ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการให้ธนาคารชุดใหญ่ ป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ

ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการให้ธนาคารชุดใหญ่ ป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ

ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการให้ธนาคารชุดใหญ่ ป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกจากเรื่องของภัยจากการโทรก่อกวนโดยมิจฉาชีพทั้งหลาย หรือหลายคนเรียกว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งหลอกลวงเงินของหลายคนออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและมีการโอนเงินเป็นทอดๆ

หลายคนก็เริ่มจะหาวิธีป้องกันมากขึ้น แต่ล่าสุดนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเผยมาตรการชุดใหญ่ที่ใช้กับธนาคารในประเทศไทยนำไปบังคับใช้กัน โดยมีหลักๆ ดังนี่

1.มาตรการป้องกัน เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น

ให้ สง. งดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล และงดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละ สง. ให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น

โดย สง. ต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง และพัฒนาระบบความปลอดภัยบน mobile banking ให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา ตลอดจนต้องยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics) เช่น สแกนใบหน้า

ในกรณีลูกค้าขอเปิดบัญชีโดยผ่านแอปพลิเคชันของ สง. (non-face-to-face) หรือทำธุรกรรมผ่าน mobile banking ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น โอนเงินมากกว่า 50,000 บาท หรือปรับเพิ่มวงเงินทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป นอกจากนี้ จะกำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ใช้บริการแต่ละประเภท โดยลูกค้าสามารถขอปรับได้ตามความจำเป็น และต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด

2.มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อให้ สง. ช่วยจำกัดความเสียหายได้เร็วขึ้น และลดการใช้บัญชีม้า

ธปท. จะกำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สง. รายงานไปสำนักงาน ปปง. รวมทั้งให้ สง. ต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ

3.มาตรการตอบสนองและรับมือ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น

ให้ สง. ทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของ สง.

โดยมาตรการเหล่านี้จะเป็นของธนาคาร แต่ผู้คนทั่วไปควรรับรู้ไว้เพื่อจะใช้ปรับตัวและอาจจะป้องกันได้ในระดับเบื้องต้นและแก้ไขหากตกเป็นเหยื่อได้ทันท่วงที

ahr0chm6ly9zlmlzyw5vb2suy29tl

อย่างไรก็ดี Sanook Hitech แนะนำ ถ้าเกิดมีข้อความ SMS แปลก ควรลบทิ้งทันที หรือเบอร์มือถือที่ไม่รู้จัก ไม่ควรจะกดรับ หรือถ้ากดรับเกิดเป็นระบบอัตโนมัติ หรือหลอกข้อมูล ไม่ควรให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และติดตั้ง Apps เตือนเกี่ยวกับสายแปลกๆ เพื่อความปลอดภัยเช่นเดียวกันครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook