และฟิลเตอร์ จาก Leica ทั้งหมด 5 รูปแบบ
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition แบบ 3D ToF Scanner และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ 4820mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 6120W แบบ HyperCharge / 50W แบบ Wireless Turbo Charge / 10W Reverse Wireless Charge
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
- สี Ceramic Black, Ceramic White
สำหรับในครั้งต่อไปจะมีมือถือและ Gadget กลุ่มไหนที่ทีม Sanook Hitech ที่นี้ในโอกาสต่อไป